ตอนที่ฟินนิคสูญเสียขาทั้งสองขาไประหว่างเหตุการณ์ลักพาตัวเมื่อสิบปีก่อน มาร์คก็คิดว่าน้องชายของเขาคงไม่เป็นภัยต่อเขาอีกต่อไป
แต่หลายปีต่อมา ฟินนิคที่นั่งวีลแชร์ก็ได้กลับมาที่ประเทศ M และเขาได้กลับมาเป็นภัยครั้งใหญ่ให้กับมาร์ค
ตั้งแต่ที่ฟินนิคก่อตั้งฟินเนอร์กรุ๊ปเมื่อหลายปีก่อน ความสามารถของเขาก็ค่อย ๆ ทำให้มาร์คกลัว
มาร์คพยายามกำจัดน้องชายของเขาอยู่หลายครั้ง แต่ฟินนิคก็เหมือนคนเหล็ก ในช่วงเวลาหลายปีมานี้ เขาไม่เจอจุดอ่อนของฟินนิคเลย จนกระทั่งวิเวียนโผล่เข้ามา
ความรักและความห่วงใยที่ฟินนิคมีให้วิเวียนคือจุดอ่อนของเขา
ช่างเป็นโอกาสที่ดีอะไรเช่นนี้ มาร์คคิดกับตัวเอง ฉันไม่ฆ่าเธอง่าย ๆ หรอก
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมาร์คในขณะที่เขากำลังคิดแผนการ
สองสามวันต่อมา วิเวียนยังคงพักฟื้นอยู่ที่บ้าน เธอพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฟินนิคกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่เขาก็มักที่จะเลิกงานเร็วและกลับมาทานมื้อค่ำกับเธออยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าวิเวียนจะไม่ได้แสดงความขอบคุณอะไรออกไปมากนัก แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน
ในตอนที่พวกเขากำลังทานมื้อค่ำกันในช่วงสุดสัปดาห์ จู่ ๆ ฟินนิคก็เอ่ยถามเธอขึ้นมา “วันพรุ่งนี้คุณทำอะไรหรือเปล่า”
วิเวียนกระพริบตาแล้วเอ่ยตอบ “ฉันดูเหมือนคนที่มีอะไรให้ทำเยอะเหรอ”
“โอเค งั้นวันพรุ่งนี้คุณไปกับผมหน่อยได้หรือเปล่า” เขาถามต่อ
วิเวียนเบื่อที่เธอจะต้องอยู่แต่ในบ้านในช่วงสองสามวันมานี้ เพราะงั้นตอนที่เธอได้ยินคำชวนของฟินนิค เธอจึงตอบตกลงไปโดยไม่ได้ถามอะไร
ฟินนิคหัวเราะ “เยี่ยม งั้นคืนนี้คุณก็พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะวันพรุ่งนี้พวกเราจะออกกันแต่เช้า”
เช้าวันรุ่งขึ้น วิเวียนถูกปลุกโดยฟินนิค และเมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอก็เห็นฟินนิคอยู่ในชุดสูทสีดำที่ดูเป็นทางการ เขาแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมที่จะออกจากบ้าน
เธอนิ่งไปสักพัก วันนี้เขาจะไปเจอใครกันแน่
“ตื่นเร็ว ลุกออกจากเตียงแล้วไปแต่งตัวได้แล้ว” ฟินนิคเอ่ยบอกกับเธอ วิเวียนรู้สึกได้ว่าวันนี้เขาดูผิดไปจากปกติ เขาดูเหม่อลอยนิดหน่อย แถมเขายังเตรียมเสื้อผ้ามาวางไว้บนเตียงให้เธออีก
ชุดเดรสสีดำที่ดูสง่าแต่ก็สุภาพ
วิเวียนเลิกคิดอะไรต่อ เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว และหลังจากที่เธอกับเขาทานมื้อเช้าด้วยกันเสร็จ ทั้งคู่ก็ขึ้นรถออกไป
ระหว่างทาง ฟินนิคเงียบจนผิดปกติ และวิเวียนก็สังเกตเห็นช่อดอกลิลลี่ที่วางอยู่บนเบาะรถ
เธอสงสัยว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถามฟินนิคออกไป เธอจึงเลือกที่จะนั่งอยู่ข้างเขาเงียบ ๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงแถบชานเมือง
เมื่อรู้สึกได้ว่ารถหยุดนิ่ง วิเวียนที่เผลอหลับพิงไหล่ของฟินนิคไปก็ลืมตาขึ้นมา และภาพที่เธอเห็นข้างนอกหน้าต่างก็ทำให้เธอต้องตกใจ
“พวกเราอยู่ที่ไหนกัน” เธอมองฟินนิคอย่างฉงนใจ
เขาตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่เจือไปด้วยความเศร้า “มาสิ ผมจะพาคุณไปเจอเธอ”
วิเวียนพูดไม่ออก
โนอาห์ลงมาจากรถและช่วยฟินนิคขึ้นนั่งบนวีลแชร์ และนั่นทำให้วิเวียนต้องรีบลงจากรถและตามพวกเขาไปทันที
เมื่อลงจากรถมา สีหน้าของวิเวียนก็เศร้าขึ้นทันทีเมื่อเธอได้เห็นภาพตรงหน้าของเธอชัด ๆ
ฟินนิคพาเธอมาที่สุสาน
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวันนี้เขาถึงได้ทำตัวแปลกไป
ฟินนิคจับมือเธอและจูงให้เธอเดินไปยังหลุมศพที่ตั้งอยู่ตรงกลางสุสานด้วยกัน
บนป้ายหลุมศพสีขาวราวกับหิมะมีคำที่ถูกแกะสลักเอาไว้อย่างประณีตว่า ‘อีฟเวลิน มอร์ริสันนอนอยู่ที่นี่’
นอกจากนี้บนป้ายหลุมศพยังมีรูปถ่ายสีขาวดำของผู้หญิงคนหนึ่งติดเอาไว้ รอยยิ้มของผู้หญิงในรูปช่างดูสดใสงดงามและความสวยของเธอก็ไม่มีใครเทียบได้
ในขณะที่วิเวียนกำลังพิจารณาป้ายหลุมศพตรงหน้าเธอ ฟินนิคก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ผมขอโทษนะ คุณโกรธหรือเปล่าที่ผมพาคุณมาที่นี่โดยที่ไม่ได้บอกก่อน”
วิเวียนผงะไปกับคำพูดของเขา แต่เธอก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ
เธอไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย แต่กลับกันเธอรู้สึกยินดีเสียมากกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม