วิเวียนกระแอมไอและพยายามคุมน้ำเสียงให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่อยากให้ฟินนิครู้เรื่องที่เกิดขึ้น "อ๋อ ฉันไม่ได้อยู่ทานกับพวกเขาจนเสร็จน่ะค่ะ ฉันเป็นหวัดเลยขอตัวออกมาก่อน "
ปลายสายอีกด้าน ฟินนิคไม่ได้ตอบกลับในทันที เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ใคร่ครวญอยู่ว่าควรจะถามต่อหรือเปล่า "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" สุดท้ายเขาตัดสินใจที่จะปล่อยผ่านเรื่องนั้นและไม่กดดันอะไรเธออีก
"อ่อ ฉันอยู่ที่บ้านอีฟส์ค่ะ ทำไมคุณไม่หาอะไรทานก่อนล่ะคะ แล้วช่วยบอกมอลลี่ให้เตรียมซุปไว้หน่อยได้ไหมคะ ฉันจะทานตอนกลับถึงบ้าน"
ปลายสายเงียบอีกครั้ง วิเวียนดูโทรศัพท์แล้วพบว่าเครื่องดับอัตโนมัติ เพราะแบตหมด
บ้าเอ๊ย ทำไมต้องเป็นตอนนี้
แล้วทีนี้ฉันจะกลับยังไง
เธอพยายามกดเปิดเครื่องอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ หญิงสาวกระทืบเท้าอย่างหัวเสียและมองไปรอบๆ อย่างหมดอาลัยตายอยาก ขณะพยายามนึกถึงตำแหน่งของจุดจอดรถโดยสารประจำทางที่อยู่ใกล้ที่สุด
แต่ไม่นาน เธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า รองเท้าส้นสูงกัดเธอจนเป็นแผลพุพองและมันก็เจ็บสุดๆ
วิเวียนร้องโอดโอยและส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง มันช่างเป็นวันซวยของเธอจริงๆ
ละแวกคฤหาสน์ของอีฟส์นั้นกว้างใหญ่และเธอพบว่าตัวเองเดินวนอยู่ที่เดิม หลังจากเดินอยู่หลายนาที
คืนนั้นอากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ ลมหนาวพัดผ่านร่างของเธอ วิเวียนรู้สึกหนาวสั่นจนถึงกระดูก ได้แต่ดึงเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมให้กระชับกับร่างผอมบางของเธอขณะที่เดินต่อไป
ตอนที่เธอกำลังจะเลี้ยวไปยังถนนอีกสาย แสงไฟสว่างแวบเข้าตาของเธอ
เธอเอียงคอชะเง้อมองว่าใช่รถแท็กซี่หรือเปล่า แต่ต้องผิดหวัง เพราะมันเป็นรถส่วนตัว-สีดำคันหนึ่ง
ใช่สิ จะหวังอะไรได้อีก แท็กซี่ในย่านหรูแบบนี้เนี่ยนะ
วิเวียนขมวดคิ้ว แล้วมองรถที่แล่นชะลอความเร็วมาทางเธอให้ชัดๆ
เดี๋ยวนะ...รถคันนี้ดูคุ้นตาจัง...
รถเคลื่อนเข้ามาใกล้ แล้วหยุดจอดตรงหน้าเธอในที่สุด
ประตูเปิดออก แล้วรางล้อก็ยื่นลงจากรถพร้อมกับชายหนุ่มทรงเสน่ห์คนหนึ่งบนรถวีลแชร์
ไม่ใช่ใครนอกจากฟินนิค
ไฟรถส่องแสงจ้ามากท่ามกลางความมืด จนทำให้วิเวียนเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่จากโครงร่างและสันกรามคมชัดของเขาแล้ว มองปราดเดียววิเวียนก็สามารถบอกได้เลยว่าเป็นเขาอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม