บทที่ 395 ปาเอ่อยึดครองราชวงศ์
หลังจากกลับมาจากเมืองหรื่นหม่า แม้ทุกคนจะพักอยู่กับพวกลู่เฉินที่โรงแรม แต่ก็ยังหาทางกลับไม่ได้ นักธุรกิจต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
ไม่มีใครรู้ว่าสงครามนี้จะยาวนานแค่ไหน เนื่องจากพวกเขาเกิดในประเทศที่สงบสุข ดังนั้นจึงไม่เคยเห็นความเลวร้ายของสงครามมาก่อน ความวุ่นวายของสงครามในเวลานี้ทำให้ทุกคนล้วนรู้สึกถึงเงาแห่งความตายที่ขมุกขมัวเป็นกลุ่มก้อน
ที่สำคัญก็คือ พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเมืองหรื่นหม่าแห่งนี้จะปลอดภัยหรือไม่
ถ้าเมืองหรื่นหม่ามีสงครามเกิดขึ้น พวกเขาจะต้องไปหลบที่ไหนอีก?
ในไม่ช้าข่าวการจับกุมตัวราชวงศ์ที่เซิ่งหูอานก็แพร่กระจายไปทั่วประเทศเจียซือ เหล่าเจ้าผู้ครองนคร ผู้ใหญ่บ้านรวมไปถึงประชาชนทั้งประเทศต่างก็อยู่ในสถานการณ์กระสับส่าย
โดยเฉพาะเจ้าผู้ครองนครและราชวงศ์ที่ถูกจับตัว ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามีผู้กุมอำนาจคนใหม่เข้ามาควบคุมประเทศของพวกเขาได้อีกแล้ว และพอถึงเวลานั้นเจ้าผู้ครองนครเหล่านี้ก็จะถูกกวาดล้างหรือเลือกที่จะยอมสวามิภักดิ์
ข่าวนี้เผยแพร่เกือบทั้งวัน เจ้าผู้ครองนครครึ่งหนึ่งรับคำสาบานที่จะต่อสู้กับกองทัพที่รุกรานจนถึงที่สุด
และในขณะนี้เจ้าผู้ครองนครปาเอ่อก็ป่าวประกาศว่าเขาคือผู้ปกครองประเทศเจียซือและรับตำแหน่งกษัตริย์
ในเวลาเดียวกันก็ยังประกาศว่าตราบใดที่เจ้าผู้ครองนครคนอื่นยอมสวามิภักดิ์กับเขา พวกเขาจะยังคงเป็นเจ้าผู้ครองนครต่อไปและยังคงปกครองดินแดนของตัวเองได้ดังเดิม
ทันทีที่ข่าวนี้กระจายออกไป เหล่าเจ้าผู้ครองนครที่ต้องการแก้แค้นก็ค่อยๆเลือกที่จะเงียบ
เสด็จท่านซางปาเองก็ได้รับการปลอบขวัญจากกษัตริย์ปาเอ่อผ่านทางโทรศัพท์เช่นกัน
ปาเอ่อไม่ได้ทำสงครามในมณฑลวันทองของซางปา แต่ใช้ทหารรับจ้างของหมี่เล่อมาคุ้มกันและใช้กองทัพของตัวเองดักซุ่มเพื่อรอโจมตีเซิ่งหูอาน เมื่อกองทัพอิงลอนเปิดฉากโจมตีเซิ่งหูอานกะทันหัน พวกเขาก็ค่อยๆตอบโต้ จึงยึดครองเซิ่งหูอานได้เป็นที่แรก
นี่จึงเป็นเหตุที่พวกลู่เฉินและคนอื่นๆได้เจอกับกองทัพอิงลอนที่เซิ่งหูอานก่อนหน้านั้นและยังพบกับทหารรับจ้าง
เสด็จท่านซางปาไม่เห็นด้วยที่จะประกาศนิรโทษกรรมแก่พวกกบฏ ทว่าเขาก็ไม่ได้บอกว่าไม่เห็นด้วย บอกเพียงว่าขอพิจารณาดูก่อน
ทางด้านเสด็จท่านซางปาที่เพิ่งจะวางสายจากกษัตริย์ปาเอ่อก็ได้ยินลูกน้องมารายงานว่าลู่เฉินมาถึงข้างนอกวังแล้ว
เสด็จท่านซางปาประหลาดใจเพราะไม่รู้ว่าลู่เฉินมาทำอะไรในเวลานี้ แต่ก็ยังตามลูกน้องไปนอกวัง
เขารู้ดีว่ากองทัพของลู่เฉินจำนวนพลกว่าสี่พันนายกำลังซุ่มอยู่รอบเมืองหรื่นหม่า และเขายังเห็นอีกว่ากองทัพสำนักสังหารโกก้างมีความพร้อมมากกว่ากองทัพของเขาในทุกๆด้าน
เขาเชื่อว่าหากเกิดสงคราม กองทัพทหารจำนวนหนึ่งถึงสองหมื่นนายของเขาจะไม่สามารถต่อกลอนกับทหารจำนวนสี่พันนายของลู่เฉินได้
นี่คือช่องว่างความแตกต่างในเรื่องความแข็งแกร่งของด้านต่างๆอย่างเช่นอาวุธยุทโธปกรณ์
“เรียนผู้บัญชาการลู่ เชิญข้างในครับ” เสด็จท่านซางปาเปิดประตูรถให้ลู่เฉินด้วยตัวเองด้วยความเคารพอย่างมาก เนื่องจากแน่ใจในสถานะหัวหน้าใหญ่แห่งสำนักสังหารโกก้างแล้ว แม้แต่คำเรียกก็เปลี่ยนไปด้วย
“อืม” ลู่เฉินพยักหน้าและเดินนำเข้าไปในพระราชวังก่อนโดยมีซางปาและคนอื่นๆเดินตามหลัง
เมื่อเข้ามาในพระราชวัง ลู่เฉินก็นั่งบนเก้าอี้หนัง “ราชวงศ์ประเทศของพวกคุณโดนจับตัวหมดแล้ว คุณมีความเห็นอย่างไร?”
เมื่อลู่เฉินรู้ว่าปาเอ่อรับตำแหน่งกษัตริย์เซิ่งหูอาน เขาก็รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
พูดกันตามตรง ถ้าเขาไม่รู้ว่ามีเหมืองยูเรเนียมขนาดใหญ่บนภูเขาเซิ่งซานที่เซิ่งหูอาน เขาก็ไม่สนใจว่าใครจะเป็นผู้ดูแลประเทศเจียซือ
แต่ตอนนี้เขาต้องการได้สิทธิ์ในการขุดแร่ยูเรเนียม เขาจึงต้องได้รับความเชื่อถือจากกษัตริย์ผู้ปกครองเจียซือ
เขาคิดว่าซางปาคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
เขาต้องการสนับสนุนซางปาขึ้นบัลลังก์กษัตริย์แห่งเจียซือ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงให้เซียวจ้านนำทหารชั้นยอดอีกสามพันนายมาที่เจียซือ
“ผู้บัญชาการลู่โปรดวางใจ ตราบใดที่ซางปายังสามารถดำรงตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครนี้ได้ ข้อตกลงของพวกคุณก็จะไม่เปลี่ยนแปลง” เสด็จท่านซางปาคิดว่าลู่เฉินกังวลเรื่องสินแร่ เขาจึงรีบพูดเพื่อเป็นการรับรอง
ไม่มีทาง อันที่จริงเขาก็นึกเสียใจ เนื่องจากข้อตกลงที่เซ็นกับลู่เฉินก่อนหน้านั้นมันเลวร้ายเกินไปสำหรับเขา โดยหลักก็คือเขาจะต้องให้ลู่เฉินเช่าท่าเรือวันทองทั้งหมด ซึ่งตอนนี้กองทัพของลู่เฉินก็อยู่ที่ท่าเรือวันทองแล้ว สถานการณ์นี้เหมือนกับดาบคมที่ห้อยอยู่บนหัวของเขา
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่กล้ากลับคำ เพราะสำนักสังหารโกก้างแข็งแกร่งเกินไป ซึ่งไม่ใช่เสด็จท่านอย่างเขาจะสามารถไปยั่วยุได้
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ซางปาคิด โดยหลักๆก็คือปาเอ่อไม่ได้โจมตีเขา แต่ตอนนี้ปาเอ่อยังต้องการให้ยอมจำนน
ดังนั้นเขาจึงหวั่นไหวเล็กน้อย พอถึงตอนนั้นก็ไปขอลี้ภัยกับปาเอ่อ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเซ็นข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรมกับลู่เฉินมากมาย เขาไม่เสียใจก็ถือว่าแปลก
“คุณชายใหญ่ของพวกเราอยากถามคุณว่าต้องการเซิ่งหูอานคืน แล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์หรือไม่” หลินตงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่...”
