ตั้งแต่ฉันมาถึง เรเชลไม่ได้เป็นห่วงอะไรฉันด้วยซ้ำ เธอเอาแต่สนใจอีฟเวลีน เห็นชัดๆเลยว่าลูกเลี้ยงเป็นที่สองรองมาจากลูกแท้ๆ
ถึงอย่างนั้น วิเวียนอธิบายเธอด้วยความเคารพ “ไม่ใช่ว่าหนูจะไม่ช่วย แต่ฟินนิคกับหนูหย่ากันแล้ว หนูไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเขาและหนูก็ไม่อยากจะติดต่อเขา เราควรจะปล่อยให้พวกเขาจัดการปัญหาของพวกเขากันเอง”
วิเวียนคิดว่าเรเชลคงจะเลิกตื๊อหลังจากเธอพูดออกไปชัดเจนขนาดนี้ แต่เรเชลยังคงดื้อดึง
“ถึงจะหย่ากันแล้วแต่ก็น่าจะยังมีเยื่อใยกันสิ ลองโทรหาเขาแล้วโน้มน้าวให้เขาให้อภัยอีฟเวลีนไหม?”
ความรู้สึกข้างในของวิเวียนขัดกันไปหมดเมื่อเธอเห็นเรเชลกำลังอ้อนวอน เธอรู้ว่าเรเชลเกลียดการที่จะต้องอ้อนวอนใครใครที่สุด แต่ตแนนี้เธอยอมลดตัวลงมาเพื่อขอร้องแทนอีฟเวลีน
วิเวียนรู้สึกว่าเธอจะต้องบอกความจริงกับเรเชล เผื่อว่าจะเลิกขอร้องเธอหลังจากรู้ความจริงนั้นแล้ว
เธอกดความขมขื่นไว้ในใจและถามออกไปอย่างเย็นชา “อย่างนั้น รู้ไหมว่าทำไมฟินนิคถึงโกรธอีฟเวลีน?”
เรเชลอึ้งกับคำถาม จากนั้นเธอส่ายหัว “ไม่ว่าจะเป็นอะไร เขาไม่ควรจะปฏิบัติกับอีฟเวลีนแบบนั้น เธอพิการเพราะฉะนั้นเขาควรจะยอมเธอสิ ทำไมเขาถึงทิ้งเธอได้ลงคอ?”
วิเวียนพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะกลั้นความโกรธเกรี้ยวที่คุกรุ่นในอกไว้และอธิบาย “ห้าปีที่แล้ว อีีฟเวลีนส่งคนมาลักพาตัวหนูและพวกนั้นเกือบจะข่มขืนหนู โชคยังดีที่เบเนดิกต์มาช่วยหนูไว้ทันและทำลายแผนของเธอ ฟินนิคเมินเธอเพราะว่าเขามารู้เรื่องนี้เข้า”
“เป็นไปไม่ได้!” เรเชลเอามือป้องปากเพราะความเหลือเชื่อ “คนจิตใจดีอย่างอีฟเวลีนจะไปทำอะไรอย่างนั้นได้ยังไง?”
จิตใจดีเหรอ? วิเวียนหัวเราะเยาะในใจ เธอคิดว่ามีแต่เรเชลเท่านั้นที่คิดว่าอีฟเวลีนเป็นคนดี “แม่คิดว่าหนูจะโกหกเรื่องแบบนี้เหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม
สนุกมาก...