บทที่ 76 ผมแค่คุยกับเขาด้วยเหตุผล
“พ่อคะ ทำยังไงดีล่ะ พี่เขาจะถูกพวกนั้นเล่นงานหนักไหม?” หลินอี้เจียถามด้วยความเป็นกังวล เธอยังไม่ทันให้ลู่เฉินช่วยหาของสะสมให้เลย
หลินดาไห่ทำหน้าเคร่งเครียด เขาเองก็ร้อนใจมากเช่นกัน แต่ในตอนนี้เขาจะทำอะไรได้อีก
“เจ้านั่นมันสมควรแล้ว ใครสั่งให้มันโอ้อวดแบบนั้นล่ะ” เมื่อเห็นลู่เฉินถูกคนของวังซิงพาตัวไปจ่าวเทียนหยู่ก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก
“คนไร้คุณธรรมแบบนั้นก็สมควรโดนแล้ว ขนาดเพื่อนเก่าก็ยังทำกันได้ สมน้ำหน้าจริงๆ งานนี้หวังว่าเขาจะเจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้นนะ ครั้งหน้าเจอกันก็ควรจะลดศักดิ์ศรีลงบ้าง” หลี่เหวินกวงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น
“ดาไห่ ผมไม่ได้จะว่าอะไรคุณนะ แต่ลูกเขยคุณคนนี้เกินไปหน่อยจริงๆ ครั้งนี้ก็ถือว่าให้เป็นบทเรียนแล้วกัน” จ่าวเทียนหยู่ส่ายหัวแต่ในสายตาของเขา มองออกว่ามีความสะใจปนอยู่
เขาไม่ชอบขี้หน้าลู่เฉินมานานแล้ว เมื่อเห็นลู่เฉินต้องพบเจอกับปัญหาแบบนี้ทำให้เขาสะใจนัก
“ศาสตราจารย์หยูไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้วครับ ตอนนี้ที่ผมกังวลมากที่สุดก็คือเขาจะถูกพวกนั้นซ้อมจนเละขนาดไหน ถ้าหากเขาเป็นอะไรขึ้นมา ลูกสาวผมจะทำยังไงล่ะ” เขายังมีหลานตัวเล็กๆอายุเพิ่งสามขวบเท่านั้น ตอนนี้หลินดาไห่ตกใจจนแทบจะร้องไห้ หากเขารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็คงขายรูปนั้นทิ้งและจากไปตั้งนานแล้ว
ถ้าเขาไปตั้งแต่ตอนนั้นเสีย ก็คงไม่เกิดเรื่องราวตามหลังมา
“พ่อคะ เราไปดูกันเถอะ”หลินอี้เจียเป็นห่วงเขามากจริงๆ เธอกลัวว่าลู่เฉินจะเป็นอะไรไป แล้วพี่สาวเธอจะทำอย่างไร
“พวกคุณไปตอนนี้จะช่วยอะไรขึ้นมาได้ คิดว่าจะสามารถตามหาห้องที่พวกเขาอยู่ได้เหรอ? ต่อให้หาเจอก็ทำได้แค่ยืนมองดูเขาถูกซ้อม ไปก็เจ็บปวดใจเปล่าๆ ผมว่านะพวกคุณรออยู่ที่นี่แหละรอให้พนักงานไปดูว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน จากนั้นรอส่งเขาไปโรงพยาบาลดีกว่า” เล่ยหมิงเฉากล่าว
เฮ้อ......
หลินดาไห่คิดดูแล้วก็ควรเป็นเช่นนั้น เขาถอนหายใจออกมายาวๆและรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของเล่ยหมิงเฉา
“รออีกสักเดี๋ยวหน่อยแล้วกัน ต่อให้พวกเราไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก” หลินดาไห่ส่ายหัวแล้วพูดออกมา
หลินอี้เจียพยักหน้า แต่ในใจเธอยังร้อนรนและไม่กล้าโทรหาพี่สาวกลัวว่าเธอจะเป็นห่วง
ผ่านไปห้านาที หลินดาไห่และหลินอี้เจียกำลังจะเดินไปหาพนักงานโรงแรม แต่เขาเห็นลู่เฉินเดินกลับเข้ามาจากประตูใหญ่
“พี่ พี่คะ พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?” หลินอี้เจียวิ่งเข้าไปถามด้วยความร้อนรนใจ
“พี่จะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?” ลู่เฉินยักไหล่แล้วหัวเราะ
“พวกเขาไม่ได้รุมทำร้ายพี่เหรอคะ?” หลินอี้เจียถามออกไปอย่างไม่เชื่อ วังซิงเป็นคนเรียกให้ลู่เฉินตามไปแท้ๆ การที่ลู่เฉินกลับมาอย่างสภาพครบถ้วนสมบูรณ์เช่นนี้ ทำให้ไม่น่าเชื่อและไม่น่าจะเป็นไปได้
ทุกคนรู้ดีว่าวังซิงนั้นเป็นคุณชายบ้านตระกูลวังผู้เอาแต่ใจ ใครก็ตามที่ขัดใจเขาถ้าไม่ถูกเขาทำร้ายจนพิการก็แสดงว่ามีเทพคุ้มครองอยู่ดีพอสมควร
แต่ลู่เฉินเดินกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!จะไม่ให้เธอตกใจได้อย่างไร?
คนที่ตกใจไม่ได้มีเพียงเธอแค่คนเดียว แต่คนอื่นๆก็พากันเบิกตากว้างมองดูลู่เฉินคล้ายกับพวกเขามองอะไรผิดไป
“เขา......เขาไม่ได้ลงไม้ลงมือกับลูกจริงๆเหรอ?” หลินดาไห่ถามอย่างไม่เชื่อเช่นกัน
เมื่อสักครู่เขาได้ยินผู้คนพากันพูดต่างๆนานาถึงความโหดร้ายของวังซิง และยังไม่ให้เขาแจ้งตำรวจด้วยซ้ำ ซึ่งหมายความว่าอำนาจของวังซิงมากเพียงใด แต่ลูกเขยของเขากลับมาโดยสภาพไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
หรือวังซิงจะเปลี่ยนแปลงนิสัยไปแล้วนะ?
“วังซิงจะยอมให้คุณกลับมาโดยสภาพดีแบบนี้ได้ยังไง?” จ่าวเทียนหยู่ถามด้วยความไม่พอใจ
“ไม่รู้สิ ผมก็แค่พูดหลักการบางอย่างกับเขา เขาอาจจะคิดว่าผมมีเหตุผลมั้งก็เลยให้ผมกลับมา” ลู่เฉินตอบอย่างเจ้าเล่ห์
“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไง วังซิงเป็นคนยังไงฉันรู้ดีกว่าแกมากนัก เขาจะยกเหตุผลมาคุยกับแกเป็นไปไม่ได้หรอก แกต้องก้มหัวยอมรับผิดต่อเขาแน่ๆ และเขาคงเห็นแก่ท่าทีของแกเลยได้ใจอ่อนและปล่อยตัวกลับมา” จ่าวเทียนหยู่พูดออกไปด้วยความไม่เชื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์