ซูหมิงบริสุทธิ์
ในเรื่องนี้ ตัวอวี๋จาวและซูหมิงรู้ดีอยู่เต็มอก แต่คนอื่นย่อมไม่เชื่อคำแก้ตัวของซูหมิงอย่างแน่นอน
โจวจินเยว่ยกสองมือกอดอก ใบหน้าเรียบเฉย และกำลังแสดงท่าทีออกมาว่า "ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ"
ซูหมิงรู้สึกเพียงว่าต่อให้อธิบายไปมากมายก็ไร้ประโยชน์ คงมีแต่ต้องสาบานต่อฟ้า เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง
จะแก้ปมก็ต้องให้ผู้ผูกปมเป็นคนแก้ เขาจึงส่งสายตาของความช่วยเหลือไปทางอวี๋จาว "อวี๋จาว เจ้าพูดไปสิ ว่าข้าเคยตีเจ้าเมื่อไหร่กัน"
ถึงเขาจะพูดจาโผงผาง แต่ก็ไม่เคยถึงกับตบตีผู้หญิง หรือศิษย์น้องเล็กในสำนักของตัวเองด้วย
เขาไม่เหมือนกับเจ้าห้า ที่ในหัวมีแต่กล้าม และเอาแต่คิดเรื่องต่อสู้ไปทั้งวัน
สายตาของผู้คนจับจ้องไปทางอวี๋จาวในชั่วพริบตา
แต่อวี๋จาวกลับไม่กล่าวอะไร ทำเพียงกางฝ่ามือทั้งสองออก จากนั้นก็พยักเพยิดหน้าไปทางฝ่ามือ หลังจากนั้นก็มองซูหมิงด้วยท่าทีสนุกสนาน
อยากให้นางเป็นผู้แก้ปมหรือ
ย่อมทำได้อยู่แล้ว
แต่ต้องคืนของที่ยืมนางไปมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
หากไม่คืน
ก็ได้เช่นกัน คนหนุ่มสาวยังมีเอวที่ดี เยี่ยงนั้นก็แบกรับหายนะนั้นไปตลอดเถิด
ยิ่งไปกว่านั้นซูหมิงก็ไม่ได้บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์เช่นกัน
ทำไมอวี๋จาวถึงได้มีท่าทีตอบสนองรุนแรงเยี่ยงนั้น ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับประสบการณ์เมื่อชาติที่แล้วอย่างแน่นอน
เมื่อที่ความสัมพันธ์ระหว่างนางและเย่ฉงซินย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ศิษย์พี่ทั้งห้าก็ได้ย้ายข้างไปโดยสมบูรณ์ ท่าทางที่มีต่อนางก็เฉยชาเป็นอย่างมาก มันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง และสุดท้ายก็เกิดการลงไม้ลงมือกัน
ซูหมิงเคยใช้ข้ออ้างว่าเพื่อสั่งสอนนาง และหักซี่โครงของนางถึงสามซี่
สำหรับการ "ใส่ร้าย" ซูหมิงนี้ อวี๋จาวย่อมไม่เกิดความรู้สึกผิดอันใดขึ้นมาอยู่แล้ว
ซูหมิงไม่ใช่คนโง่ จึงเข้าใจได้ในทันทีว่าที่อวี๋จาวทำไปเยี่ยงนี้ก็เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
จากมุมมองทางด้านอารมณ์ เขาอยากจะปฏิเสธความเพ้อฝันนี้ของอวี๋จาวด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ
แต่สติปัญญากำลังเตือนเขาว่า หากวันนี้ไม่สามารถปิดปากของอวี๋จาวเอาไว้ได้ โจวจินเยว่จะต้องไม่ไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน
และโจวจินเยว่ก็เป็นศิษย์เอกของเจ้าสำนักคนปัจจุบัน และเป็นผู้คัดเลือกที่มีความสามารถจะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปมากที่สุดเช่นกัน ถ้าไปล่วงเกินนาง ต่อให้มีเซียนชิงเหยี่ยนคุ้มครอง ชีวิตต่อจากนี้ของซูหมิงก็ต้องไม่มีทางอยู่ดีมีสุขแน่นอน
ซูหมิงอดทนแล้ว อดทนเล่า จนสุดท้ายก็ได้กล้ำกลืนความอัดอั้นในอกลงไป "ศิษย์พี่โจว ข้าอยากจะคุยกับอวี๋จาวตามลำพัง"
โจวจินเยว่ขมวดคิ้วแน่น ใจจริงอยากจะเอ่ยปฏิเสธไปแทนอวี๋จาว แต่หลังจากใคร่ครวญแล้ว นางก็หันมองไปทางอวี๋จาว และใช้สายตาเอ่ยถามความคิดเห็นของนาง
อวี๋จาวพยักหน้าอย่างไม่ลังเล "ได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก