ในตอนที่ฟาเบียนพูดนั้น ภายในหัวของเขาก็คิดไปถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขายิ้มเยาะขึ้น “ไม่สิ ฉันลืมไปว่าเธอก็เคยได้ราคานี้มาก่อนเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ว่าตอนนั้นมันคือครั้งแรกของเธอนี่ เพราะงั้นตอนนี้เธอมันก็เป็นได้แค่เศษขยะที่เป็นได้เพียงของเล่นของผู้ชาย ฉันว่าเธอควรภูมิใจ…”
เพี๊ยะ!
ก่อนที่เขาจะพูดจบ วิเวียนก็ได้ส่งผ่านความโกรธของเธอลงไปบนแก้มของเขา เธอทนฟังความคิดเห็นของเขาต่อไปไม่ไหวแล้ว
ฟาเบียนไม่คิดว่าเขาจะถูกตบ เขานิ่งอึ้งไปทันทีในขณะที่มือก็จับไปยังแก้มที่ขึ้นรอยแดง เขามองไปที่วิเวียนด้วยความตกใจปนประหลาดใจ
หน้าที่เคยขาวซีดก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ น้ำตารื้นขึ้นมาเต็มหน่วยตา แต่เธอก็ไม่ยอมให้พวกมันไหลลงมา เธอกัดริมฝีปากแน่
ฟาเบียนรู้สึกเหมือนมีมีดทิ่มแทงหัวใจของเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะตั้งใจทำให้วิเวียนเจ็บปวด แต่หัวใจของเขามันกลับเจ็บขึ้นมายามที่เขาเห็นเธอเป็นแบบนี้ เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด
วิเวียนมองจ้องเขาและพยายามกลั้นน้ำตา เธอกัดฟันกรอดและตะโกนใส่หน้าฟาเบียน “ฟาเบียน ฉันโคตรเสียใจเลยที่เคยรักนาย”
เธอผลักเขาออกแล้วเดินออกไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง
ฟาเบียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขายืนนิ่งราวกับร่างไร้วิญญาณ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เหมือนใช้เวลาไปชั่วนิรันดร์ โซอี้ก็เดินออกมาจากแผนกการเงินเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำและเธอก็เห็นฟาเบียนยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ตรงนั้น
“คะ… คุณนอร์ตัน” โซอี้กระโดดโหยงด้วยความตกใจ
ในที่สุดฟาเบียนก็ได้สติกลับคืนมา เขามองไปที่เธอ “โซอี้ เธอรู้ไหมว่าวิเวียนขอเบิกเงินล่วงหน้าทำไม”
โซอี้อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ฟาเบียนก็เป็นถึงหัวหน้าบรรณาธิการและมันคงไม่ดีถ้าเธอจะโกหกเขา เธอโพล่งออกไป “แม่ของวิเวียนป่วยหนักและค่ารักษาพยาบาลก็ค่อนข้างแพง เธอก็เลยมาขอเบิกล่วงหน้า คุณนอร์ตันอย่าโกรธเธอเลยนะคะ”
ป่วยหนักเหรอ ค่ารักษาพยาบาลอย่างนั้นเหรอ
ฟาเบียนนิ่งเงียบไปกับคำตอบที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน
ในทางกลับกัน วิเวียนรู้ตัวดีว่าเธอโกรธเกินกว่าที่จะทำงานไหว เพราะแบบนั้นเธอจึงขอแลกงานกับเจนนี่และขอลาทั้งวัน
เธอเรียกแท็กซี่และมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ตระกูลนอร์ตัน เมื่อเธอกลับมาถึงคฤหาสน์ เธอก็เดินไปยังประตูทางเข้าและถอดรองเท้าออก แต่เธอก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะเดินเข้าไป เธอจึงนั่งลงตรงประตูและจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง
ฟาเบียนนะฟาเบียน… นายนี่มันเก่งจริง ๆ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันคิดว่านายไม่สามารถที่จะทำร้ายฉันได้แล้ว นายก็จะหาทางมาทำให้ฉันทรมานจนได้
ก่อนหน้านี้ นายแนะนำฉันต่อหน้าชายอื่นอย่างภาคภูมิ แต่มาตอนนี้นายกลับใช้เงินมาดูถูกกัน
ในขณะที่น้ำตากำลังจะไหลอาบแก้ม ตัวของเธอก็ลอยขึ้น และเมื่อเธอรวบรวมสติได้ เธอก็พบว่าเธอถูกใครบางคนอุ้มอยู่