ทันทีที่ถูกถาม ซางปาก็ลังเลไม่ยอมตอบ เขารู้แล้วว่าความย่อยยับของประเทศพวกเขาในครั้งนี้เกิดจากพันธมิตรป๋ายเย่าของกองทัพอิงลอน และถึงเขาจะกล้าเพียงใดก็ไม่กล้าเปิดสงครามกับพันธมิตรป๋ายเย่า
ลู่เฉินเหลือบมองซางปาพลางนึกดูถูกในใจ ซางปาคนนี้เป็นคนขี้ขลาดตาขาวจริงๆ
“มณฑลวันทองอยู่ติดกับเซิ่งหูอาน อีกไม่นานเปลวไฟแห่งสงครามจะต้องลุกลามมาถึงวันทองแล้ว คุณคิดว่าคุณจะยืนหยัดด้วยตัวเองได้ไหม? ถ้าอยากแก้แค้นเพื่อประเทศแล้วกอบกู้เซิ่งหูอาน คุณชายใหญ่ของพวกเราช่วยคุณได้อีกแรง แต่ถ้าคุณอยากเป็นหุ่นเชิดของผู้รุกราน พวกเราจะไปทันที แน่นอนว่าพวกมันยินดีที่จะให้คุณเป็นหุ่นเชิด” เสี่ยวจิงเสียงเข้ม
“ผู้บัญชาการลู่ เรื่องใหญ่แบบนี้ให้ผมคิดดีดีอีกครั้งเถอะ” ซางปากล่าวด้วยใบหน้าเศร้าๆ
“งั้นคุณก็คิดดีดีแล้วกัน” ลู่เฉินลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด แล้วเดินออกจากพระราชวัง
เดิมทีเขาอยากให้ซางปาออกรบ เพื่อที่่เขาจะได้ปกปิดสถานะตัวเอง จากนั้นก็อุ้มชูซางปาเล็กน้อยและใช้โอกาสนี้ให้เขากลายเป็นกษัตริย์แห่งเจียซือ พอถึงตอนนั้นก็จะได้เอาเหมืองยูเรเนียมมาเป็นของตัวเองได้อย่างง่ายดาย .
แต่เมื่อเห็นซางปาขลาดตัวกลัวตาย ไม่มีความเด็ดเดี่ยวแบบนี้ ในเวลานี้ลู่เฉินจึงหมดความคิดที่จะสนับสนุนเขา
ซางปาส่งลู่เฉินออกจากวังด้วยท่าทางลำบากใจ เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ยังไม่พูดออกไป
“คุณชายใหญ่ ซางปาคนนี้ดูจะไร้ประโยชน์เกินไป พวกเราไปหาเจ้าผู้ครองนครคนอื่นมาร่วมงานกันดีกว่า” หลินตงพูดอยู่บนรถ
“พระราชวงศ์เจียซือโดนยึดตัวไปหมดแล้ว ยังไงจะต้องมีเจ้าผู้ครองนครที่ต้องการแก้แค้นอยู่ไม่น้อยแน่ๆ” เสี่ยวจิงพยักหน้าพูด
“ไม่อยากจะพูดเลยว่าการเคลื่อนไหวของปาเอ่อรุนแรงไปหน่อย ถึงกับนิรโทษกรรมเจ้าผู้ครองนครใหญ่อื่นๆอีกห้าคนแล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์ ทั้งยังมีทหารรับจ้างหมี่เล่อและกองทัพอิงลอนอยู่เบื้องหลัง จึงทำให้เจ้าผู้ครองนครคนอื่นที่จะกล้าเปิดศึกกับเขามีไม่มากนัก
ขนาดซางปารู้สถานะของฉันและฉันยังมีกองทัพอีกสี่พันนายที่มาถึงเมืองหรื่นหม่าแล้ว เขาก็ยังไม่กล้าเปิดศึกเลย เจ้าครองนครคนอื่นก็คงไม่ต้องพูดถึง”
ลู่เฉินพูดพลางส่ายหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์