ถึงแม้ว่าการแต่งงานของเธอกับฟินนิคจะเริ่มต้นขึ้นด้วยสัญญาแปลก ๆ แต่วิเวียนก็ยังเคารพในการแต่งงานของพวกเขาและจะไม่ทำอะไรที่ถือเป็นการหักหลังฟินนิค
แต่ฟินนิคกลับดูเหมือนสงสัยในวิเวียนและมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บมาก
“คุณหมายความว่ายังไงฟินนิค” เสียงของเธอแข็งขึ้น “คุณกำลังสงสัยว่าระหว่างฉันกับฟาเบียนมันมีอะไรเกิดขึ้นใช่หรือเปล่า”
วิเวียนต้องยอมรับเลยว่าตอนนี้เธอค่อนข้างอ่อนไหว
อย่างไรก็ตาม เธอทนต่อไปไม่ไหวแล้ว การเยาะเย้ยและการดูถูกของฟาเบียนในวันนี้เกี่ยวกับเรื่องรูปพวกนั้น มันกำลังผลักให้เธอรู้สึกเหมือนจะพังทลาย
ตอนแรกเธอคิดว่าฟินนิคเชื่อใจเธอ แต่ตอนนี้เขากลับทำเหมือนว่าเธอเป็นผู้หญิงเจ้าชู้
ฟินนิคไม่คิดว่าวิเวียนจะตอบกลับด้วยอารมณ์ขนาดนี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยย้ำให้เธอเข้าใจ “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ทานต่อเถอะ”
ฟินนิคพยายามจบบทสนทนา แต่วิเวียนกลับวางช้อนส้อมลงและเอ่ยพึมพำ “ฉันอิ่มแล้ว”
เพราะแบบนั้นเธอจึงเตรียมตัวลุกออกจากโต๊ะอาหาร
แต่ก่อนที่เธอจะได้ลุกขึ้น ฟินนิคก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เขาวางมือลงบนแขนเก้าอี้ทั้งสองข้างของเธอและขังเธอเอาไว้
“คุณ! นี่คุณทำอะไร” เมื่อวิเวียนเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน เธอก็เห็นว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่นิ้ว
นัยน์ตาของฟินนิคมืดดำและอารมณ์ของเขาที่อ่านไม่ออก ในขณะที่เขามองดูท่าทีตื่นตระหนกของวิเวียน เขาก็เอ่ยถามเสียงเข้ม “วิเวียน เธอไม่มีอะไรที่อยากบอกฉันเหรอ”
เขารู้จักหลานของเขาดี เขารู้จักนิสัยของฟาเบียน ฟาเบียนเป็นคนหุนหันพลันแล่น เพราะงั้นหลังจากที่เขาได้รูปพวกนั้นมา เขาจะต้องไปหาวิเวียนแน่
รวมถึงการที่วิเวียนดูไม่ค่อยมีสมาธินั้น ฟินนิคเดาว่าเธอคงได้เห็นรูปพวกนั้นแล้ว
แต่เธอกลับไม่พูดอะไรเกี่ยวกับมันเลย
สิ่งนี้เลยยิ่งทำให้ฟินนิคโกรธมากกว่าเดิม
ทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน ฉันเป็นสามีของเธอนะ ขนาดว่าเธอผิด เธอก็ยังไม่ยอมพูดอะไรสักคำ แล้วเธอยังจะอยากทำงานในบริษัทนิตยสารบ้า ๆ นั่นอีก
ฟินนิคไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโมโหขนาดนี้ แต่เมื่อเขามองไปยังใบหน้าสวยของวิเวียนที่มีน้ำตาคลอหน่วยอยู่ เขาก็ไม่สามารถที่จะระงับความโกรธเอาไว้ได้
“วิเวียน ฉันถามเธออยู่นะ” เมื่อเขาเห็นว่าวิเวียนยังคงนิ่งเงียบ ความโกรธของเขาจึงยิ่งพุ่งทะยานสูงขึ้น เขาบีบคางเธอและบังคับให้เธอมองตา
แรงบีบที่คางเริ่มทำให้เธอเจ็บ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ขนาดไหน แต่สุดท้ายมันก็ไหลออกมา เธอมองไปที่ฟินนิคและตะโกนออกมา “คุณบ้าไปแล้วเหรอฟินนิค”
แม้แต่ฟินนิคเองก็ยังคิดว่าตัวเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
เพราะเมื่อเขามองไปยังใบหน้าของวิเวียนที่เต็มไปด้วยความโกรธและมีน้ำตาคลอ เขากลับพบว่าเธอช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน
แต่เมื่อเขานึกถึงรูปพวกนั้นและคำพูดของฟาเบียน เหตุผลที่เขาเคยมีก็หายไป
เขาโน้มหน้าลงและกดริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากสีซีดของวิเวียน ทำให้คำพูดของเธอถูกกลืนหายไป
ตอนแรกฟินนิคแค่อยากจะจูบเธอเพื่อเป็นการเตือน แต่เมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสเข้ากับริมฝีปากของวิเวียน ปากของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของเธอ เขามึนงง
วิเวียนรสชาติแบบนี้เองเหรอ
ราวกับถูกปิศาจเข้าครอบงำ เขาอดไม่ได้ที่จะอ้าริมฝีปากของเธอให้กว้างขึ้นและจูบเธออย่างลึกซึ้งอย่างคนโลภ
ในขณะที่วิเวียนดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
นี่เป็นครั้งที่สองที่ฟินนิคจูบเธอ เมื่อเทียบกับจูบลงโทษในครั้งนั้น จูบในครั้งนี้ดูเร่าร้อนมากกว่า
ในตอนแรกวิเวียนอยากที่จะขัดขืนและผลักฟินนิคออกไป แต่ไม่ว่าเธอจะผลักเขายังไง เขาก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนเลย
หลังจากที่จูบกันอยู่สักพัก วิเวียนเริ่มขาดอาการหายใจ หน้าของเธอแดงก่ำและไม่สามารถที่จะทรงตัวได้อีกต่อไป เธอทรุดตัวลงในอ้อมแขนของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อฟินนิคสังเกตเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของวิเวียน เขาจึงปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจนักและยืดตัวขึ้นยืน
จูบเมื่อกี้ช่วยระบายความหึงหวงที่มันกำลังเผาไหม้อยู่ในตัวเขาออกไป
แต่พอมองไปยังริมฝีปากของวิเวียนที่บวมเจ่อจากการจูบ หัวใจของเขาก็ผลันเจ็บขึ้นมา เขาไล่นิ้วมือลงบนริมฝีปากของเธอพร้อมเอ่ยขอโทษเสียงนุ่ม “ฉันขอโทษ เธอเจ็บหรือเปล่า”
วิเวียนเม้มปากและยังคงเงียบ
“อะไร” น้ำเสียงของฟินนิคกลับมาเยือกเย็นอีกครั้งเมื่อเขาสังเกตเห็นท่าทีที่ห่างเหินของวิเวียน “เธอเกลียดสัมผัสของฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
และเมื่อนึกย้อนไปถึงการต่อต้านที่เธอมีต่อเขาบนเตียง ดวงตาของฟินนิคก็ฉายแววอันตรายขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม