บทที่ 431 นายจะตีเราให้ตายหรือ – ตอนที่ต้องอ่านของ คุณพ่อสายเปย์
ตอนนี้ของ คุณพ่อสายเปย์ โดย ลู่ลู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 431 นายจะตีเราให้ตายหรือ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 431 นายจะตีเราให้ตายหรือ
“น้องเฉิน นายช่างอวดดี เพิ่งกลับมาก็ไม่ให้ความสำคัญกับเราคนในตระกูลลู่ นายนี่ทำเป็นใหญ่มากแล้วใช่ไหม”
ลู่หมิงมาถึงก็พูดจาแปลกๆ
คนอื่นต่างทยอยกันทักทายทั้งสองคน แม้แต่asgonต่อหน้าลู่หมิงและลู่เห้ายังถูกเรียกว่าน้องเล็ก
“สุนัขจนตรอก?” ลู่เฉินมองลู่หมิงอย่างขบขัน เมื่อปีก่อนตอนลู่หมิงไปหาเขาที่ยวี่โจวยังคิดอยากจะลงมือ ลู่เฉินในตอนนั้นไม่แน่ใจถึงสถานการณ์จึงไม่คิดจะโต้เถียงกับเขา คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะก่อเรื่องขึ้น
"แกมันไร้สาระ ใครเป็นสุนัขจนตรอกกัน เป็นนายที่ร้อนรนเองถึงได้กลับมา? แต่ว่านายใช้สิทธ์ลูกนอกสมรสคิดว่าสามารถได้รับ (แทรกแซง) ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลได้ เกรงว่านายจะคิดเกินไปแล้ว” ลู่เฉินถูกลู่หมิงเยาะเย้ยก็โมโหขึ้นทันที ที่เขาเยาะเย้ยเป็นเรื่องในอดีตผ่านไปแล้ว
“ตบปาก” ลู่เฉินสีหน้าเคร่งขรึม ในใจคิดอยากจะฆ่าให้ตาย
ลูกนอกสมรส?
เป็นเพราะเขาตั้งแต่เด็กไม่ได้เติบโตในตระกูล?
“อะไร เขาต้องการให้ลูกน้องตบปากคุณชายหมิง?”
“เขาต้องบ้าไปแล้ว? คุณชายหมิงเป็นผู้เข้าร่วมแข่งขันผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำครอบครัวที่มีพลังมากที่สุด เขาเป็นลูกของผู้นำครอบครัวยังไม่กล้าถือดีขนาดนี้?”
“ที่สำคัญคือเขารนหาที่ตาย คุณชายหมิงมีพลังแข็งแกร่ง ถ้าเปรียบเทียบเขากับบอดี้การ์ดหลายคนเขาก็เป็นผู้ชนะ”
คำพูดของลู่เฉินทำให้กลุ่มคนต่างพูดถึงไปทั่ว
เมื่อเห็นหลินตงเดินมาทางลู่หมิง ลู่ไห่ Asgonและคนอื่นๆ ใบหน้าของพวกเขาต่างแสดงถึงความดีใจที่ผู้อื่นโชคร้าย
โดยเฉพาะAsgonก่อนหน้านี้เขาถูกหลินตงโยนออกไป ทำให้เขาเสียหน้า ครั้งนี้เมื่อเห็นหลินตงจะลงมือกับลู่หมิงในใจของเขาเต็มไปด้วยการรอคอย
ลู่หมิงมีหน้าตาโดดเด่นและแข็งแกร่งในหมู่วัยรุ่นตระกูลลู่ เขาจึงไม่เชื่อว่าหลินตงจะเป็นคู่ต่อสู้ของลู่หมิง
“นายคิดจะให้ลูกน้องมาตบปากเราหรือ น้องเฉิน นายเสียสติไปแล้วใช่ไหม” เมื่อเห็นหลินตงเดินมาทางเขา ลู่หมิงมองลู่เฉินพร้อมยิ้มขึ้น
“ลู่เฉิน นายมั่นใจในบอดี้การ์ดของนายมาก เกรงว่านาคงไม่เคยถูกพี่หมิงทำให้กลัว” ลู่เห้าเยาะเย้ยขึ้น
จากนั้นหลินตงในที่สุดก็เดินมาถึงข้างตัวลู่หมิง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยืนมือไปตบหน้าลู่หมิงหนึ่งที
สีหน้าของลู่หมิงเปลี่ยนทันที ในใจนึกอยากกำจัดให้สิ้นซาก เป็นแค่ลูกน้องกล้าลงมือกับเขา นับว่ารนหาที่ตายแล้ว
อ้า!
ลู่หมิงยื่นมือไปจับมือของหลินตง คาดไม่ถึงว่าไม่เพียงจับไม่ได้มือของหลินตงยังเหมือนกับท่อนเหล็ก ตีไปที่ข้อมือของเขาอย่างโหดเหี้ยม เสียงอ้าที่ดังขึ้นที่แท้คือข้อมือของเขาถูกตีจนหัก
ต้องรู้ว่าหลังจากที่หลินตงได้ทานยาวิวัฒนาการยีนพลังของเขาไม่ต่างจากพลังของลู่เฉินในตอนแรก พลังของลู่เฉินในตอนนั้นแน่นอนเป็นที่สุดเทียบกับลู่หมิงแล้วแข็งแกร่งกว่าไม่รู้กี่เท่าตัว
ดังนั้นลู่หมิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินตงได้อย่างไร
ลู่หมิงร้องด้วยความไม่พอใจ ตาจ้องหลินตงอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาแทบไม่อยากเชื่อภาพที่ปรากฏต่อสายตาตรงหน้า
ลู่เห้าและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง
เมื่อเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของลู่หมิง มือขวาห้อยลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรงเห็นได้ชัดว่าเสียงกระดูกหักต้องมาจากข้อมือของลู่หมิง
เขารู้จักนิสัยของลู่เฉินดีว่าเหมือนกับลู่เทียนสิงมาก ทั้งคู่ดื้อรั้นเป็นที่สุด เขาพูดอะไรไปคงเปล่าประโยชน์
ตรงกันข้ามเขาแน่ใจว่าด้วยชื่อเสียงของลู่เฉินตอนนี้ตระกูลลู่คงไม่พอใจเขา นับจากตอนนี้เขากับตระกูลลู่ขาดกัน
เขายังรู้ว่าครั้งนี้ที่ผู้อาวุโสจะให้ลู่เทียนสิงเรียกลู่เฉินกลับมาสู่ตระกูลบรรพบุรุษ ที่สำคัญคือต้องคำนึงถึงอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีของลู่เฉิน
ถ้าเศรษฐกิจของประเทศพรูลันเซียซบเซา ตระกูลลู่ต้องการครอบครองจิตใจของคนประเทศพรูลันเซียจึงเป็นผู้นำพาชาวพรูลันเซียให้ผ่านพ้นสภาพความยากลำบาก
ดังนั้นพวกเขานำประเด็นสำคัญนี้ให้เป็นภาระของลู่เฉิน
ลู่เทียนสิงจึงยอมให้ลู่เฉินกลับมาและที่สำคัญในใจเขามีความรู้สึกสำนึกผิดอยู่ ในปีนั้นเดิมเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำครอบครัวที่มีหน้าตาดีที่สุดแต่เขากลับออกจากตระกูลด้วยเรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัว ตอนนี้เขากลับมาทำหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัว เขารู้สึกว่าเขาต้องรับผิดชอบนำตระกูลกลับไปจุดสูงสุดอีกครั้ง
“จะเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่ พวกเขาเหมือนจะไปนำเรื่องไปเล่าให้ผู้อาวุโสในตระกูลของพวกคุณ” หลินอี้จุนพูดขึ้นด้วยความกังวลใจ
ลู่เฉินส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มพูดขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เมื่อผมกล้ามาที่นี่แล้วไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
เขาพูดความจริง ถ้าไม่มีกลอุบายที่มีพลังดังสามารถสร้างเมฆได้เพียงพลิกฝ่ามือ เมื่อรู้ว่าเขาจะกลับมาเคารพบรรพบุรุษทางตระกูลลู่แน่นอนว่าต้องมีข้อเรียกร้องที่เกินควรกับเขา เขายังจะกล้านำคนมาที่นี่หรือ
เมื่อปีก่อนตอนที่ลู่จือสิงพาลู่หมิงและลู่เห้าไปยวี่โจวเพื่อแสดงความรู้สึกที่แท้จริง แม้ว่าครั้งนั้นพ่อเขาจะให้เขากลับมา แต่เรื่องไม่ง่ายขนาดนั้น
นึกถึงสองปีก่อนเขายังไม่มีชื่อเสียงตระกูลลู่จะนึกถึงเขาได้อย่างไร
ตอนนี้บริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีของเขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลก แม้แต่ประเทศ Mยังต้องสั่นคลอดด้วยพลังและอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี ทั่วโลกมีที่นี่ที่เดียว ตระกูลลู่ไม่ใจอ่อนซิแปลก
ลู่เฉินถึงพูดว่าเมื่อเขากล้ามาก็ไม่กลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์