ความรักสีคราม นิยาย บท 154

ให้ตายเถอะ

เมื่อเขาเห็นว่าร่างกายของวิเวียนบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเช่นไร ณ เวลานั้นฟินนิคจึงตัดสินใจ“วิเวียน” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่แทบไม่ได้ยิน ในระหว่างนี้ เขาก็ค่อยๆ ถอดเนคไทและปลดกระดุมเสื้อออก “อย่าโทษผมที่ผมทำแบบนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ”

ไม่มีทางเลยที่วิเวียนจะใส่ใจในสิ่งที่เขาพูดได้ เพราะเธอกำลังจะเสียสติในขณะที่ร่างกายของเธอถูกแผดเผา ด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด เธอพึมพำ "ช-ช่วยฉันด้วย..."

ทันใดนั้น ดวงตาของฟินนิคก็พล่ามัวด้วยแรงปรารถนา คอของเขาแห้งในขณะที่เขาวางน้ำหนักทั้งหมดไว้บนร่างของวิเวียนที่ร้อนระอุ

ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขากดริมฝีปากของเขากับเธอและสัมผัสไปมากับริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอ มันบังคับให้เธอกลืนคำตำหนิทั้งหมดของเธอลงไป

ด้วยเวลาไม่นานมาก ฟินนิคก็รู้สึกถึงเปลวไฟที่ลุกโชนของวิเวียนที่แผ่มาถึงเขา

อย่างไรก็ตามเขาพอใจที่จะทำให้มันช้า เพราะนี่เป็นครั้งแรกของพวกเขา

แม้ว่าการทำแบบนั้นกับเธอตอนที่เธอถูกวางยาจะไม่ใช่สิ่งที่เขาวาดฝันไว แต่เขาก็ไม่รู้สึกอยากจะรั้งตัวเองไว้ในครั้งนี้

อันที่จริงเขามีความปรารถนาในตัวเธอมานานแล้ว

แม้ว่าวิเวียนจะถูกวางยา แต่เขารู้ว่าเธอยังคงมีสติอยู่มากพอที่จะจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น ดังนั้นเขาต้องการทำให้มันเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับเธอ

ด้วยการคิดในใจ เขาได้เดินเข้าไปหาเธอด้วยท่าทีที่อ่อนโยน เขาซุกริมฝีปากของเขากับติ่งหูของเธอและกระซิบกับเธอย่างน่ารักว่า “วิเวียน คุณกลัวไหม”

เธอสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่อยู่บนตัวเธอและความร้อนจากร่างกายของเขา เพราะความรู้สึกนั้นจิตใจของเธอจึงที่จะหวนกลับไปนึกถึงประสบการณ์อันน่าสลดที่เธอได้รับเมื่อสองปีก่อน...

ร่างกายของเธอตอบโต้โดยเริ่มสั่นเทาเพราะความกลัว

ฟินนิคพบว่าเธอหวาดกลัวและรู้สึกขยะแขยง เวลานี้เขาตัดสินใจว่าจะไม่ล้มเลิก แต่เขาคว้าข้อมือทั้งสองข้างของเธอแล้วกมันลงไปที่หมอนซึ่งอยู่บนศีรษะของเธอ ขณะเดียวกันริมฝีปากของเขาขยับเข้าใกล้หูของเธอมากขึ้น เพื่อให้เธอได้สัมผัสถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่ออกมาจากปากของเขาในตอนที่เขากำลังคุยกับเธอ

“ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงลุ่มลึกของเขาฟังดูแหบเล็กน้อย “ผมรู้ว่าคุณรู้สึกชอกชำ ครั้งนี้ ให้ผมเป็นคนปลดปล่อยคุณจากโซ่ตรวนที่รั้งคุณไว้เถอะ”

เหมือนกับว่าคำที่เขาพูดนั้นมีเวทมนตร์ที่ทำให้วิเวียนตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเขา น่าแปลกใจที่กล้ามเนื้อในร่างกายของเธอซึ่งตึงเครียดด้วยความกลัวก็เริ่มผ่อนคลายในตอนนั้น

แม้ว่ายาจะทำให้เธอทรมานและมีสติเพียงเล็กน้อย เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

เธอพบว่ามันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้มากขึ้นเพราะบุคคลนั้นคือฟินนิค...

เมื่อรับรู้ได้ถึงความผ่อนคลายของเธอ ร่องรอยของความสุขก็ปรากฎขึ้นภายในดวงตาของเขา ท้ายที่สุดเขาก็สลัดความต่อต้านครั้งสุดท้ายของเขา เมื่อเขาเริ่มอ้างสิทธิ์และครอบครองทุกส่วนของร่างกายของเธอ...

มันเป็นค่ำคืนที่แสนยาวนานและทั้งสองคนก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอน

หลังจากที่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามันนานแค่ไหน ความกลัวและความกระวนกระวายใจของเธอเริ่มหมดลง ขณะที่เธอค่อยๆ ทำให้ร่างกายของเธอโค้งรับการเคลื่อนไหวของเขา

อันที่จริงเธอมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในก้าวผ่านเรื่องราวที่กระทบกระเทือนจิตใจของเธอเมื่อสองปีก่อน

ด้งนั้นการที่ในท้ายทุดสุดเธอจะสามารถลืมความเจ็บปวดเพียงสักครั้ง และมีความสุขกับชีวิตเหมือนผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจึงไม่เคยเคยขึ้น

จากนั้นไม่นานความร้อนในร่างกายของเธอก็เริ่มลดลง ในท้ายที่สุดเธอก็เผลอหลับไป ด้วยอ่อนแอและหมดแรง

เช้าวันรุ่งขึ้น เธอตื่นนอนในห้องนอนนั้นด้วยความหนาวเหน็บ

เป็นเพราะเมื่อคืนนี้ฟินนิคได้ปรับเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่อุณหภูมิต่ำสุด เธอลืมตาขึ้นด้วยความตกใจและได้รับการต้อนรับด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของฟินนิคที่อยู่ข้างๆ เธอโดยทันที ภายใต้แสงแดดอันอ่อนโยนที่ส่องผ่านหน้าต่าง ใบหน้าของเขาดูงดงามราวกับรูปปั้น

เธอหมกมุ่นอยู่กับการชื่นชมหน้าตาของเขาจนเธอตกอยู่ในภวังค์

สายตาของเธอยังคงจ้องไปที่ใบหน้าของเขา จนฟินนิคซึ่งตายังคงปิดอยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “คุณจ้องผมเสร็จแล้วหรือยัง”

เมื่อนั้นจิตใจที่หลับใหลของเธอก็กลับสู่ความเป็นจริง เมื่อเธอรู้สึกเขินอายที่ฟินนิครู้ตัวว่าจ้องเธออยู่ เธอจึงรีบหันกลับมาหาเขา

แต่ก่อนที่เธอหันกลับมา เขาคว้าไหล่ของเธอไว้ จากนั้นเธอก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมอกของเขาทันที

ใบหน้าของเธอชนกับหน้าอกที่กระชับพอดีของเขา ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง

ในขณะเดียวกัน เขาแตะที่หน้าผากของเธอและถามเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เมื่อคืนคุณพอใจกับลีลาของผมไหม”

เธอถูกทำให้อึ้งดวยคำถามของเขา ใบหน้าและหูของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร” เธอตะคอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “คุณกล้าดียังไงถึงมาถามคำถามนี้กับฉัน ทั้งที่เมื่อคืนคุณเอาเปรียบฉันอย่างชัดเจน!”

“ผมเหรอ”

ฟินนิคหัวเราะหัวเราะคิกคักโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้ายกับความโกรธเคืองของเธอ “ทำไมเมื่อคืนผมถึงมองว่าตัวเองเป็นฮีโร่ที่ช่วยชีวิตคุณไว้ล่ะ หญิงสาวผู้โศกเศร้า”

วิเวียนกัดฟันกรอด “คุณมันไร้ยางอาย”

“ผมน่ะเหรอที่ไร้ยางอาย” ฟินนิคพูดตะกุกตะกัก “คุณจะให้โอกาสผมได้ไร้ยางอายอีกไหม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม