ฟินนิครักษาความสงบของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะจ้องมองวิเวียนแต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา
“โอเค งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” ฟาเบียนยิ้มอย่างสุขุมพร้อมทั้งชี้นิ้วบอกให้วิเวียนนั่งลงบนโซฟา ฟินนิคผลักอาไปทางพวกเขาและจงใจหลีกเลี่ยงสายตาของวิเวียน
“ขอบคุณอาฟินนิคมากนะครับสำหรับครั้งก่อน” ฟาเบียนแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นภายในห้อง “พวกเรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับการสัมภาษณ์ครั้งที่แล้ว เนื่องจากมันช่วยเพิ่มยอดขายให้กับนิตยสารของเราได้มากจริง ๆ”
“ด้วยความยินดี” ฟินนิคตอบกลับ
“จุดประสงค์ของการสัมภาษณ์ในครั้งนี้คืออยากทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัลบุคคลดีเด่นที่เพิ่งได้รับไป” ฟาเบียนเอ่ยต่อ “อารู้สึกอย่างไรบ้างตอนที่ได้รับรางวัลนี้”
“รู้สึกเหมือนความพยายามที่สั่งสมมาได้สำเร็จแล้ว” ฟินนิคเอ่ยตอบ
คู่อาหลานเอ่ยต่อบทสนทนากันอย่างใจเย็น ซึ่งมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความรู้สึกภายในของวิเวียนที่นั่งดูการสัมภาษณ์อยู่ข้าง ๆ ที่มันกำลังปั่นป่วน
เธอรู้นิสัยของฟาเบียนดี การที่หัวหน้าบรรณาธิการลงมือสัมภาษณ์เองนั้น มันจะต้องมีแรงจูงใจอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอน
หรือว่าจะเป็น จู่ ๆ วิเวียนก็หน้าซีดขึ้นมาทันที เมื่อเธอนึกไปถึงรูปที่เธอได้เห็นเมื่อวาน
หรือฟาเบียนอยากที่จะเอารูปพวกนั้นให้ฟินนิคดู
แต่วิเวียนหารู้ไม่ ว่าฟาเบียนเอารูปทั้งหมดให้ฟินนิคดูเรียบร้อยแล้ว และการสัมภาษณ์ในวันนี้ก็เกิดขึ้นเพียงเพราะฟาเบียนยังรู้สึกโกรธเคือง
เขาไม่พอใจที่วิเวียนไม่หวั่นไหวไปกับการกระทำของเขาแล้ว เพราะแบบนั้นตอนที่บริษัทตัดสินใจที่จะสัมภาษณ์ฟินนิคอีกครั้ง เขาเลยพาวิเวียนมาด้วยเป็นการส่วนตัว
หลังจากคำถามทั่วไปสองสามคำถาม ฟาเบียนเริ่มเอ่ยคำถามถัดไปด้วยแววตาเป็นประกาย “ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยข่าวเกี่ยวกับภรรยาของอาหลังจากที่งานพิธีมอบรางวัลจบลงใช่ไหมครับ”
ฟินนิคพยักหน้า “ใช่”
“ถ้าอาไม่ว่าอะไร ช่วยเล่าถึงภรรยาให้ฟังสักหน่อยได้ไหมครับ” ฟาเบียนยิ้มอย่างสุภาพและเอ่ยต่อ “อย่างที่รู้ ๆ กัน นักอ่านผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบข่าวซุบซิบหน่ะครับ”
“ภรรยาของฉันเหรอ เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ” ฟินนิคตอบกลับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ช่วยเล่าถึงเธอมากกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมครับ” ฟาเบียนเอ่ยถามพร้อมมองจ้องไปยังวิเวียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา “เธอต้องเป็นผู้หญิงที่วิเศษและใจดีแน่ ๆ อามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอไหมครับ”
หลังจากที่ได้ยินคำถามของฟาเบียน วิเวียนก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมเขาถึงได้พาเธอมาสัมภาษณ์ด้วย
ฟาเบียนต้องการให้ฟินนิคเปิดเผยความรักที่ลึกซึ้งของเขากับภรรยาเพื่อที่จะให้วิเวียนถอยห่างและรู้สึกผิดต่อการกระทำของเธอ
แต่วิเวียนกลับพบว่ามันช่างน่าขำสิ้นดี
นี่ฟาเบียนจะให้ฉันหึงตัวเองอย่างนั้นเหรอ
มันคงตลกดี ถ้าหากเขารู้ว่าฉันคือภรรยาของฟินนิคมาตลอด
เมื่อคิดไปถึงเรื่องนั้น วิเวียนก็ตัวสั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ไม่เป็นไรหรอก ใช่ว่าเขาจะรู้เรื่องนั้นเอาตอนนี้สักหน่อย
ทางด้านของฟินนิคก็รับรู้ถึงจุดประสงค์ของการถามคำถามแบบนั้นของฟาเบียน
ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นเมื่อเขามองไปยังวิเวียน ที่บนใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มที่ปิดเอาไว้ไม่มิด
โดยไม่ทันรู้ตัว ริมฝีปากของฟินนิคก็ยกยิ้มขึ้น
เธอคงจะสนุกกับเรื่องนี้อยู่แน่ ๆ และเมื่อวิเวียนกำลังสนุก ฟินนิคก็ยินดีที่จะเอ่ยต่อ
“ที่จริงแล้ว ภรรยาของฉัน เธอช่างไร้เดียงสาและใจดี” ฟินนิคเอ่ยต่ออย่างช้า ๆ “เธอเป็นคนที่ขี้อายมาก ถึงแม้ว่าพวกเราจะแต่งงานกันแล้ว แต่เธอก็ยังหน้าแดงง่ายเหมือนเดิม และนิสัยของเธอก็น่ารักมาก”
วิเวียนนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของเขา เธอมองไปยังฟินนิคที่มองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของวิเวียนเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที
ฟินนิคกำลังพูดถึงเธอ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใกล้ชิดเธอขนาดนั้น แต่ทุกครั้งที่พวกเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ความรู้สึกของเธอมักจะแสดงออกทางสีหน้าเสมอ
หลังจากได้ยินสิ่งที่ฟินนิคอธิบาย ฟาเบียนก็เหลือบมองวิเวียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาทันที
เขาคิดว่าวิเวียนจะรู้สึกละอายใจหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ฟินนิคบรรยายถึงภรรยาของเขา แต่ใบหน้าของเธอกลับขึ้นสีแดงเล็กน้อยยามที่เธอจดบันทึกในสิ่งที่ฟินนิคเล่าออกมา
ฟาเบียนขมวดคิ้วและเอ่ยถามต่อ “ถ้างั้นอาชอบผู้หญิงที่ใจดีและไร้เดียงสาเหรอครับ”
ฟินนิคยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ฟาเบียนไม่พอใจกับคำตอบของฟินนิค เขาจึงถามต่อ “ผมว่าต้องใช่แน่ ๆ เลย ใครกันจะไม่ชอบผู้หญิงไร้เดียงสาและน่ารัก พวกเราควรที่จะระวังผู้หญิงประเภทหวังผลแบบนั้นมากกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม