คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 1

ภาคที่ 1

ตอนที่ 1 บ้านเจ้าเกิดเรื่องแล้ว

“แม่จื่อเอ๋อร์ เจ้ายังทำอะไรอยู่ที่นี่ บ้านเจ้าเกิดเรื่องแล้ว ยังไม่รีบกลับไปอีก”

จ้าวซื่อ[1]ยืดเอวที่กำลังปวดเมื่อยขึ้น ในมือถือต้นกล้าข้าวสาลีกำหนึ่ง “ยังเหลืองานต้องทำอีกเล็กน้อย ทำเสร็จแล้วจะกลับไป บ้านข้าเกิดเรื่องอะไรหรือ”

“ยังจะทำงานอยู่อีก ลูกสาวเจ้าจะถูกคนตีตายอยู่แล้ว รีบกลับไปดูเร็วเข้าเถิด” ลุงหูมีสีหน้าเร่งร้อน

จ้าวซื่อพลันชะงักงัน ก่อนจะโยนต้นกล้าข้าวสาลีในมือทิ้งไปอย่างรวดเร็ว และกระโดดขึ้นไปบนคันนา “เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ”

ลุงหูถอนใจ “แม่สามีและพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า พวกนางถือโอกาสที่เจ้ามาทำนา บังคับมัดลูกสาวของเจ้า เพราะต้องการขายนางให้บ้านคหบดีอู๋ เพื่อจัดงานแต่งงานขจัดเสนียดให้กับบุตรชายที่กำลังจะป่วยตายผู้นั้น ทว่าลูกสาวเจ้าไม่ยอม พวกนางสองจึงลงมือทุบตี ตอนข้าไปถึงได้ยินว่าไม่มีลมหายใจแล้ว ก็เลย…”

เขายังพูดไม่ทันจบ จ้าวซื่อก็รีบร้อนวิ่งไปแล้ว

ด้านนอกรั้วลานบ้านสกุลไป๋มีคนมุงอยู่ไม่น้อย ทุกคนกำลังชี้ไม้ชี้มือไปในลานบ้าน

จ้าวซื่อพุ่งเข้าไปในรั้วบ้านตนเองทันที และเห็นบุตรสาวนอนอยู่บนเสื่อกก ไร้ลมหายใจ

นางเข่าอ่อนโดยพลัน โซซัดโซเซมาถึงด้านหน้าของบุตรสาว แล้วดึงมืออันเย็นเฉียบของเด็กสาวมา พลางมองบาดแผลทั่วทั้งใบหน้าและลำตัวนั้น เจ็บปวดเจียนจะขาดใจ อยากจะร้องไห้ออกมา แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ร้องไห้ไม่ออก ได้แต่อ้าปาก น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย

หลิวซื่อ สะใภ้ใหญ่ของสกุลไป๋เดินออกมาจากในเรือน นางเห็นว่าสะใภ้สามกลับมาแล้ว ก็เลิกคิ้วขึ้นทันที บนใบหน้าอำมหิตมีแต่ความไม่พอใจ “เหตุใดเจ้าถึงกลับมา ทำงานในทุ่งนาเสร็จแล้วหรือ หากยังทำงานไม่เสร็จ เย็นนี้เจ้าก็อย่าได้คิดจะกินข้าวเลย”

จ้าวซื่อดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดขีด นางหันไปตะคอกใส่หลิวซื่อ “ใครตีลูกสาวข้าจนเป็นเช่นนี้ ใครกัน”

สะใภ้ใหญ่ตะลึง จ้าวซื่อเป็นคนซื่อๆ มาแต่ไหนแต่ไร ปล่อยให้ผู้อื่นรังแกจนเคยชิน ไม่ว่าจะด่าว่าหรือสั่งให้ไปทำงานอย่างไร นางล้วนไม่เคยบ่นแม้แต่คำเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตะคอกเสียงดังใส่เช่นตอนนี้เลย

“ตะคอกอะไรของเจ้า เป็นข้ากับท่านแม่ที่ตีนางเอง แล้วอย่างไร ใครใช้ให้นางไม่เชื่อฟังเล่า กินข้าวสกุลไป๋ ใช้ของสกุลไป๋ สกุลเราสิ้นเปลืองอาหารเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ตั้งเท่าไร นางต่างหากที่โตขึ้นมากลับปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่คำพูดของท่านย่าและท่านป้าใหญ่ตนเองยังกล้าจะไม่เชื่อฟัง ก็สมควรแล้ว”

สีหน้าสมน้ำหน้าของหลิวซื่อ ทำเอาจ้าวซื่อต้องตะกายลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะพุ่งเข้าไปตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง “ข้าทำงานต่างวัวต่างม้าทั้งวัน หรือว่าแม้แต่ข้าวสักคำก็แลกมาให้ลูกสาวข้าไม่ได้ ครอบครัวเจ้ามีกันสี่คน แล้วทำงานได้จริงๆ กี่คนกัน ข้าเคยรังเกียจที่พวกเจ้ามากปากหรือ”

“นางเพิ่งอายุสิบสอง นางเพิ่งอายุได้สิบสองเท่านั้น!”

หลิวซื่อถูกตบหน้าจนมึนงง ตั้งแต่นางแต่งเข้าสกุลไป๋นี้ ก็ไม่เคยถูกผู้ใดตบเช่นนี้มาก่อน ทั้งยังเป็นการตบหน้าต่อหน้าคนในหมู่บ้านมากมายเช่นนี้ นางนั่งลงกับพื้น ร้องไห้โฮเสียงดังขึ้นมา “นางตีข้า น้องสะใภ้ตีพี่สะใภ้ นางจะตีข้าจนตายแล้ว ใครก็ได้มานี่เร็ว!”

ชาวบ้านที่กำลังมุงดูอยู่นอกรั้วพากันส่ายหน้า “จ้าวซื่อโชคร้ายนัก ต้องมาเจอกับพี่สะใภ้และแม่สามีเช่นนี้ โชคร้ายเสียจริงๆ”

“ถูกต้อง สกุลไป๋ของพวกเขาแม้จะมีบุตรชายถึงสามคน ทว่าคนที่ทำงานมากที่สุดจริงๆ ก็มีแต่เจ้าสาม หลังจากเจ้าสามตายไป ก็มีเพียงสะใภ้สามเท่านั้นที่ทำไร่ทำนา ไหนเลยจะขาดนางได้ สตรีคนหนึ่งทำงานหนักยิ่งกว่าบุตรชายสองคนของบ้านพวกเขาเสียอีก อีกอย่าง บุตรชายคนโตมีลูกสองคน บุตรชายคนรองมีลูกสองคน คนไหนมีลูกน้อยคนกว่าเจ้าสามบ้าง? เหตุใดนางไม่ขายบุตรของตนเองเล่า”

“แต่บุตรสาวเจ้าสามที่ถูกรังแก ก็เป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงเท่านั้นนี่นา”

……….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา