เย่ฉงซินยังคงไม่คล้อยตาม ทั้งใช้ดวงตาแดงก่ำนั้นมองเขาอย่างข่มขู่ และไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาอีก นั่งปลอบกันอยู่นาน ในท้ายที่สุดถึงได้ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
ฟางเฉิงหล่างรู้สึกหดหู่ใจ
น้องหกโทษว่าเขาแบ่งความสนใจไปให้ศิษย์น้องเล็กมากเกินไป แต่ไม่รู้เลยว่าทุกอย่างนั้นเป็นเพราะศิษย์น้องเล็กคู่ควร
......
ณ ปาเป่าจาย
บทสนทนาระหว่างอวี๋จาวและซูหมิงยังคงดำเนินต่อไป
คนอื่น ๆ ไม่มีใครกล้าเอ่ยขึ้นมา ภายในห้องโถงยังคงเงียบงัน
ใบหน้าของซูหมิงคล้ำเขียว และขบกรามแน่นอย่างนึกชัง
อวี๋จาวกลายเป็นคนตระหนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ก็แค่หินวิญญาณไม่กี่ก้อนเท่านั้นเอง
จะต้องมาถลึงตาจ้องเขาและทวงคืนกันภายในร้านเยี่ยงนี้ด้วยหรือ
คิดเล็กคิดน้อย
ไม่ดูกาลเทศะเลย
หากตอนนี้อยู่ในนิกายเต๋าทั้งห้า ซูหมิงจะต้องตะโกนด่าทอเสียงดังอย่างไม่ไยดีเป็นแน่ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาผู้คน ทั้งยังมีโจวจินเยว่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ต้องคิดถึงหน้าของเขา และสงบปากสงบคำเอาไว้
"ศิษย์พี่สาม การคืนของให้เจ้าของเดิมคือคุณธรรมที่ดีงาม"
อวี๋จาวเอ่ยเตือนเสียงเย็น ราวกับวินาทีถัดไปนางจะฉีกหน้า ให้ความจริงเปิดเผยออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้อวี๋จาวอายุเพียงสิบสามปี มีความสูงอยู่ในระดับเดียวกับไหล่ของซูหมิง ซูหมิงที่มองลงมาจากมุมสูง จึงเห็นความรู้สึกจากก้นบึ้งดวงตาของนางได้อย่างง่ายดาย
อวี๋จาวสงบนิ่ง ไร้ความลังเลบนใบหน้าแม้แต่น้อย ท่าทางสงบนิ่งนี้ให้ความขัดแย้งกับอายุของนางโดยสิ้นเชิง ราวกับได้เติบโตในเพียงหนึ่งคืน ทำให้ซูหมิงรู้สึกไม้คุ้นชินกับมัน
เขาส่ายหน้า เพื่อสะบัดไล่ความคิดที่เกินจริงออกไปจากหัว ไม่ว่าอวี๋เสี่ยวจาวจะเปลี่ยนไปในรูปลักษณ์ไหน ก็เป็นศิษย์น้องของเขาอยู่ดี
มีเพียงเรื่องนี้ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
เขากระแอมไอ และยังคิดพยายามขึ้นมาอีกครั้ง "อวี๋เสี่ยวจาว เชื่อฟังกันหน่อย กลับไปแล้วพวกเราค่อยคุยกัน"
ซูหมิงประสบความสำเร็จในการพังทลายความอดทนสุดท้ายของอวี๋จาว
นางมองไปทางกลุ่มคนที่อยู่บนบันไดด้านข้าง
ส่วนมากคนเหล่านี้คือผู้ฝึกตนอิสระที่ไร้สำนัก อาศัยภาระกิจที่ผู้ดูแลตลาดแจกจ่ายเพื่อเลี้ยงชีพ
ซูหมิงใช้เงินมือเติบ พวกเขาคอยติดตามซูหมิงและคอยมาประจบประแจงเขา และได้รับผลประโยชน์เป็นบางครั้งคราว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก