คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 101

สรุปบท ตอนที่ 101 เจ้าขโมยเงิน / ตอนที่ 102 พรุ่งนี้คิดบัญชี: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 101 เจ้าขโมยเงิน / ตอนที่ 102 พรุ่งนี้คิดบัญชี – คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา โดย Internet

บท ตอนที่ 101 เจ้าขโมยเงิน / ตอนที่ 102 พรุ่งนี้คิดบัญชี ของ คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา ในหมวดนิยายนางเอกเก่ง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 101 เจ้าขโมยเงิน

ลุงหูพยักหน้าทำตามคำกล่าวของนาง ก่อนจะหมุนกายไปหยิบเงินจากในห้อง

ไป๋จื่อพูดกับหูเฟิงอีกว่า “เจ้าให้พวกเขาเข้ามา” นางกวาดสายตามองอาหารเลิศรสที่อยู่บนโต๊ะครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดยิ้มๆ “พอจะทำให้พวกเขาโมโหได้พอดี ให้พวกเขาเห็นสักหน่อย ว่าข้ากับท่านแม่ออกจากสกุลไป๋แล้วมีชีวิตอย่างไร”

หูเฟิงมุ่นคิ้ว คิดในใจว่าเด็กคนนี้เห็นเขาเป็นคนรับใช้หรือไม่

แม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มกลับยังคงลุกขึ้นออกจากโถงเรือนไปอย่างว่าง่าย

เขายืนอยู่ในเรือน มองคนสกุลไป๋ทั้งหมดด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “มาคุยข้างใน” ครั้นกล่าวคำง่ายๆ สี่คำนี้จบ เขาก็หมุนตัวเข้าไปในเรือน เกี๊ยวยังร้อนอยู่ หากเย็นเขาก็ไม่อยากกินแล้ว

ครั้นเข้าไปในเรือน เขาเห็นไป๋จื่อเทน้ำส้มสายชูสีดำลงในถ้วยใบเล็ก แล้ววางไว้ข้างๆ เกี๊ยว

“เกี๊ยวกับน้ำส้มสายชู เป็นของคู่กัน” ไป๋จื่อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“จริงหรือ” เขานั่งลง ก่อนจะหยิบจะเกียบคีบเกี๊ยวแป้งบางไส้หนาขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็จิ้มลงในน้ำส้มสายชู แล้วใส่เข้าไปในปาก

เมื่อฟันกัดตัวแป้งเกี๊ยวจนแตกออก รสชาติของน้ำส้มสายชูบนปลายลิ้นก็ผสมเข้าไปในไส้หมูและต้นหอม รสชาติเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าควรบรรยายอย่างไร เป็นรสอร่อยที่ไม่อาจจินตนาการได้

จ้าวหลานเห็นหูเฟิงมองเกี๊ยวพลางเหม่อลอย จึงรีบถาม “ไม่อร่อยหรือ”

หูเฟิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ อร่อยมาก อร่อยกว่าสิ่งใดที่ข้าเคยกินมากนัก”

นางอยากจะชิมตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นหูเฟิงพูดเช่นนั้น ก็ยิ่งต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่นึกขึ้นได้ว่าคนสกุลไป๋จะเข้ามาแล้ว จึงอดทนไม่หยิบตะเกียบ

ไป๋จื่อคีบเกี๊ยวชิ้นหนึ่งวางไว้ในถ้วยตรงหน้าของจ้าวหลาน เด็กสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านแม่รีบกินเถอะ จะรับมือกับพวกเขา มีข้าก็พอแล้ว ท่านเพียงกินไปพลาง ชมเรื่องสนุกไปพลาง ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหรอกเจ้าค่ะ”

จ้าวหลานรู้ว่าตอนนี้ไป๋จื่อมีความสามารถที่จะรับมือกับคนสกุลไป๋ บุตรสาวกล่าวเช่นนี้ ก็หมายความว่าคิดกลยุทธ์ไว้แล้ว ในใจนางปลาบปลื้มยิ่งนัก จึงพยักหน้า “ได้ แม่ฟังเจ้า”

นางคีบเกี๊ยวขึ้นมากัดคำหนึ่ง ครึ่งหนึ่งแป้ง ครึ่งหนึ่งไส้ รสชาติของมันดีเสียจนนางเกือบจะกัดลิ้น

คนสกุลไป๋เข้ามาในเรือนในเวลานี้พอดี ครั้นเห็นอาหารบนโต๊ะเช่นนี้ โดยเฉพาะจ้าวหลานใช้ตะเกียบคีบสิ่งของกินไปครึ่งหนึ่ง แป้งขาวๆ ห่อผักสีเขียวและเนื้อสดอร่อยไว้ข้างนั้น อีกทั้งกลิ่นหอมๆ ของมันนั้น ช่างดึงดูดเสียเหลือเกิน

พวกเขากลืนน้ำลายอย่างพร้อมเพรียง นี่มันชีวิตอย่างไรกัน อุดมสมบูรณ์นัก! ถึงแม้เป็นช่วงปีใหม่ของพวกเขา ก็ยังไม่ได้กินของอร่อยเช่นนี้เลย

เดิมทีพวกเขาคิดว่าหลังจากข้าวหลานและไป๋จื่ออกจากสกุลไป๋แล้ว พวกนางจะยิ่งลำบาก ไม่มีที่อยู่อาศัย ทั้งยังไม่มีข้าวกิน กลายเป็นที่น่าหัวร่อของหมู่บ้าน และหายไปจากสายตาของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

แต่ใครจะรู้ ว่าพวกนางกลับไม่ได้ตกอับอย่างที่จินตนาการไว้

พวกนางมีที่อยู่อาศัย แม้กระทั่งกำลังจะได้ครอบครองบ้านของพวกนางเอง พวกนางมีข้าวกิน และกินดีกว่าคนสกุลไป๋เช่นพวกเขาเป็นร้อยเป็นพันเท่า

ความประหลาดใจในตอนแรกของหญิงชราค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว นางชี้หน้าไป๋จื่อ “นางเด็กน่าตาย พูดเร็ว เจ้าขโมยเงินข้าใช่หรือไม่”

ไป๋จื่อคีบหมูผัดพริกหยวกเข้าไปในปากชิ้นหนึ่ง นางหันหน้ามาอย่างช้าๆ มองหญิงชราคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม “โอ้…พูดเช่นนี้ ท่านทำเงินหายหรือ”

ไป๋จื่อมองสีท้องฟ้าข้างนอก “วันนี้เย็นแล้ว พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะคิดบัญชีให้อย่างดี”

หลิวซื่อใจเต้น “คิดบัญชีอะไร เจ้ายอมรับว่าขโมยเงินของพวกข้าสกุลไป๋หรือ”

เด็กสาวแค่นหัวเราะ “พรุ่งนี้ข้าค่อยบอกเจ้า วันนี้พอแค่นี้ พวกข้าหิวแล้ว ต้องรีบกินข้าว ส่วนพวกเจ้าก็กลับไปเถอะ ขืนชักช้าไปมากกว่านี้ เกรงว่าเวลากินโจ๊กใสๆ คงจะไม่มีแม้กระทั่งในหนึ่งตะเกียง” คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลยสักนิด ตะเกียงใส่น้ำมันที่เหลือน้อยกว่าครึ่ง วันนั้นถูกหยางซื่อเกินทุบจนแตกละเอียด ไม่มีเหลือเลยสักนิด

หญิงชราจะยอมไปได้อย่างไร เรื่องนี้ยังไม่กระจ่างแจ้งเลย

นางกำลังคิดจะอ้าปาก กลับเห็นหูเฟิงทิ้งตะเกียบลงบนโต๊ะดัง ‘ปัง’ ทั้งยังกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก”

เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่กลับเย็นชาเป็นพิเศษ ท่าทางของเขากดอัดผู้คนราวกับภูเขาไท่ซาน ทำให้หญิงชราต้องกลืนคำพูดที่เหลือกลับไป อีกทั้งร่างกายก็ถอยหลังไปสองก้าวอย่างอดไม่ได้

ไป๋จื่อกวาดสายตามองนางอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงเฉยชาเสียดแทงพวกเขาราวกับมีด “เช่นนั้นข้าขอพูดแบบเดียวกับพวกเจ้า ระหว่างที่ยังไม่ได้คิดบัญชีอย่างชัดเจน อย่าได้คิดหนี ระวังถูกจับกลับมาแล้วจะถูกหักขา”

หญิงชราโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก ทว่าก็ไม่กล้าก่อเรื่องต่อหน้าหูเฟิง ทำได้เพียงข่มอารมณ์คุกรุ่นนี้ไว้ แล้วนำทั้งครอบครัวออกจากสกุลหูไป

เมื่อพวกเขาไปแล้ว หูจ่างหลินก็ตามว่า “จื่อยาโถว ที่เจ้าพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร พรุ่งนี้สะสางบัญชี”

เด็กสาวแค่นหัวเราะ “นางใส่ร้ายว่าข้าขโมยเงินนางไม่ใช่หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าจะให้นางสมใจ พรุ่งนี้ข้าจะไปฟ้องร้องที่อำเภอ ขอให้เจ้าหน้าที่รีบมาตัดสินคดี ดูสิว่าแท้จริงแล้วผู้ใดเป็นคนผิด”

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา