คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 457

สรุปบท ตอนที่ 457 ไม่นับการแยกบ้าน (2) / ตอนที่ 458 หูเฟิงส่งจดหมายมา (1): คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 457 ไม่นับการแยกบ้าน (2) / ตอนที่ 458 หูเฟิงส่งจดหมายมา (1) – คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา โดย Internet

บท ตอนที่ 457 ไม่นับการแยกบ้าน (2) / ตอนที่ 458 หูเฟิงส่งจดหมายมา (1) ของ คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา ในหมวดนิยายนางเอกเก่ง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 457 ไม่นับการแยกบ้าน (2)

“เจ้ารอง แม้พวกเจ้าจะแยกบ้านไปแล้ว แต่จะดีร้ายอย่างไรนางก็เป็นแม่ของเจ้า วันนี้นางตกทุกข์ได้ยาก เจ้าช่วยเหลือนางสักหน่อยย่อมเป็นเรื่องที่ควรทำ เอาอย่างนี้ ข้าจะตัดสินให้พวกเจ้าอย่างเป็นธรรม พี่ใหญ่และสะใภ้ใหญ่ของเจ้าไม่เกี่ยว พวกเขามีมือมีเท้า ให้พวกเขาหาหนทางเอาชีวิตรอดเอง แต่หญิงชรานับว่าเกี่ยวข้อง มอบข้าวให้นางเดือนละห้าชั่ง อย่างอื่นไม่เกี่ยวกัน เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร” หัวหน้าหมู่บ้านถามเจ้ารอง

เจ้ารองมองไปทางจางซื่อ บัดนี้จางซื่อมีไฟสุมทรวงอยู่ นางไม่อยากตอบรับข้อเสนอนี้ แต่ที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดก็มีเหตุผล อย่างไรเสียหญิงชราก็เป็นแม่แท้ๆ ของเจ้ารอง ไหนเลยบุตรชายจะทนมองแม่ของตนเองอดตายได้แล้ว

ในที่สุดจางซื่อก็พยักหน้า ก่อนจะไม่กล่าวอะไรอีก เพียงหมุนกายกลับเข้าเรือนไป

เจ้ารองพลันโล่งใจ ก่อนจะรีบกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านว่า “ได้ขอรับ ตกลงตามนี้”

หลิวซื่อร้อนรนขึ้นมา ตะโกนเสียงดัง “ห้าชั่งเท่านั้น? นี่จะไปพอให้ใครกินกัน อย่าว่าแต่หนึ่งเดือนเลย แค่สองสามวันก็ไม่เหลือแล้ว!”

หัวหน้าหมู่บ้านมองนางด้วยสีหน้าบึ้งตึง ด้วยใจรังเกียจนางนัก “เจ้าหูเฝื่อนหรือไร ฟังไม่ชัดเจนใช่หรือไม่ ข้าวนี้เจ้ารองมอบให้หญิงชราด้วยความกตัญญู ห้าชั่งนี้ไม่มากหรอก ส่วนพวกเจ้าเป็นบ้านใหญ่ เจ้ารองให้เท่าไร พวกเจ้าก็ต้องให้ในปริมาณเท่ากัน แต่สำหรับข้าแล้ว พวกเจ้ามีที่ดินมากกว่าบ้านรองหนึ่งหมู่ ก็ควรจะให้มากกว่าถึงจะถูกต้อง ถึงแม้ห้าชั่งจะไม่พอ แต่เมื่อรวมกับห้าชั่งที่พวกเจ้าให้แล้ว ก็น่าจะเพียงพอแล้วกระมัง”

หญิงชราลอบกลอกตาขาว พวกบ้านใหญ่ยังหวังให้บ้านรองเลี้ยงอยู่เลย แล้วพวกเขาจะมอบข้าวให้นางได้อย่างไร อย่าได้ฝันกลางวันจะดีกว่า

หัวหน้าหมู่บ้านเห็นหลิวซื่อไม่พอใจ จึงโบกมือว่า “เอาละ เรื่องนี้ตกลงกันตามนี้ ทุกคนแยกย้ายกันได้แล้ว”

เมื่อละครฉากใหญ่จบลง ผู้คนที่มาดูความคึกคักก็ตามหลังหัวหน้าหมู่บ้านจากไป นอกบ้านสกุลไป๋กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

หลิวซื่อเห็นเจ้ารองไปแล้ว นางจึงรีบก้าวเข้าไปประคองแม่สามี “ท่านแม่ ลูกไม้นี้ใช้ได้ทีเดียวเลยนะเจ้าคะ พวกเราลองใช้ลูกไม้นี้กับไป๋จื่อและจ้าวหลานบ้างดีหรือไม่”

หญิงชรามองตาขวางใส่สะใภ้ใหญ่ กล่าวอย่างไม่ใคร่จะพอใจ “พวกเราเคยใช้ลูกไม้พรรค์นี้กับพวกนางไม่น้อยแล้ว เจ้สคิดว่ามีประโยชน์อยู่หรือ” นางเองก็รู้สึกกลุ้มใจ เมื่อก่อนไป๋จื่อดูไม่เหมือนคนที่ใจแข็งเหมือนหินเช่นนี้ ไยวันนี้ถึงเปลี่ยนไปเหมือนกับเป็นคนละคนได้

“ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร” หลิวซื่อแค่นหัวเราะ นางกลอกตาหนหนึ่ง แล้วประคองหญิงชราให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ในลานบ้าน ใบหน้ามีรอยยิ้มประจบสอพลอ “ท่านแม่ อีกเดี๋ยวข้าจะไปนำข้าวมาจากเจ้ารอง ท่านวางใจเถอะ ข้าจะต้องช่วยท่านนำข้าวมาให้ได้เลย”

หญิงชรารู้จักลูกสะใภ้คนนี้ดีที่สุด นางจึงเข้าใจจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายพูดเช่นนี้ออกมาอย่างแจ่มแจ้ง

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าไปนำมาเอง เจ้าระวังปากของพวกเจ้าไว้เป็นพอ เจ้าไม่ต้องมาสนใจเรื่องของข้านักก็ได้”

หลิวซื่อชะงักงัน “ท่านแม่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”

หญิงชราไม่อยากอ้อมค้อมกับนาง จึงกล่าวเข้าประเด็นทันที “เจ้ารองให้ข้าวข้าเพียงห้าชั่ง ถึงแม้ข้าจะกินให้ประหยัดเพียงใด ก็พอจะประทังท้องได้อย่างยากลำบากเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ห้าชั่งที่พวกเจ้าสมควรให้ข้าด้วยเช่นกันนั้น ข้าเองไม่หวังมากหรอก เช่นเดียวกัน พวกเจ้าก็อย่ามาขอความช่วยเหลือจากข้าเลย”

“ท่านแม่ พวกข้าไม่ขอความช่วยเหลือจากท่าน แล้วจะไปขอความช่วยเหลือจากใครได้ เช่นนั้นแล้วพวกข้าจะกินอะไรเล่า” หลิวซื่อรีบพูด

แม่สามีพลันแค่นหัวเราะเบาๆ “กินอะไร? อยากกินสิ่งใดก็กินสิ่งนั้น เจ้ารองรู้จักทำมาหากิน หาเงินเลี้ยงครอบครัว แล้วพวกเจ้ารู้จักทำอะไรบ้าง รู้จักแต่นอนขี้เกียจอยู่ในบ้านทั้งวัน แม้แต่ผักป่าก็คร้านจะออกไปหา ต้องการให้สาวใช้แก่ๆ อย่างข้าผู้นี้ปรนนิบัติพวกเจ้างั้นสิ?”

หลิงซื่อมีสีหน้าอัดอั้น “ท่านแม่ ท่านพูดอะไรของท่าน ข้าไม่ออกไปทำงาน ก็เป็นเพราะท่านไม่ใช่หรือไร ท่านบอกว่าท่านเหงาอยู่ในบ้านคนเดียว จึงให้ข้าอยู่คุยเล่นกับท่านเพื่อคลายเหงา ข้าก็ทำตามความต้องการของท่านแล้วนะเจ้าคะ!”

ไป๋จอื่รีบถาม “พรุ่งนี้นายไปรษณีย์จะมาส่งจดหมายมาเวลาใดหรือเจ้าคะ” พรุ่งนี้นางมีธุระต้องออกไปข้างนอก หากรู้เวลาแล้ว ก็จะได้เร่งเดินทางกลับมาให้ทัน

หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ นายไปรษณีย์ไม่ได้ส่งจดหมายของหมู่บ้านหวงถัวโดยเฉพาะ เขาต้องไปส่งจดหมายให้ครอบครัวตามชนบทที่ส่งคนเข้าร่วมกองทัพทั้งหมด อย่าน้อยน่าจะเป็นช่วงบ่ายกระมัง ถึงอย่างไรเสียหมู่บ้านหวงถัวของพวกเราก็ไกลจากตัวเมืองที่สุด”

เด็กสาวพยักหน้า “เจ้าค่ะ เช่นนั้นพรุ่งนี้หากจดหมายมาถึงแล้ว ท่านช่วยเก็บไว้ให้พวกข้าก่อนนะเจ้าคะ” พรุ่งนี้ต้องรดน้ำในที่ดิน นางไม่กล้าเชิญคนในหมู่บ้านมาทำงานนี้ เพราะต้นอ่อนเพิ่งงอกออกมาใหม่ จะรดน้ำมากๆ ในคราวเดียวไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับลงเมล็ดพันธุ์ไปโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อเชิญคนมาทำงานแล้ว พวกเขาย่อมรีบร้อนทำงานให้เสร็จเพื่อรับเงิน ใครจะสนใจความเป็นความตายต้นอ่อนของนางกัน

ทว่านางรดน้ำที่ดินสองหมู่เพียงลำพังก็ไม่ไหวเช่นกัน หูจ่างหลิน อาอู่ และจ้าวซู่เอ๋อจึงจะไปด้วย

สิ่งที่ยากที่สุดในการปลูกสมุนไพรคือการรดน้ำ เพราะไม่อาจราดน้ำใส่ได้โดยตรงเหมือนนาข้าวหรือนาข้าวสาลีได้ และไม่อาจสาดน้ำลงไปอย่างแรงเหมือนกับการปลูกผัก ต้องรดน้ำให้พวกมันทีละคนในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ทำเช่นนี้แล้วสมุนไพรที่เติบโตขึ้นมาถึงสดหอมเป็นที่สุด แม้สมุนไพรในป่าจะมีสรรพคุณทางยามากกว่า แต่รสชาติของมันกลับสู้สมุนไพรที่นางปลูกไม่ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งครอบครัวออกเดินทางไปยังที่ดิน พวกเขาไหว้วานให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยดูแลหรูเอ๋อร์แล้ว จึงไปทำงานได้ด้วยความสบายใจ

ก่อนหน้านี้หรูเอ๋อร์และพ่อแม่ของนางอาศัยอยู่ที่บ้านที่นี่ หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ช่วยอาอู่ดูแลนางอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาชอบใจในตัวหรูเอ๋อร์นัก เพราะนางสะสวย น่าเอ็นดู ทั้งยังฉลาดเฉลียว อย่าได้มองว่านางเป็นเด็กตัวเล็กๆ เชียว เพราะนางปากหวานเสียยิ่งกว่าอะไร ทำเอาผู้อาวุโสทั้งสองยิ้มไม่หุบไปทั้งวันเลยทีเดียว

หลังจากครอบครัวของหรูเอ๋อร์ย้ายออกไป บ้านนี้ก็พลันเงียบเหงาลงถนัดตา เงียบเสียจนเหมือนอยู่ในถ้ำน้ำแข็งก็ไม่ปาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา