น้ำเสียงที่ทั้งนุ่มนวลและออดอ้อน
เมื่อเทียบกับเสียงของเย่ฉงซิน ถือว่าไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
ผู้เฒ่าโหวยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็แนะนำคนทั้งสองให้ได้รู้จักกัน
"นี่คือซิวหลัว ผู้ซึ่งได้อันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์สายในติดต่อกันกันหลายครั้ง"
"ส่วนนางคืออวี๋จาว ศิษย์สายในคนใหม่"
ตอนที่ซิวหลัวได้เจอกับอวี๋จาวก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก จนกระทั่งได้ยินผู้เฒ่าโหวขานชื่อของนาง ซิวหลัวคิดย้อนกลับไปกลับมาอยู่ในใจ จากนั้นดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นฉับพลัน
"อวี๋จาวหรือ เจ้าคืออวี๋จาว อวี๋จาวจากยอดเขาตู๋เยว่ผู้นั้นน่ะรึ"
คำถามที่กล่าวขึ้นมาติด ๆ กันสามข้อยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายความตกใจของซิวหลัวได้เลย
เดิมทีดวงตาของนางทั้งโตและมีชีวิตชีวาอยู่แล้ว ตอนนี้มันยิ่งเปิดกว้างขึ้นมากกว่าเดิมด้วยความตกใจ จนอวี๋จาวนึกเป็นกังวลว่าดวงตาของนางจะหลุดออกมาจากเบ้าตาหรือไม่
เพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น อวี๋จาวจึงกล่าวแถลงไขแก้ความสับสนของนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "คือข้าเอง แต่ข้าไม่ใช่คนของยอดเขาตู๋เยว่อีกต่อไปแล้ว"
ซิวหลัวสูดลมหายใจเย็นยะเยือกอย่างแรงเข้าปอด
น้อยคนนักที่จะรู้ ว่าในหมู่ปรจารย์ระดับสูงของนิกายเต๋าทั้งห้า คนที่นางชื่นชมมากที่สุดคือเซียนชิงเหยี่ยน และสถานที่ที่นางอยากไปมากที่สุดคือยอดเขาตู๋เยว่
ความฝันสูงสุดของนางคือการเป็นลูกศิษย์ของเซียนชิงเหยี่ยนและเข้าร่วมกับยอดเขาตู๋เยว่
แน่นอน นางรู้ดีว่าความฝันของนางคงไม่มีทางเป็นจริง
ประการแรกคือ คุณสมบัติของนางไม่ตรงตามเงื่อนไขของการเป็นศิษย์สายใน
ประการที่สอง เซียนชิงเหยี่ยนบอกแล้วว่าเขาจะไม่รับลูกศิษย์อีกต่อไป และสุดท้าย
นางตระหนักรู้ในตนเอง การที่นางสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์สายในและสามารถอยู่ในอันดับกลาง ๆ ของกลุ่มศิษย์สายตรงที่เหมือนสัตว์อสูรเหล่านั้นได้ ก็ถือเป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักของนางแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เซียนชิงเหยี่ยนก็ไม่มีทางเห็นนางในสายตา
ซิวหลัวทำได้เพียงเก็บความฝันของนางไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ และไม่เคยเปิดเผยมันให้ผู้ใดได้รู้
แต่แล้ว วันนี้ นางก็บังเอิญได้พบกับคนที่มีตัวตนดั่งที่นางใฝ่ฝัน แต่กลับไม่เห็นค่าของมัน
ดวงตาของซิวหลัวแทบจะกลายเป็นสีแดง
นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "เหตุใดเจ้าถึงไม่เป็นลูกศิษย์สายตรงต่อไปล่ะ เจ้ารู้ไหมว่านั่นมีความสำคัญแค่ไหน"
เซียนชิงเหยี่ยนไม่เคยเป็นอาจารย์ที่จริงจังและมีความรับผิดชอบ และยังมีคนที่มีเจตนาชั่วร้ายอย่างเย่ฉงซินอยู่บนยอดเขาตู๋เยว่อีกด้วย ใครก็ตามที่ไปที่นั่นจะตกเป็นผู้เคราะห์ร้าย
ในฐานะที่อวี๋จาวเคยเป็นผู้เคราะห์ร้ายมาก่อน ย่อมคิดว่าสิ่งที่นางพูดไปเมื่อครู่ไม่ได้มีการเติมแต่งเข้าไป และทั้งหมดนั้นถูกพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่มันกลับเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผู้เฒ่าโหวและซิวหลัว
ในแดนบำเพ็ญเพียรให้ความสำคัญกับการเคารพผู้แข็งแกร่ง
การฝากตัวเป็นศิษย์ย่อมต้องฝากตัวกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาลูกศิษย์ของเซียนชิงเหยี่ยน นอกจากอวี๋จาวและเย่ฉงซินแล้ว อีกห้าคนที่เหลือล้วนแต่มีความสามารถโดดเด่นมาก ถือเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในแดนบำเพ็ญเพียร มีเพียงโจวจินเยว่กับจางจุ้นที่อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าสำนักด้วยกันเท่านั้นที่สามารถเทียบกับพวกเขาได้
คาดไม่ถึงว่าอวี๋จาวจะวิจารณ์ออกมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีความแค้นต่อเซียนชิงเหยี่ยนที่เขาขับไล่นางออกจากสำนัก จึงจงใจทำลายชื่อเสียงของเซียนชิงเหยี่ยน
สีหน้าของผู้เฒ่าโหวเย็นชาโดยสิ้นเชิง
ซิวหลัวเองก็ไม่สามารถรักษารูปลักษณ์ที่นุ่มนวลและน่ารักของนางได้อีกต่อไป ความโกรธของนางแผ่ออกไปทั่วร่าง ปากของนางเม้มจนเป็นเส้นตรง และมีรัศมีที่รุนแรงพุ่งออกมาจากดวงตาของนาง
ในชั่วพริบตา ท่าทางของนางก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ
"อวี๋จาว ตายซะ"
การต่อสู้ระหว่างศิษย์สายในไม่จำเป็นต้องมีการเกริ่นนำ จนถึงขั้นที่พวกเขาไม่มีทางมอบเวลาให้ได้เตรียมตัว เมื่อบอกจะสู้ก็คือสู้

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก
เติมเงินละอ่านไม่ได้...
เพราะอะไรถึงให้เติมเงินเป็น$ เติมเป็นเงินบาทง่าย ๆ อย่างเวป เด็กดีไม่ได้เหรอ...