น้ำตาแห่งความขมขื่นสองหยดไหลรินลงมาตามแก้มของแจซั่น สีหน้าของเขาฉาบด้วยความสิ้นหวัง เขายิ้มเย้ย ดูเหมือนจะเหยียดหยามความไม่เอาไหนของตัวเอง
เรามีชีวิตที่รุ่งโรจน์ ทำไมถึงไม่ชื่นชมยินดีกับมัน? เรามีภรรยากับลูกสาวที่น่ารัก ทำไมถึงไม่ทะนุถนอมพวกเขา? เรายังมีอิสระเสรีที่แสนจะน่ารื่นรมย์ด้วย แต่ทำไมไม่เห็นคุณค่า? ทำไม…ก็แค่ทำไม?
ในตอนนั้น แจซั่นตาสว่างและพลันเข้าใจว่าเขาพลาดการดูแลรักษาสิ่งใดในชีวิตนี้บ้างก่อนจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายอย่างที่เห็น แต่ทุกอย่างก็สายไปแล้ว! เราไม่มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้อีก และกำลังจะสูญเสียทุกอย่างที่มี!
โทรศัพท์มือถือของเขามีสายเรียกเข้าจากฟาเบียนพอดี แจซั่นรับโทรศัพท์อย่างเงื่องหงอย เพราะตัวเขากำลังท้อแท้และไม่เหลือความหวังอยู่เลย
“คุณนอร์ตัน ผมรู้แล้วว่าเหตุการณ์มันพลิกผันยังไง ขอบคุณมากจริงๆ ที่ช่วยผม ถึงคราวนี้เราจะพลาด แต่ผมก็รู้ว่าคุณช่วยเหลือผมอย่างจริงใจ…”
ฟาเบียนตัดบทตั้งแต่เขายังพูดไม่จบ “ใครบอกคุณว่าเราพลาด?”
ได้ยินแบบนั้น นัยน์ตาของแจซั่นเปล่งประกายของความหวังแวบหนึ่ง แต่พริบตาต่อมาก็ดับวูบ “ไม่ต้องโกหกผมหรอกคุณนอร์ตัน ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว อยากบอกว่าผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มีเพื่อนอย่างคุณ…”
ฟาเบียนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง หมอนี่พล่ามอะไร? ทำไมถึงทำเหมือนจะบอกลา? แต่เขาก็อธิบายต่อ “ผมกักตัวเธอไว้แล้ว บนสะพานฟอลคอนมุ่งหน้าสนามบินเดนวิลล์ คุณรีบส่งคนไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นผมอาจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้”
“ฮะ? คุณว่าอะไรนะ?” แจซั่นนัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อได้ยิน เขามีทีท่าเหมือนเพิ่งฟื้นจากความตาย “คุณพูดจริงใช่ไหม? ไม่ได้โกหกผมนะ?” แจซั่นถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“คุณตัดสินใจเองแล้วกันว่าจะไปหรือไม่ไป!”
ฟาเบียนวางหูทันที หมอนี่เพี้ยนหรือเปล่าที่ตั้งคำถามแบบนั้นในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน? เราส่งกำลังแค่ราวสิบสองคนกับรถสี่คันไปขวางถนนไว้ และบนถนนก็มีผู้คนมากมายที่กำลังรีบไปสนามบิน สถานการณ์ย่อมโกลาหลเกินกว่าจะบรรยายได้!
“โอพระเจ้า! ผมโคตรรักคุณเลย คุณนอร์ตัน!” แจซั่นตะโกนอย่างตื่นเต้น
จากนั้นก็รีบติดต่อสถานีตำรวจในละแวกใกล้เคียงให้ส่งกำลังคนไปช่วยฟาเบียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม