คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 25

ตอนที่ 25 ภรรยาเด็ก

“ได้อย่างไร ท่านปลูกข้าวสาลีคนเดียวก็ยุ่งจะแย่แล้ว เอาอย่างนี้ ข้าจะไปช่วยท่านปลูกข้าวสาลี แม้มือขวาของข้าจะขยับไม่ได้ แต่มือซ้ายยังพอทำงานได้ มากน้อยอย่างไรก็ช่วยได้บ้าง” จ้าวหลานกล่าว

เดิมทีลุงหูไม่ยอม ทว่าต้านทานคำโต้เถียงของจ้าวหลานไม่ได้ ในที่สุดก็พยักหน้ายินยอม

เมื่อคนที่อาศัยอยู่ในป่าเขาขึ้นมา ก็จะทำงานทั้งวัน หากที่บ้านมีเงินทองสักหน่อย ก็จะนำอาหารแห้งติดตัวไปจำนวนหนึ่ง หิวขึ้นมาจะได้กินบ้าง แต่หากที่บ้านยากจน ก็จำต้องหิวไปตลอดทั้งวัน เมื่อตกเย็นเก็บของกลับบ้านถึงจะได้กิน วันหนึ่งกินข้าวแค่สองมื้อเท่านั้น

“ท่านแม่ ท่านลุงหู ตอนกลางวันข้ากับหูเฟิงจะมาส่งข้าวให้พวกท่าน” จู่ๆ นางก็พูดขึ้น ครั้นคิดถึงว่าจ้าวหลานและลุงหูจะต้องหิวโซทำงานในที่ดินทั้งวัน นางก็รู้สึกทรมานใจอย่างยิ่ง ไม่อยากให้พวกเขาต้องตรากตรำทนหิวเช่นนั้น

จ้าวหลานชะงักงัน รีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ ข้าทำงานทั้งวันก็ไม่รู้ว่าตนเองหิวแล้ว ไม่ต้องส่งข้าวให้ข้า” ตอนนี้พวกนางไม่มีอะไรติดตัว มีเพียงไข่ไก่ไม่กี่ใบเท่านั้น นางยังอยากเก็บมันไว้ให้จื่อเอ๋อร์บำรุงร่างกาย ไม่อาจให้นางกินสิ้นเปลืองได้

เดิมทีลุงหูอยากบอกว่านางอยากส่งก็ให้ส่งเถิด ทว่าเมื่อคิดถึงถังข้าวที่เกือบจะเห็นก้นในบ้าน อีกทั้งเพิ่งปลูกธัญพืชลงในไปที่ดิน จึงปิดปากเงียบไม่พูดจา

ในใจของไป๋จื่อมีแผน แต่นางก็ไม่อยากพูดอะไรมาก จึงส่งท่านแม่และลุงหูไป ส่วนนางสะพายตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นภูเขาลั่วอิงไปกับหูเฟิง

ระหว่างทางหูเฟิงเอาแต่เดินไปข้างหน้า ไม่พูดจาอะไรสักคำ แม้กระทั่งหน้าก็ไม่หันกลับมาเลยสักครั้ง ราวกับว่าที่ขึ้นเขาในวันนี้ยังคงมีเพียงเขาแค่คนเดียว

หูเฟิงฝีเท้าว่องไว ไป๋จื่อเดินตามเขาแล้วรู้สึกว่าลำบากนัก ขาเล็กๆ สองข้างของนางยังมีบาดแผล ทุกย่างก้าวจึงเจ็บปวดเหลือแสน

“นี่ หูเฟิง เจ้ารอข้าหน่อย” นางเหนื่อยจนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงนั่งจุ้มปุ๊กลงกับพื้นเสียเลย แถมยังหอบหายใจอีกต่างหาก “ข้าเดินไม่ไหวแล้ว เจ้าไปเองเถิด”

ในที่สุดหูเฟิงก็หยุดฝีเท้า แล้วหันหลับมามองนาง คิ้วได้รูปสวยขมวดเข้าหากัน “แรงแค่นี้ก็ไม่มี แล้วจะขึ้นเขามาทำไม กลับไปก็สิ้นเรื่องแล้ว”

นี่เป็นการยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด ทว่าก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน

ชาติก่อนนางใช้ชีวิตมาแล้วยี่สิบสามปี แม้จะเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เล็ก ไม่เคยได้รับความรักและเอ็นดูจากพ่อแม่ ทั้งยังมีชีวิตที่ยากลำบากในบ้านเด็กกำพร้า แต่นางเคยกล่าวว่ายอมแพ้ง่ายๆ ที่ไหนกัน นางทุ่มเทเรียนหมอ ก็เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตและโชคชะตาของตนเอง

บัดนี้นางมายังยุคสมัยที่ต่างออกไป ถึงจะเปลี่ยนร่างกาย ทว่าไป๋จื่อก็ยังคงเป็นไป๋จื่อ นางไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ เด็ดขาด และปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเองและคนรอบข้างเช่นเดียวกัน

ไป๋จื่อตะเกียกตะกายลุกขึ้น สายตาดื้อรั้นของนางทำให้หูเฟิงต้องเลิกคิ้ว

นางเดินตามเขาอีกครั้ง กัดฟันทนความทรมานและเจ็บปวดเหล่านั้น เดินไปข้างหน้าทีละก้าว

หูเฟิงก็เหมือนจะตั้งใจผ่อนฝีเท้าลง ทำให้นางไม่ต้องทนทุกข์เหมือนกับก่อนหน้านี้

ระหว่างทางพบชาวบ้านร่วมหมู่บ้านกำลังทำนาอยู่จำนวนหนึ่งเช่นกัน ทุกคนล้วนกล่าวหยอกเย้าว่า “ดูสิ หูเฟิงพานางหนูไป๋จื่อมาด้วย มองจากไกลๆ แล้ว เหมือนกับเขาพาภรรยาเด็กมาด้วยจริงๆ”

“ก็ไม่ใช่หรืออย่างไร ข้าว่านะ ท่านลุงหูฉลาดหลักแหลมนัก รับจ้าวหลานสองแม่ลูกมาอยู่ที่บ้านของเขา มีแต่ได้เปรียบชัดๆ จ้าวหลานเป็นคนทำงานเก่ง คนเดียวเลี้ยงดูทั้งบ้านเพียงลำพัง ส่วนไป๋จื่อก็อย่ามองว่านางยังอายุน้อย ทว่าท่าทางสดใสของนางนั้น ผ่านไปอีกสองปีย่อมต้องเป็นหญิงงามเหมือนกับดอกไม้ ไม่ต่างกับหยกอย่างแน่นอน แต่งให้กับหูเฟิงก็พอดิบพอดีเลยไม่ใช่หรือ เช่นนี้ประหยัดเงินสินสอดไปได้ตั้งเท่าไรกัน”

“ใช่ๆ แม่เฒ่าสกุลไป๋ก็ไม่รู้ว่าเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้ยอมให้จ้าวหลานและไป๋จื่อไปที่สกุลหู จ้าวหลานไปเช่นนี้ ที่นาของพวกเขาสกุลไป๋เหล่านั้น ก็เท่ากับปล่อยให้หญ้าถมแล้วกระมัง”

……….

ตอนที่ 26 เพราะเจ้ารู้วิชาหมอ

ความขี้เกียจของบุตรชายคนโตและคนรองสกุลไป๋ เป็นสิ่งที่คนทั้งหมู่บ้านล้วนเห็นกับตา หาสกุลใดในหมู่บ้านเป็นรองไม่ได้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา