บทที่ 394 กลับเมืองหรื่นหม่า
พวกลู่เฉินไม่คาดคิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีพวกไร้ประโยชน์เยอะขนาดนี้ คนยังเหลือมากกว่าครึ่งก็วิ่งหนีไปหมดแล้ว
“แม่งเอ๊ย ถ้าตู้เฟยกับเซียวจ้านพาทหารสำนักสังหารโกก้างกระจอกๆแบบนี้มา ฉันจะฆ่าพวกเขาสองคนซะ” ลู่เฉินแสยะยิ้ม
“ไม่หรอกมั้ง พี่เฟยเป็นคนเข้มงวดมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาทหารไม่มีวินัย ไม่มีระบบระเบียบแบบนี้มาได้” เสี่ยวจิงพูดพลางหัวเราะ
“อืม ฉันก็เชื่อว่าทหารที่พวกเขาพามาไม่ได้กระจอกแบบนี้ ไปเถอะ ไปสนามบินกันต่อ” ลู่เฉินพยักหน้า ไม่ต้องพูดว่าเป็นช่วงกลางคืน เพราะถึงจะเป็นช่วงกลางวัน พวกเขาก็ไม่ไปตามทหารรับจ้างพวกนั้น
แต่พอเห็นทหารรับจ้างพวกนั้นกระจอกถึงขนาดนี้ เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจในสำนักสังหารโกก้าง
ในเมื่อสงครามเกิดขึ้นแล้ว พระราชวงศ์เจียซือก็น่าจะโดนชาวอิงลอนควบคุมตัวไว้แล้ว
งั้นลำดับต่อไป หากเขาอยากหาผลประโยชน์จากสถานการณ์หรือสิทธิ์ในการขุดเหมืองแร่ยูเรเนียม เขาก็ต้องกวาดล้างกองทัพอิงลอนให้สิ้นซาก
และนี่ยังเป็นเรื่องทางเทคนิค เนื่องจากสำนักสังหารโกก้างของเขาไม่สามารถทำสงครามกับกองทัพอิงลอนได้โดยตรง ดังนั้นเขาจึงต้องมีข้ออ้าง เพราะไม่อย่างงั้นเรื่องนี้จะกลายเป็นการยั่วยุให้พันธมิตรป๋ายเย่าเข้ามายุ่มย่ามได้
หลังจากที่ลู่เฉินขึ้นรถและให้เสี่ยวจิงแจ้งทางตู้เฟยว่าไม่ต้องมาแล้ว เขาก็นึกถึงเรื่องนี้
หลินตงกลับมาขับรถเพื่อพาทุกคนเดินทางไปยังสนามบิน
เนื่องจากสงคราม บนถนนจึงร้างผู้คนและไม่มีรถสัญจร ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งความเร็ว
ทว่าตอนที่พวกเขาเพิ่งขึ้นทางด่วนได้ไม่นาน ลู่เฉินก็รับสายจากหวงไห่ทาว
“ประธานลู่ แย่แล้วครับ กองทัพของพระราชวงศ์เจียซือแพ้สงคราม สนามบินตกอยู่ในมือของพวกหัวรุนแรง ลูกเรือของเราดูเหมือนจะถูกพวกมันควบคุม มีเพียงลูกเรือคนเดียวเท่านั้นที่หนีออกมาจากสนามบินได้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะระเบิดเครื่องบินไปแล้ว” หวงไห่ทาวพูดผ่านทางโทรศัพท์อย่างเคร่งขรึม
ลู่เฉินหน้าตามืดมน ดวงตาฉายแววเยือกเย็นพลางพึมพำ “กลับเมืองหรื่นหม่าก่อน”
กองกำลังขนาดใหญ่ของเขาทั้งหมดอยู่ในเมืองหรื่นหม่า ขอเพียงกลับไปยังเมืองหรื่นหม่าก่อนแล้วค่อยหารือกันอีกที
หลังจากที่หวงไห่ทาวถ่ายทอดคำพูดของลู่เฉินให้ทุกคนฟัง แม้ว่าทุกคนยังมีความกังวลอยู่บ้าง แต่คราวนี้ไม่มีใครพูดอะไรอีก พวกเขาทั้งหมดพากันตามไปที่เมืองหรื่นหม่า
แค่ไปเมืองหรื่นหม่าก็ปลอดภัยแล้วใช่ไหม?
มีเงามืดปกคลุมในใจทุกคน
ในเวลานี้ชาวเมืองเซิ่งหูอานต่างพากันหลบอยู่แต่ในบ้านด้วยความหวาดกลัว ทั้งเมืองแทบจะไม่เจอใครเลยนอกจากเขม่าควันปืนที่ตลบอบอวลไปทั่ว
หลินตงขับรถออฟโรดไปบนถนนที่ว่างเปล่า พวกเขากลับไปที่เมืองหรื่นหม่าและผ่านใจกลางเมือง
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะขึ้นทางด่วนของเมืองหรื่นหม่า ทันใดนั้นก็เห็นรถติดอาวุธสองคันอยู่ข้างหน้ากำลังขนทหารกลุ่มเล็กสองกลุ่มขับมุ่งหน้าไป ทหารทั้งหมดเป็นคนผิวขาว พอเห็นเครื่องแบบที่พวกเขาสวมใส่ ก็น่าจะเป็นทหารลาดตระเวนชาวอิงลอน
หลินตงขับรถออกไปด้านข้างเพื่อให้พวกเขาผ่านไปก่อน หวงไห่ทาวและขบวนรถที่ตามมาจากด้านหลังก็จอดเช่นกัน
ทว่าทุกคนกลับไม่คาดคิดว่ารถติดอาวุธจะจอด จากนั้นทหารสองสามนายก็กระโดดลงจากรถไปเคาะหน้าต่างรถของหลินตง
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทุกคนที่อยู่ข้างหลังก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย
“พี่เฉิน พวกเขาอาจจะรู้แล้วก็ได้ น่าจะมาตรวจสอบพวกเรา” เสี่ยวจิงพูดเตือน
“อืม ฉันเห็นว่าพวกมันมีรถติดอาวุธสองคันและมีทหารลงมาสองคน ถ้าไม่ได้ก็จัดการซะ” ลู่เฉินพยักหน้า
“ครับ” เสี่ยวจิงกับหลินตงพยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็ตรึงปืนไว้ที่เอว
“เดี๋ยวอาจจะมีการต่อสู้ คุณแจ้งพวกเขาว่าให้อยู่ในรถอย่าขยับ” ลู่เฉินกำชับหวงไห่ทาวผ่านทางโทรศัพท์
“ครับ” หวงไห่ทาวตอบรับแล้ววางสาย
ขณะนี้มีทหารคนหนึ่งมาที่รถออฟโรด
“พวกคุณเป็นคนประเทศไหน มาทำอะไรที่นี่?” หลินตงลดกระจกลง ทหารคนนั้นถามด้วยภาษาอังกฤษ
“นักธุรกิจ คนหัวเซี่ย” หลินตงไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ เสี่ยวจิงจึงตอบคำง่ายๆ
นายทหารคนนั้นหันหลังเดินไปที่ด้านข้างของรถติดอาวุธ ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกับนายทหารชั้นประทวน จากนั้นก็เดินกลับมาอีกครั้ง
“ลงรถแล้วตามมา” ทหารคนนั้นกลับมาแล้วขอให้พวกลู่เฉินลงจากรถ พวกเขาพาพวกลู่เฉินเดินไป
ในเวลาเดียวกันนายทหารอีกสิบนายก็พากันเดินมาทางรถของหวงไห่ทาว เห็นได้ว่าต้องการให้พวกเขาลงจากรถด้วย
ลู่เฉินมองด้วยแววตานักฆ่า เขาหัวเราะเยาะเปิดประตูและลงจากรถ มีนายทหารคนหนึ่งใช้กระบอกปืนผลักลู่เฉินเพื่อเป็นสัญญาณให้เขาเดินไป
ลู่เฉินจึงถือโอกาสคว้าปืนทหารแล้วใช้ปืนฟาดศีรษะของทหารคนนั้น ทหารส่งเสียงมาเพียงคำเดียวแล้วล้มลงไป
เมื่อทหารคนอื่นๆเห็นเหตุการณ์ นัยน์ตาฉายแววโหดเหี้ยม จากนั้นก็ยิงไปทางลู่เฉิน
แต่ความเร็วของพวกเขายังช้ากว่าครึ่งจังหวะ ในขณะที่กำลังจะยกปืนขึ้น พวกเขาก็โดนหลินตงและเสี่ยวจิงยิงไปแล้ว
ลู่เฉินก้าวไปข้างหน้าด้วยกลิ่นอายสังหารที่เต็มไปทั่วทั้งร่าง เขายกปืนขึ้นแล้วกราดยิงทหารเหล่านั้น
ในเวลาต่อมาทหารเจ็ดแปดนายก็ล้มลงจมอยู่ในกองเลือด
“FUCK!”
พวกทหารที่อยู่บนรถติดอาวุธสบถออกมาเสียงดังพร้อมกับยกปืนขึ้นมากราดยิงทางพวกลู่เฉินสามคน
ยิ้มเยาะเย้ยกระหายเลือดฉายออกมาจากหางตาของทั้งสาม คนหนึ่งม้วนตัวหนีกระสุน ในเวลาเดียวกันก็ยกปืนไรเฟิลขึ้นมายิง
คู่ต่อสู้มีจำนวนไม่มาก พวกเขาจึงไม่เก็บไว้ในสายตา
ฝีมือการยิงปืนของทั้งสามในแต่ละนัดมีความแม่นยำมาก ทหารสิบกว่านายที่ขึ้นลงรถติดอาวุธคันแรกล้วนโดนยิงสังหาร
“ฆ่ามัน!”
“ฆ่ามัน!”
พวกทหารที่อยู่บนรถติดอาวุธคันที่สองต่างก็หน้าถอดสีโดยไม่คิดว่าพวกลู่เฉินสามคนจะกล้าเปิดฉากยิงพวกเขาแบบนี้ นั่นก็เท่ากับว่าไม่เห็นกองทัพอิงลอนอย่างพวกเขาอยู่ในสายตาเลย
ภายใต้คำสั่งของนายทหารชั้นประทวน ทหารทุกคนจึงทยอยพากันกระโดดลงจากรถแล้วซ่อนอยู่ข้างหลังเพื่อเปิดฉากกับสามคนนั้น แต่พวกเขาประเมินความสามารถของพวกลู่เฉินต่ำเกินไป
เนื่องจากทั้งสามไม่เพียงแค่แม่นปืนเท่านั้น ทั้งยังมีศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงอีกด้วย โดยพื้นฐานแล้วพวกเขายังสามารถทำนายวิถีกระสุนได้ นี่จึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะโจมตีคนทั้งสามได้
ทันทีที่โผล่หัวออกไปก็จะโดนระเบิดศีรษะ
ในเวลานี้นายทหารชั้นประทวนยังไม่ยอมลงจากรถ เมื่อลู่เฉินเห็นดังนั้น เขาจึงยิงไปทางกระจกรถ นายทหารชั้นประทวนที่นั่งอยู่ข้างคนขับยังไม่ทันตอบสนองก็โดนเขายิงเข้าทางศีรษะโดยตรง
เมื่อเห็นว่าทหารในรถติดอาวุธคันที่สองซ่อนตัวอยู่หลังรถไม่กล้าออกมา ทั้งสามคนจึงโยนปืนไรเฟิลและหยิบปืนพกไร้เสียงออกมา
ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างจากกันไม่มากนัก ในขณะที่กำลังยิงด้วยความรวดเร็ว อีกด้านหนึ่งก็วิ่งไปที่รถติดอาวุธ
ลู่เฉินส่งสายตาให้หลินตงและเสี่ยวจิง พอทั้งสองเข้าใจความหมายก็เก็บปืน จากนั้นก็ดันรถติดอาวุธด้วยพละกำลัง
ปัง!
ใช้เวลาไม่นานรถติดอาวุธก็ถูกหลินตงและเสี่ยวจิงโค่นล้ม ในขณะนั้นพวกทหารก็ตะโกนออกมา
หลังจากที่ลู่เฉินทิ้งระเบิดไว้ใต้รถติดอาวุธก็พาทั้งสองกลับมาขึ้นรถ
พอพวกเขาเพิ่งจะขึ้นรถได้ไม่นาน รถติดอาวุธคันนั้นก็ระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงระเบิดดัง “ตูม”ทหารอีกเจ็ดแปดคนที่อยู่ใต้รถก็ถูกระเบิดจนลอยออกมา ชิ้นส่วนขาดวิ่นลอยกระจัดกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง
หลี่เสวี่ยนอี๋และคนอื่นๆต่างตกใจเมื่อเห็นฉากนี้
ไม่กี่นาทีต่อมาผลพวงของระเบิดก็หายไป หลินตงสตาร์ทรถออฟโรดอีกครั้งและนำขบวนรถไปยังเมืองหรื่นหม่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์