“ว้าย!” วิเวียนร้องออกมาด้วยความตกใจ และเมื่อมองไปรอบ ๆ เธอก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาและร่างกายที่กำยำของฟินนิค “ฟินนิค ทะ… ทำไมคุณถึงอยู่ที่บ้าน”
นี่เพิ่งจะบ่ายเอง เขาควรอยู่ที่ออฟฟิศไม่ใช่เหรอ
“ฉันกลับมาเอาของหน่ะ” ฟินนิคตอบ เขาสังเกตเห็นดวงตาที่แดงช้ำของเธอ “แล้วเธอล่ะ ทำไมถึงได้กลับบ้านเร็ว”
“วันนี้ฉันไม่มีสัมภาษณ์แล้ว ฉันก็เลยได้กลับบ้านเร็วหน่อย…” วิเวียนพยายามตอบให้ลื่นไหลมากที่สุด แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าฟินนิคกำลังอุ้มเธออยู่ แก้มของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นทันที “ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันลงล่ะ… มันคงไม่ดีแน่ถ้ามีใครมาเห็นพวกเราเข้า…”
“ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน” เขาตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนักในขณะที่เขาอุ้มเธอเข้ามาในบ้าน “ข้างนอกมันหนาว คราวหลังเธอห้ามไปนั่งตรงประตูอีก”
เขาวางเธอลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วเอ่ยถาม “เธอทานอะไรมาหรือยัง”
วิเวียนนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอโมโหมากจนทานอะไรไม่ลง เธอจึงส่ายหน้าแล้วถามกลับ “แล้วคุณล่ะ”
“ยังเลย”
“งั้นเดี๋ยวฉันทำมื้อเที่ยงให้ก็แล้วกัน” เนื่องจากมอลลี่ไม่อยู่ มันจึงเป็นหน้าที่ของภรรยาอย่างวิเวียนที่ต้องเตรียมมื้อเที่ยง แต่เมื่อเธอลุกขึ้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างออกและเอ่ยออกมาอย่างลังเล “ฉันจะทำสปาเก็ตตี้กับมีตบอล คุณโอเคหรือเปล่า”
เธอรู้ว่าฟินนิคค่อนข้างจุกจิกในเรื่องอาหาร สำหรับมื้ออาหารปกติ มอลลี่มักจะเตรียมอาหารทุกจานอย่างประณีตอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าอาหารเหล่านั้นจะไม่ใช่อาหารที่แปลกใหม่อะไร และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือมอลลี่มักที่จะทำอาหารแบบจัดเต็มอยู่เสมอ ซึ่งวิเวียนยังคงไม่กล้าพอที่จะทำตาม
ฟินนิคสังเกตเห็นท่าทีที่เป็นกังวลเล็กน้อยของเธอและคิดว่ามันช่างน่ารัก เขายกยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “แน่นอน”
เมื่อได้รับคำตอบ วิเวียนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอวางกระเป๋าเงินและโทรศัพท์เอาไว้ที่โต๊ะกาแฟแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
ในขณะที่เธอกำลังยุ่งอยู่ ก็มีการแจ้งเตือนเด้งเข้ามาที่โทรศัพท์ของเธอ มันคือข้อความที่ถูกส่งเข้ามา
เธอยุ่งอยู่กับการทำอาหารและไม่สามารถที่จะเดินออกไปนอกห้องครัวได้ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็กังวลว่ามันอาจจะเป็นเรื่องงานสำคัญ เธอจึงตะโกนออกมาจากห้องครัว “ฟินนิค คุณช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่าใครส่งข้อความมา”
ฟินนิคกำลังอ่านเดอะบิสเนสไทม์อยู่ในตอนที่เธอเรียก เขาก้มลงดูโทรศัพท์ให้เธอ
เขาสามารถมองเห็นชื่อผู้ส่งและข้อความบนโทรศัพท์ของเธอได้โดยที่ไม่ต้องปลดล็อก และ
ฟินนิคก็มองเห็นชื่อที่ทำให้เขาหงุดหงิดมากที่สุด… ฟาเบียน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าก็คือข้อความที่ถูกส่งมา
ข้อความ: วิเวียน ฉันจะให้เธอยืมเงินก็ได้ถ้าเธอจำเป็นต้องใช้มันจ่ายค่ารักษาให้กับแม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม