คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 59

บทที่ 59 แม่ยายของแท้

เมื่อเห็นแม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่รอให้ลู่เฉินตอบ หลินอี้จุนก็ชิงตอบก่อนว่า “แม่คะ ลู่เฉินรู้จักกับเจ้าของร้านหยก36ค่ะ วันนี้พวกเราไปกินข้าวนี้นั่น ผู้จัดการชิวก็ออกมาต้อนรับด้วยเหมือนกัน”

หวังเสวี่ยตาโตถามว่า “แกรู้จักเจ้าของร้านหยก36? รู้จักได้ยังไง?”

ลู่เฉินขำอยู่ในใจ เจ้าของร้านหยก36ที่เขาพูดถึงก็คือตัวเขานั่นเอง

“แม่คะ ยังจำเรื่องปล้นธนาคารเมื่อสามปีก่อนได้ไหม ในตอนนั้นลู่เฉินช่วยชีวิตเจ้าของร้านหยก 36 จากมือผู้ร้ายได้ เจ้าของร้านเขาจึงให้ความเคารพลู่เฉิน” หลินอี้จุนเล่าเรื่องที่ลู่เฉินแต่งขึ้นให้เธอฟังกับแม่

ลู่เฉินในใจก็นึกขำขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาก็รู้สึกกังวลหากว่าวันไหนหลินอี้จุนรู้เรื่องจริงเข้า ไม่รู้ว่าเธอจะโกรธไหมและกลัวเธอหาว่าเขาเป็นคนโกหก

แต่สถานการณ์ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาแบกรับเรื่องราวอันหนักอึ้งเอาไว้ และในตอนนี้ความสามารถของเขายังไม่แข็งแกร่งพอจึงทำได้แค่ก้มหัวยอมรับมัน

“นี่ถือว่าเป็นบุญคุณของการช่วยชีวิตเลย นะมิน่าล่ะเขาจึงได้เก็บห้องจักรพรรดิเอาไว้ให้” หวังเสวี่ยพยักหน้า ดวงตาของเธอส่องสว่างเป็นประกายขึ้นอีกครั้งและพูดว่า “ในเมื่อแกช่วยชีวิตเขาไว้ทั้งชีวิต ทำไมไม่ให้เขาช่วยจัดหางานในร้านหยก 36 ให้สักตำแหน่งหนึ่ง ตำแหน่งผู้จัดการก็ได้”

“แม่คะ พูดอะไรกันความสัมพันธ์พวกนี้ใช้สิ้นเปลืองไม่ได้ ใช้แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” หลินอี้จุนพูดขึ้น

“ให้เขาหางานสักตำแหน่งให้ลู่เฉินไม่ใช่เรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดายเหรอ รู้จักคนใหญ่โตขนาดนี้ไม่หัดใช้ให้เป็นประโยชน์ พวกเธอนี่โง่หรือไงกัน ถ้าลู่เฉินได้เป็นผู้จัดการที่นั่น ต่อไปฉันพาลูกค้าไปกินข้าวก็สามารถจัดการหาห้อง VIPให้ได้ ดีจะตายไป” หวังเสวี่ยพูดอย่างเคร่งขรึม

ลู่เฉินและหลินอี้จุนทั้งสองคนพูดอะไรไม่ออก

ทำไมแม่ถึงได้เป็นแบบนี้นะ

ขอร้องเจ้าของร้านมอบตำแหน่งผู้จัดการให้ ก็เพื่อให้เธอสะดวกในการพาลูกค้าไปกินข้าว และได้มีหน้ามีตาเท่านั้นเอง

“แม่คะเรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ลู่เฉินมีงานเป็นของตัวเองค่ะ” หลินอี้จุนรู้จักนิสัยของลู่เฉินดี หากเขาต้องการใช้ความสัมพันธ์พวกนี้เป็นประโยชน์ในการทำงาน ก็คงไปขอร้องวังเหว่ยตั้งแต่แรกแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เธอชอบและชื่นชมลู่เฉิน เขาจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองโดยไม่ขอร้องผู้อื่นช่วยเหลือง่ายๆ

“อาชีพยามที่ลู่เฉินทำอยู่จะไปสู้ผู้จัดการร้านหยก 36 ได้ยังไง? สมองพวกเธอสองคนคงเสียไปแล้วแน่ๆ” หวังเสวี่ยพูดอย่างไม่ไยดี

แต่ถึงอย่างไรความรู้สึกที่เธอมีต่อลู่เฉินก็ดีขึ้นบ้างบางส่วน ไม่ได้แย่เหมือนเมื่อก่อน

“ใช่แล้ว แม่คะเมื่อครั้งก่อนที่พวกแม่ถามว่าใครเป็นคนคอยช่วยเหลือเรามาตลอดใช่ไหม” หลินอี้จุนเปลี่ยนหัวข้อ

“ใครกัน?ที่คอยช่วยเหลือพวกเราแม่ลูกมาหลายต่อหลายครั้ง เราต้องหาโอกาสไปขอบคุณเขาสักทีนะ” หวังเสวี่ยถาม ถึงแม้เธอจะปฏิบัติต่อลู่เฉินอย่างไม่ค่อยดีนัก แต่เธอก็รู้จักการตอบแทนบุญคุณคน

“ลู่เฉินไงคะแม่” หลินอี้จุนยิ้มตอบ เธอพยายามจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของลู่เฉินในสายตาแม่ตลอดมาและนี่เป็นโอกาสที่ดี

“ลู่เฉิน? ถ้ามีความสามารถขนาดนี้ทำไมยังไปเป็นยามอยู่อีกละ” หวังเสวี่ยมองลู่เฉินด้วยความสงสัย

“ลู่เฉินไม่พูดอะไรหลินอี้จุนตอบแทนว่า “จำผู้จัดการวังหวังเหว่ยแห่งกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยได้ไหมคะ ลู่เฉินก่อนหน้านี้ก็เคยช่วยเขาไว้จากเหตุการณ์นั้นลู่เฉินก็เลยไปขอให้เขาช่วย กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยจึงได้ทำความร่วมมือกับแม่”

“ให้ตายสิ ความสัมพันธ์แบบนี้เธอก็มีอยู่ ทำไมถึงยังเป็นยามอีกล่ะ?ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์สักหน่อย ไปขอให้ผู้จัดการวังหางานให้สักตำแหน่งหนึ่ง อย่างน้อยก็ดีกว่าตำแหน่งยามเป็นร้อยเท่า.” หวังเสวี่ยชี้ไปที่ลู่เฉิน เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี

ทำไมลูกเขยของเธอถึงได้โง่แบบนี้นะ

“ผมก็เป็นแค่พวกที่รู้จักแต่ใช้แรงใช้กำลัง นอกจากยามแล้วจะไปทำอะไรได้อีกครับ ทำให้ผู้จัดการวังลำบากใจเปล่าๆ” ลู่เฉินยิ้มแล้วอธิบาย

เธอ...เห้อ...ช่างมันเถอะฉันไม่อยากพูดกับเธออีกแล้ว” หวังเสวี่ยพูดแล้วส่ายหัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลูกเขยนิสัยเช่นนี้ นอกจากจะอึดอัดคับแค้นใจแล้วยังจะพูดอะไรได้อีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์