ผู้คนยังไม่ทันได้เห็นชัดเจนว่าผู้ที่ลงมาจากภูเขาเป็นใคร เสียงหัวเราะกลับดังมาก่อนแล้ว
ว่ากันว่าเป็นเสียงหัวเราะ แต่กลับแฝงไปด้วยความโศกเศร้าไร้ที่สิ้นสุด ทำให้คนฟังรู้สึกหดหู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ใกล้เข้ามา เงาราง ๆ ของคนคนนั้นก็เริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้น
เพียงเห็นว่าศิษย์พี่ฟางที่ปกติสุภาพเรียบร้อยเยี่ยงลมเอื่อยจันทร์แจ่ม บัดนี้กลับดูราวกับตายทั้งเป็น บนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาที่ไม่ทันแห้งหมด ชุดเต๋าสีขาวสะอาดเปื้อนไปด้วยคราบดิน ทุกย่างก้าวสั่นคลอน ดูราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
ทุกคนพากันตกตะลึงจนคางแทบร่วง
"นี่...นี่...นี่...นี่ใช่ศิษย์พี่ฟางจริงหรือ"
"โอ้สวรรค์ ศิษย์พี่โจวคงไม่ได้เผลอตบตีศิษย์พี่ฟางจนเสียคนไปแล้วใช่ไหม"
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดศิษย์พี่ฟางถึงกลายเป็นเช่นนี้"
“……”
จางจุ้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความยากลำบาก
พลันรู้สึกว่าศิษย์พี่ใหญ่หญิงใจดีกับตนมากทีเดียว
"ศิษย์พี่ฟาง..."
เมื่อเห็นฟางเฉิงหล่างเดินมา จางจุ้นตั้งใจจะทักทายอีกฝ่าย
แต่ฟางเฉิงหล่างกลับเดินผ่านเขาไปโดยตรง
จากนั้นหลานจืออวี๋ก็เดินตามมา
จางจุ้นดึงมือกลับด้วยความกระอักกระอ่วน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
คนอื่น ๆ เองก็สังเกตได้ว่าสภาพของฟางเฉิงหล่างไม่ปกติ พวกเขาจึงต้องกลั้นความสงสัยและความกังวลใจ พร้อมใจกันหลีกทางให้
ฟางเฉิงหล่างกับหลานจื่ออวี๋จากไปในสภาพที่ดูย่ำแย่ ทิ้งให้ผู้คนเบื้องหลังต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด
……
ยอดเขาตู๋เยว่
"เหลวไหล"
เซียนชิงเหยี่ยนมองฟางเฉิงหล่างและหลานจื่ออวี๋ที่คุกเข่าอยู่กลางวิหารด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นซึ่งกดทับด้วยความโกรธ
ฟางเฉิงหล่างหลุบตาลง สีหน้าเศร้าสร้อยไร้ชีวิตชีวา
หลานจื่ออวี๋โค้งตัวลงต่ำ "ขอเซียนโปรดระงับโทสะ"
"พวกเจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก"
น้ำเสียงของเซียนชิงเหยี่ยนแม้จะราบเรียบ แต่กลับสร้างแรงกดดันมหาศาลจนหลานจื่ออวี๋ไม่อาจต้านทานได้ เขาจึงโค้งตัวลงต่ำกว่าเดิม
ขณะที่ฟางเฉิงหล่างยังคงมีสภาพเหมือนซากศพที่ไร้วิญญาณ การลาจากของอวี๋จาวราวกับได้พรากพลังชีวิตของเขาไปด้วย เหลือเพียงร่างกายว่างเปล่า
การที่เซียนชิงเหยี่ยนขับไล่อวี๋จาวออกจากสำนัก เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้อวี๋จาวมีเหตุผลที่ชัดเจนในการตัดขาดจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง
แต่สิ่งที่ผลักไสให้อวี๋จาวต้องไปจริง ๆ นั้น เป็นตัวพวกเขาเอง
หากจะพูดให้ชัดเจน ฟางเฉิงหล่างไม่ได้โทษเซียนชิงเหยี่ยนจริง ๆ แต่เขากลับพาลไปโกรธอีกฝ่าย ทั้งที่ความจริงแล้ว คนที่ฟางเฉิงหล่างโทษมากที่สุดก็คือตัวเขาเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาร้องขอให้เซียนชิงเหยี่ยนลงโทษเขา
เซียนชิงเหยี่ยนมองหลานจื่ออวี๋ที่แสดงสีหน้าเรียบนิ่ง แต่เปี่ยมไปด้วยความหนักแน่น ก็พอใจอยู่บ้าง
“ในเมื่อเจ้ามองเห็นเหตุและผลของเรื่องนี้ดี ก็ให้เจ้าเป็นคนอธิบายให้เขาเข้าใจเถิด เมื่อใดที่เขาคิดได้ เมื่อนั้นถึงจะอนุญาตให้ออกจากจวนได้”
เซียนชิงเหยี่ยนสะบัดชายแขนเสื้อ
เพียงพริบตา ฟางเฉิงหล่างและหลานจืออวี๋ก็กลับมายังถ้ำของฟางเฉิงหล่าง
หลานจื่ออวี๋เรียก “ศิษย์พี่ใหญ่”
ฟางเฉิงหล่างเลิกเปลือกตาขึ้นมองเขาอย่างเฉยเมย ก่อนเดินเข้าไปในห้องนิ่ง และเอนกายลงนอนทั้งที่ยังสวมชุด
หลานจืออวี๋ตามเขาเข้าไป มองดูศิษย์พี่ใหญ่ที่หมดสิ้นความหวังในชีวิต ก็ทั้งโกรธและเป็นกังวล
เซียนชิงเหยี่ยนเพิ่งพูดชัดเจน หากศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่ยอมเข้าใจ ก็ไม่มีวันออกจากจวนได้
หากเพียงหนึ่งหรือสองปีก็คงไม่เป็นไร แต่หากศิษย์พี่ใหญ่ยังคงคิดไม่ตกไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ มิใช่ว่าจะไม่มีวันออกจากจวนเลยหรอกหรือ
หลานจืออวี๋จะปล่อยให้ศิษย์พี่ใหญ่ตกต่ำเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก
เติมเงินละอ่านไม่ได้...
เพราะอะไรถึงให้เติมเงินเป็น$ เติมเป็นเงินบาทง่าย ๆ อย่างเวป เด็กดีไม่ได้เหรอ...