ความรักสีคราม นิยาย บท 78

"ฟินนิค" เมื่อฟินนิคไม่สนใจตอบ ผู้เฒ่านอร์ตันก็โกรธจัด เขากระแทกไม้เท้าตัวเองบนพื้นและตะโกนเสียงก้อง "ฉันกําลังถามแก"

ฟินนิคหันมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยสีหน้าเย็นชา "ถ้าผมบอกว่ามันคือภาพปลอม คุณปู่จะเชื่อไหมล่ะ"

ในฐานะที่ผู้เฒ่านอร์ตันเป็นปู่ของเขา ฟินนิคยังคงให้ความเคารพแต่ไม่ได้กลัวเขาเลย

ผู้เฒ่านอร์ตันโกรธมากจนริ้วรอยเต็มใบหน้าของเขา “ฟินนิค แกคิดว่าผู้หญิงที่มีศีลธรรมต่ำช้าแบบนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนอร์ตันได้จริงหรือ”

คําพูดของผู้เฒ่านอร์ตันเหมือนดั่งคลื่นยักษ์กระแทกผ่านไปทั้งห้อง

เขาประกาศชัดเจนจนไม่ต้องอธิบายเพราะเขาประนามวิเวียนในฐานะหลานสะใภ้ที่ไม่เหมาะสมของตระกูลนอร์ตันทันที

ร่างของวิเวียนสั่นเทาเมื่อฟังคำพูดนั้น

วิเวียนรู้สึกเหมือนทุกคำพูดของผู้เฒ่านอร์ตันเหมือนแส้ที่เฆี่ยนตีเธอ

ตั้งแต่แรกเหตุผลหลักที่เธอแต่งงานคือเพื่อที่เธอจะได้จดทะเบียนในซันไชน์ซิตี้ เมื่อบรรลุเป้าหมายนั้นแล้วฉันก็ไม่ควรสนใจแล้วว่าการแต่งงานนี้จะสั้นหรือยาว

แต่วิเวียนมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเมื่อนึกถึงการหย่ากับฟินนิคหรือการที่เธอจะกลับไปอยู่กับเขาที่คฤหาสน์ไม่ได้หรือแม้แต่การที่อยู่ห่างไกลกันทําให้เธอรู้สึกผิดหวังอยู่ในใจ

เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของวิเวียนสิ่งเดียวที่ฟินนิครู้สึกคือหัวใจของเขาเหมือนถูกอัดแน่นแทบระเบิด

เขาคว้ามือที่กําแน่นของวิเวียนไว้ใต้โต๊ะโดยไม่ลังเล

ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวของผู้เฒ่านอร์ตันทุกคนที่อยู่ตรงหน้าต่างหวาดกลัวและเงียบกริบ แต่มีเพียงคนเดียวที่พยายามอย่างยิ่งที่จะก้มหน้าลง เธอไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นว่าเธอกําลังยิ้มเยาะอย่างมีความสุข

คนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแอชลีย์ เธอคือผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังภาพเหล่านั้น

เมื่อเธอได้ยินว่าฟาเบียนต้องการแฉอดีตของวิเวียนระหว่างงานเลี้ยง แอชลีย์ก็ตื่นเต้นแต่รู้สึกว่าเขาไปได้ไม่ไกลพอ

ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะทำลายวิเวียนก็ต้องไปให้สุดทาง เธอต้องการทําลายชื่อเสียงของวิเวียนให้พินาศจนถึงขนาดที่เธอจะไม่กล้าเสนอหน้าอยู่ในสังคมชั้นสูงของเมืองอีกต่อไป

ดังนั้นเธอจึงแอบติดสินบนคนรับใช้ของตระกูลนอร์ตันเพื่อเปิดรูปถ่ายที่เธอมีเพื่อให้ทุกคนได้เห็นด้านที่มืดมนที่สุดของวิเวียน

ด้วยวิธีนี้แม้ว่าวิเวียนและฟินนิคจะหย่ากันแต่ฟาเบียนก็จะไม่มีวันกลับไปหาวิเวียนอีกเพราะความถือตัวทะนงตนของเขา

ในขณะที่แอชลีย์กําลังเฝ้าคอยระเบิดเวลาให้ระเบิดตูมออกมาและรอให้ตระกูลนอร์ตันไล่วิเวียนออกไปแต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าฟินนิคจะพูดอะไรออกมา เขากําลังจะกระชากรอยยิ้มนั้นออกจากใบหน้าของเธอ

“คุณปู่พูดถูก บางทีวิเวียนอาจไม่สมควรที่จะเป็นสมาชิกของตระกูลนอร์ตัน” เมื่อฟินนิคพูดจบประโยคแรกใบหน้าของวิเวียนก็ซีดเซียวหนักกว่าเดิมขึ้นไปอีก แต่เขากล่าวเสริมอย่างรวดเร็วว่า “แต่ภรรยาของผมไม่ต้องการการยอมรับจากตระกูลนอร์ตัน”

วิเวียนเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความไม่เชื่อหูและพบสายตาของฟินนิคที่จ้องมองอยู่

ภายใต้สายตาที่นิ่งสงบคู่นั้นเธอเห็นความมุ่งมั่นที่อยู่เบื้องหลัง ความอบอุ่นในมือของเขาส่งผ่านผิวกายเธอช้าๆ ราวกับว่ามันจะละลายน้ำแข็งในใจของเธอ

ทันใดนั้นวิเวียนก็รู้สึกร้อนวูบในโพรงจมูกของเธอ

แม้แต่ผู้เฒ่านอร์ตันก็ตกตะลึง ในขณะเดียวกันมาร์คก็ไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้อีกต่อไปและตําหนิขึ้นว่า "ฟินนิคแกพูดกับคุณปู่แบบนั้นได้ยังไง แกแต่งงานกับผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้และทําให้ครอบครัวของเราเสียเกียรติแล้วยังไม่สำนึกอีกเหรอ”

สายตาของฟินนิคที่มองวิเวียนอยู่หันขวับไปจ้องมองมาร์คอย่างเย็นชาแทบจะทันที

แม้จะเป็นเพียงแค่การจ้องมองแต่ก็มากเกินพอที่จะทำให้มาร์คหนาวเยือกไปถึงสันหลัง

"มาร์ค" ฟินนิคเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "อย่ากล่าวหาอะไรพล่อยๆ กับภรรยาของฉัน"

ใบหน้าของมาร์คขาวซีดและกําลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ผู้เฒ่านอร์ตันกระแอมขึ้นทันที

มาร์คยั้งปากและมองไปทางปู่ของเขา

“เรื่องนี้ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม อีกอย่างเธอก็เป็นภรรยาที่แต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายของฟินนิค” ผู้เฒ่านอร์ตันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยากที่จะเดาออก “อย่าปล่อยให้ความคิดเห็นของคนอื่นทําให้เกิดความบาดหมางในหมู่พวกเรา”

วิเวียนตกตะลึงเมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น

แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักผู้เฒ่านอร์ตันดีนัก แต่เธอก็รู้ว่าเขามีชื่อเสียงในด้านความโหดเหี้ยมและเลือดเย็นในเมืองนี้ หากไม่มีความโหดและเฉียบขาดแบบนี้ตระกูลนอร์ตันก็คงไม่เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมีเหตุผลมากนัก ฉันทำให้ตระกูลนอร์ตันอับอายแถมเขายังคิดว่าฉันคือคนที่ต้องรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ

ทั้งมาร์คและฟินนิคต่างก็รู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาของคุณปู่เช่นกัน เนื่องจากคุณปู่พูดมาแบบนี้ทั้งคู่จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

คนเดียวที่อารมณ์เสียมากที่สุดกับเหตุการณ์ที่พลิกผันคือแอชลีย์

ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

เธอคิดเอาเองว่าครั้งนี้เธอสามารถกำจัดวิเวียนและทําลายชื่อเสียงของเธอได้แต่ไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์ที่ต้องการกลับสูญเปล่า

ฟินนิคไม่สนใจอดีตของวิเวียนในขณะที่ผู้เฒ่านอร์ตันเลือกที่จะไม่กดดันเรื่องนี้

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

แอชลีย์รู้สึกฉุนเฉียวกับผลลัพธ์ที่ได้ทําให้โพล่งออกมาโดยไม่คิด “คุณปู่ทวดคะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีมูลนะคะ มันคือความจริง"

ก่อนที่แอชลีย์จะพูดจบผู้เฒ่านอร์ตันก็หันมาจ้องมองเธออย่างเดือดจัด แอชลีย์ตะลึงงันด้วยความกลัวจนพูดไม่ออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ความรักสีคราม