คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 29

ตอนที่ 29 แอบสะสม

หลิวซื่อนึกถึงแม่ไก่ฝูงหนึ่งที่เลี้ยงอยู่ในบ้านของอิงจื่อ รีบกล่าวว่า “ต้องเป็นไข่ไก่แน่ๆ ข้าได้ยินว่าแม่ไก่ที่บ้านของอิงจื่อออกไข่ทุกวันได้ไม่น้อยเลย ถือตะกร้ามาขอบคุณเช่นนี้ ที่นำมาต้องเป็นไข่ไก่แน่นอนเจ้าค่ะ”

พูดถึงไข่ไก่ นางก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ นานเท่าไรแล้วนะที่ไม่ได้กินไข่ไก่ แม้ในบ้านจะมีแม่ไก่แก่ๆ อยู่ตัวหนึ่ง ทว่ามันกลับออกไข่น้อยมาก ยากนักที่จะเก็บไข่ไก่มาได้สักสองสามใบ ทั้งยังต้องเก็บไว้ให้เสี่ยวเฟิงกิน ถึงอย่างไรเสี่ยวเฟิงก็เป็นคนที่กำลังเรียนหนังสือ ใช้สมองค่อนข้างมาก ย่อมต้องการการบำรุงอยู่แล้ว

“ท่านแม่ พวกเรายังรออะไรอยู่เจ้าคะ รีบไปนำไข่ไก่นั่นมาจากจ้าวหลานดีกว่า ไม่เช่นนั้นนางสองแม่ลูกนั่นได้กินไข่ไก่ทั้งหมดกันพอดี”

หญิงชราก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ตอนนี้พวกนางยังไม่ได้แยกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของใดล้วนต้องแบ่งอย่างเท่าเทียม ไหนเลยจะมีหลักการแอบสะสม หากจะแอบสะสม ก็ต้องไม่ใช่จ้าวหลานเป็นคนแอบสะสมแน่

นางไปหาจ้าวหลาน นั่นเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว

จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืน “ไป ไปหานาง”

แม่สามีและลูกสะใภ้เร่งร้อนออกจากบ้านไป ตรงไปยังเรือนไม้ที่จ้าวหลานและไป๋จื่ออาศัยอยู่ เรือนไม้อยู่ด้านข้างคูน้ำด้านหลังลานบ้านของหูจ่างหลิน แทบทุกบ้านล้วนมีเรือนไม้เช่นนี้สักหนึ่งหรือสองหลัง ใช้สำหรับกองสิ่งของทั่วไปและเลี้ยงปศุสัตว์จำนวนหนึ่ง

พวกเขาสกุลไป๋ก็ไม่ยกเว้น เพียงแต่ในเรือนไม้ของสกุลไป๋ไม่ได้กองเพียงสิ่งของทั่วไปจนเต็มเท่านั้น ยังวางโลงศพที่หญิงชราตัดไว้เมื่อหลายปีก่อนด้วย ไม่อาจรื้อออกมาให้สองแม่ลูกจ้าวหลานอาศัยอยู่แล้ว

หลิวซื่อเห็นประตูปิดอยู่ นางก็พลันตะเบ็งเสียงว่า “ตะวันสายโด่งแล้วยังปิดประตูอยู่อีก หรือกำลังทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรมีใครเห็นอยู่ข้างในกระมัง”

เดิมทีเสียงของนางก็ดังอยู่แล้ว ครั้นตะเบ็งเสียงขึ้นมา ก็ยิ่งมีกลิ่นอายของการประณามอย่างตั้งใจอยู่บ้าง

ชาวบ้านที่ชอบนินทาได้ยินเสียงนางตะโกนแล้ว ก็หยุดงานในมือลงทันที แล้วชำเลืองมองมาแต่ไกล

เสียงของหลิวซื่อครั้งนี้ คิดว่าคนที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงของนางแล้ว น่าจะเปิดประตูออกมาเอง

ทว่ารออยู่พักหนึ่งแล้ว กลับไม่มีใครเปิดประตูออกมาจากข้างใน นางจึงพุ่งเข้าไปทุบประตู ทำเอาประตูไม้บางๆ สั่นสะเทือน เสียงดังมากเช่นกัน

“จ้าวหลาน เหตุใดต้องหลบอยู่ข้างในด้วย ยังไม่รีบเปิดประตูอีก หรือเจ้าซ่อนผู้ชายเอาไว้ข้างใน”

“เมื่อวานเพิ่งออกจากเรือนใหญ่ เพียงแค่คืนเดียวก็อ่อยผู้ชายอกสามศอกได้แล้วหรือ ช่างกล้านัก เก่งเสียจริงๆ! รีบเปิดประตู วันนี้ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าผู้ชายที่เจ้าซ่อนไว้ในเรือนเป็นใครกันแน่”

หลิวซื่อยิ่งตะโกนก็ยิ่งตื่นเต้น หากจ้าวหลานซ่อนผู้ชายไว้ในเรือนจริงๆ เช่นนั้นก็น่าสนุกนัก ไม่เพียงจ้าวหลานและไป๋จื่อสองแม่ลูกจะเสียชื่อเสียงป่นปี้ พวกนางสกุลไป๋ยังเรียกร้องค่าชดเชยจากนางและชายผู้นั้นได้อีก ครั้นคิดถึงตรงนี้ นางก็ยิ่งทุบประตูแรงขึ้น ราวกับของเพียงทุบประตูบานนี้ ภายในเรือนก็จะมีเงินกองจนเต็ม ให้นางหยิบฉวยได้ตามใจ

“ท่านแม่ นางไม่ยอมเปิดประตู ข้าทุบจนมือบวมหมดแล้ว” ในที่สุดหลิวซื่อก็เหนื่อยจนต้องหยุดทุบประตู ก่อนจะหันหน้าไปกล่าวกับแม่สามี

หญิงชราสกุลไป๋ก้าวไปข้างหน้า พิจารณาประตูบานนั้นอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นกุญแจทองแดงแขวนอยู่ด้านนอก นางก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่อยู่ “นี่ลงกุญแจไว้ไม่ใช่หรือ ข้างในไม่มีคนอยู่หรืออย่างไร”

คราวนี้หลิวซื่อถึงได้เห็นกุญแจแขวนอยู่บนประตู เป็นกุญแจที่แขวนจากด้านนอกจริงๆ…เช่นนี้เท่ากับว่าเมื่อครู่นางทุบประตูไปตั้งนาน ทว่าเสียเปล่าสินะ

บัดนี้ตาเฒ่าหลี่โถวแบกจอบกลับมาจากนอกหมู่บ้าน เขาเห็นหลิวซื่อและหญิงชราสกุลไป๋เหม่อมองอยู่ด้านนอกเรือนไม้ จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเจ้ามาหาจ้าวหลานกระมัง นางกับเหล่าหูไปปลูกข้าวสาลีแล้ว เมื่อครู่ข้าผ่านที่ดินปลูกข้าวสาลีของบ้านเหล่าหู เห็นนางกำลังช่วยเหล่าหูโปรยเมล็ดอยู่ เพิ่งจะเริ่มทำงานเอง คาดว่าอีกสักพักหนึ่งถึงจะกลับมาได้ พวกเจ้ามาหานางมีเรื่องด่วนอะไรหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา