หากเดินเร็วหน่อย ก็อาจจะตามซูหมิงพบก่อนที่เขาจะใช้หินวิญญาณจนหมด
“ศิษย์พี่โจว ข้ามีเรื่องต้องทำ จึงต้องขอตัวก่อน แล้วข้าจะมาหาท่านเมื่อมีเวลาว่าง”
อวี๋จาวกล่าวไป พลางรีบเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
โจวจินเยว่ถลึงตาใส่ศิษย์พี่จางที่หดหัวหดไหล่ แล้วไล่ตามไป
“ศิษย์น้องอวี๋ ข้าจะไปกับเจ้า”
ซูหมิงมีนิสัยไม่ดี นางกลัวว่าอวี๋จาวจะเสียเปรียบ
อวี๋จาวเข้าใจความปรารถนาดีของนาง และไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นจึงกล่าวขอบคุณ จากนั้นพวกนางก็ลงจากภูเขาไปด้วยกัน
เมื่อเงาหลังของพวกนางหายไปจากสายตาของทุกคน หอคุณธรรมอันเงียบสงบก็เกิดเสียงเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมา
“ซูหมิงนับวันยิ่งกล้าขึ้นทุกวัน เขากล้าแม้แต่สวมรอยรับเบี้ยเลี้ยงของอวี๋จาว โดยไม่กลัวว่าจะถูกลงโทษจากนิกายเลย”
"เหอะ เรื่องเช่นนี้คนหนึ่งทำร้าย คนหนึ่งยอมทนทุกข์ หากให้ข้าพูด อวี๋จาวเป็นคนยอมเอง จะตำหนิคนอื่นไม่ได้”
“ไม่เหมือนนะ ข้าเห็นอวี๋จาวค่อนข้างโกรธเชียว เหมือนว่านางกำลังไปคิดบัญชีมากกว่า”
“โถ นางไม่กล้าหรอก ปกตินางชอบให้ซูหมิงใช้เงิน ใครห้ามนาง นางจะโกรธ ฮ่า ๆ ๆ”
“...”
อวี๋จาวไม่รู้ว่าการกระทำทั้งหมดของวันนี้ ได้เพิ่มหัวข้อสนทนาให้กับบรรดาลูกศิษย์นิกายเต๋าทั้งห้า
หลังจากที่นางและโจวจินเยว่ลงจากภูเขาแล้ว ก็ตรงไปที่ตลาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนิกาย
ตลาดแห่งนี้มีชื่อว่าตรอกปัญจธาตุ เป็นตลาดเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นตามนิกายเต๋าทั้งห้า ลูกค้าหลักคือลูกศิษย์ของนิกายเต๋าทั้งห้า
ส่วนซูหมิงนั้นเป็นคนใช้เงินมือเติบ ผลาญเงินเหมือนผลาญดิน จึงเป็นที่ต้อนรับของตรอกปัญจธาตุ และเป็นลูกค้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด
ชาติที่แล้วอวี๋จาวก็มาที่ตรอกปัญจธาตุบ่อยเช่นกัน ด้วยความเข้าใจของนางที่มีต่อซูหมิง นางจึงตรงไปที่ปาเป่าจาย ซึ่งเป็นร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาด
ยังไม่ได้เดินเข้าไปใกล้นัก เสียงคำชมจากปาเป่าจายก็ลอยมาเข้าหูของอวี๋จาวเป็นระลอก
ลำแสงอันมืดมิดแวบผ่านไปในดวงตาของนาง ขับเคลื่อนพลังทางจิตวิญญาณไปที่ฝ่าเท้า ทำให้ก้าวเดินของนางเร็วขึ้น
“คุณชายซูใจป้ำมาก”
“คุณชายซูสมกับเป็นเป็นลูกศิษย์ของท่านเซียนชิงเหยี่ยนจริง ๆ จับจ่ายไม่ธรรมดาเลย”
"ขอแสดงความยินดีกับคุณชายซูที่ได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้"
“...”
อวี๋จาวรู้สึกไม่ดี
ซูหมิง ชายผู้สุรุ่ยสุร่ายคนนี้ คงจะไม่ใช้หินวิญญาณของนางจนหมดแล้วหรอกนะ
เสียงของนางไม่ดัง แต่กลับแพร่กระจายไปทั่วปาเป่าจายได้อย่างง่ายดาย
บนชั้นสองพลันเงียบลง จากนั้นก็เกิดเสียงฝีเท้าที่เดินอย่างเร่งรีบ
อวี๋จาวหยุดคิดที่จะขึ้นไปชั้นบน และจ้องมองที่บันไดอย่างเงียบ ๆ
ซูหมิงเดินลงมาเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นอวี๋จาวและโจวจินเยว่ยืนอยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขารู้ทันทีว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้ว เขาชะงักฝีเท้าเล็กน้อย และแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้านพลางเดินลงมา
“ศิษย์พี่โจว ท่านตามหาข้าหรือ”
โจวจินเยว่ส่งเสียง ฮึ แล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้ตามหาเจ้า แต่เป็นศิษย์น้องอวี๋ที่กำลังตามหาเจ้า”
ไม่ใช่ว่าโจวจินเยว่ไม่ตั้งใจที่ออกหน้าแทนอวี๋จาว แต่นางรู้จักขอบเขต
ซูหมิงและอวี๋จาวต่างเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มีอาจารย์คนเดียวกัน มีบางเรื่องที่คนภายนอกไม่เหมาะยื่นมือเข้าแทรก ดังนั้นจึงต้องปล่อยให้พวกเขาแก้ไขกันเอง
หากคุยกันไม่ลงรอย นางค่อยออกหน้าก็ยังไม่สาย
ซูหมิงหงุดหงิดเล็กน้อย "อวี๋เสี่ยวจาว เจ้านี่อะไรยังไง ระหว่างพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องมีเรื่องอะไรที่รอกลับไปแล้วค่อยพูดไม่ได้อีกหรือ เหตุใดต้องรบกวนศิษย์พี่โจวให้มากับเจ้าด้วยล่ะ พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ แล้วข้าจะไปหาเจ้าภายหลัง”
ซูหมิงไม่รู้ว่าศิษย์พี่โจวรู้เรื่องที่เขาสวมรอยรับเอาเบี้ยเลี้ยงของอวี๋จาวหรือไม่ แต่ความคิดแรกของเขาก็คือขับไล่พวกนางออกไปก่อน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก
เติมเงินละอ่านไม่ได้...
เพราะอะไรถึงให้เติมเงินเป็น$ เติมเป็นเงินบาทง่าย ๆ อย่างเวป เด็กดีไม่ได้เหรอ...