กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 818

หลังจากที่ซ่งเฟิ่งซานมาถึงเรือนก็ถูกเฉินผิงอันใช้สารพัดวิธียุให้ดื่มเหล้าสามชามกว่าจะได้นั่งลง

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ก่อนหน้านี้อยู่ใกล้กับศาลบุ๋นได้เจอกับลูกหลานสกุลชิวอวี๋โจวสองคน ผู้อาวุโส อยากไปกินหม้อไฟของอวี๋โจวด้วยกันสักรอบหรือไม่?”

ซ่งอวี่เซาโบกมือเอ่ยว่า “ไปไม่ไหวแล้ว ของอย่างหม้อไฟนี่ ขาดของที่นั่นไปแค่มื้อเดียวก็ไม่เห็นจะเป็นไร ระยะทางไกลอย่างมากสุดก็เดินทางไปถึงแค่ต้าหลีเท่านั้น วันหน้าหากมีเวลาว่างจะถือโอกาสไปเที่ยวที่ภูเขาของเจ้า ไม่ต้องจงใจรอข้าหรอก ข้าไปคนเดียว ไปดูแล้วก็กลับ เจ้าหนูเจ้าจะอยู่บนภูเขาหรือไม่ ไม่สำคัญ”

ดื่มกันไปดื่มกันมา ซ่งเฟิ่งซานที่เคยป่าวประกาศว่าอยู่บนโต๊ะสุราสามารถเล่นงานเฉินผิงอันได้สองคนก็เริ่มตาลายแล้ว ทุกครั้งที่เขายกชามเหล้าขึ้น เจ้าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามผู้นั้นก็จะกระดกดื่มหนึ่งอึก ดื่มหมดแล้วก็เอ่ยประโยคว่าตามใจท่าน เรื่องอย่างการยุให้ดื่มโดยไม่ได้พูดยุให้ดื่มนี้ช่างร้ายกาจนัก ซ่งเฟิ่งซานจะยังตามใจตัวเองอีกได้อย่างไร? เฉินผิงอันหนุ่มกว่าตนสิบปี เวทกระบี่ตนสู้ไม่ได้แล้ว หรือยังจะต้องแพ้ในเรื่องความคอแข็งด้วย แน่นอนว่าไม่ได้ ซ่งเฟิ่งซานที่ดื่มจนเมาแล้วยืนกรานจะลากเฉินผิงอันมาวาดกระบวนท่าหมัดด้วยกันให้ได้ ถือว่าเป็นการถามหมัด ผลคือพ่ายแพ้ยับเยิน ต้องวิ่งไปนั่งยองอยู่ด้านนอกประตูถึงสองครั้ง หลิ่วเชี่ยนช่วยตบหลังให้เบาๆ หลังจากซ่งเฟิ่งซานจัดการเช็ดสะอาดเรียบร้อยแล้วก็เดินโซเซกลับมาที่โต๊ะเหล้า มาดื่มเหล้าต่อ หนิงเหยาเอ่ยเตือนไปครั้งหนึ่งว่า จะดีจะชั่วเจ้าก็เป็นแขก ให้ซ่งเฟิ่งซานดื่มน้อยๆ หน่อย เฉินผิงอันจนใจทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ใช้เสียงในใจพูดว่าพี่ใหญ่ซ่งคออ่อนดื่มไม่เก่งแล้วยังดึงดันจะดื่ม ข้าห้ามไม่อยู่จริงๆ นะ หนิงเหยาจึงให้เฉินผิงอันห้ามตัวเองไม่ให้ดื่มหมดชามแทน

ใต้ชายคานอกห้อง หนิงเหยาจำต้องเอ่ยขออภัยหลิ่วเชี่ยน

หลิ่วเชี่ยนยิ้มเอ่ยว่าไม่เป็นไร โอกาสหาได้ยาก วันนี้เฟิ่งซานเมาเหล้าก็แค่รู้สึกไม่ดีไประยะหนึ่ง แต่หากไม่เมาอาจทำให้เขาเสียใจภายหลังไปอีกนาน

ถึงอย่างไรซ่งอวี่เซาก็เป็นคนเก่าแก่ในยุทธภพ อันที่จริงเขาดื่มเหล้ามากกว่าซ่งเฟิ่งซานเสียอีก แต่กลับยังไม่เมา เพียงแค่หน้าแดงก่ำ ส่งเสียงเรออยู่หลายที โน้มน้าวเฟิ่งซานกับเฉินผิงอันว่าให้ดื่มน้อยๆ หน่อย

เฟิ่งซานยังพูดได้ง่าย ดื่มเหล้าเมาแล้วก็นอนหลับพับไป แต่ถึงอย่างไรทุกวันนี้เฉินผิงอันก็เป็นคนที่มีภรรยาแล้ว วันนี้หากดื่มจนเมามายเละเทะ ถึงเวลานั้นหนิงเหยาต้องลงไปตามหาคนใต้โต๊ะ คราวหน้าจะยังได้ดื่มด้วยกันอีกหรือไม่เล่า?

เพียงแต่ว่าเจ้าเด็กเฉินผิงอันนี่คอแข็งใช้ได้ ดื่มกันจนถึงท้ายที่สุดซ่งอวี่เซาก็เห็นว่าเจ้าหมอนั่นดวงตายังใสกระจ่าง ไหนเลยจะมีท่าทางของผีขี้เหล้าเมามาย ผู้เฒ่าจึงได้แต่ยอมรับว่าตัวเองแก่แล้ว จำต้องเป็นฝ่ายยื่นมือไปบังชามเหล้า บอกว่าวันนี้พอแค่นี้เถอะ หากดื่มอีกคงไม่ไหวจริงๆ หลานชายหลานสะใภ้ควบคุมอย่างเข้มงวด เหล้าของมื้อนี้ดื่มเท่าจำนวนของเหล้าครึ่งปีไปแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่คืนนี้ยังต้องไปดื่มสุราแสดงความยินดีที่จวนวารีลำคลองหวงเหออีก จะให้ไปแล้วได้แต่ดื่มชาก็คงไม่เข้าท่าเท่าไร สรุปก็คือต้องใช้เหล้าถอนเหล้าแล้ว

เฉินผิงอันบอกว่าดื่มเหล้าแล้วจะไปที่แคว้นไฉ่อีรอบหนึ่ง แล้วจะต้องรีบออกเดินทางไปทำธุระต่อทันที ไม่อาจหยุดพักอยู่ที่นี่ได้แล้ว

ซ่งอวี่เซายิ้มบอกว่าไปทำธุระสำคัญเถอะ คราวหน้าค่อยดื่มกันให้เต็มคราบอีกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่บนภูเขาลั่วพั่วหรืออยู่ที่นี่ ทำหม้อไฟมาสักโต๊ะ ดื่มกันจนแบ่งสูงต่ำให้ได้อย่างแท้จริง

ตอนที่เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน ตัวเซไปเล็กน้อย ซ่งอวี่เซาลุกขึ้นยืนช้าๆ สองนิ้วดันโต๊ะเอาไว้ เรือนกายจึงมั่นคงมากกว่า

ส่วนซ่งเฟิงซานนั้นนอนฟุบอยู่บนโต๊ะนานแล้ว

ซ่งอวี่เซาหยิบฝักกระบี่ไผ่เหลืองขึ้นมา โยนข้ามโต๊ะไปให้เฉินผิงอัน ยิ้มเอ่ยว่า “มอบให้เจ้า”

รับฝักกระบี่มา เฉินผิงอันเดินออกมาจากห้อง มาถึงลานบ้าน เฉินผิงอันกับหนิงเหยาก็บอกลาผู้เฒ่าและหลิ่วเชี่ยนที่ประคองซ่งเฟิ่งซานให้ลุกขึ้น ทะยานลมจากไป ผลคือออกไปได้ไม่กี่สิบลี้ เฉินผิงอันพลันยกมือขึ้นมาอุดปาก รีบพลิ้วกายลงพื้น ยื่นมือไปจะจับต้นไม้ต้นหนึ่งประคองตัว ผลคือมือวืดคว้าความว่างเปล่า หัวทิ่มกระแทกบนต้นไม้แทน ก็เลยเอาหน้าผากดันลำต้น ก้มหน้าอาเจียนโฮกฮากไม่หยุด หนิงเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างเอื้อมมือไปตบหลังให้เขาเบาๆ เอ่ยอย่างระอาใจว่า “ถึงตายก็ยังรักหน้าตา”

ในความทรงจำของนาง เฉินผิงอันไม่เคยดื่มเหล้าจนเมามาก่อน นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาเจียน

วันนี้เฉินผิงอันถึงขั้นไม่ได้สลายกลิ่นเหล้าสลายฤทธิ์เหล้าทิ้ง ปล่อยให้ตัวเองเมากรึ่มๆ ไปทั้งอย่างนี้ ให้หนิงเหยาเดินไปเป็นเพื่อนเขาสักพัก รอให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยค่อยทะยานลมไปยังแคว้นไฉ่อีต่อ

หนิงเหยาเดินอยู่บนทางเส้นเล็กกลางภูเขาเป็นเพื่อนเขา ฝีเท้าเนิบช้า คนชุดเขียวเดินโซเซไปมา นางจึงได้แต่ยื่นมือไปประคองแขนของเขาเอาไว้

บุรุษผู้เมามายเรียกชื่อนางเบาๆ หนิงเหยา หนิงเหยา

หนิงเหยาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ได้แต่รับคำเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ทางฝั่งของเรือนแห่งนั้น ผู้เฒ่านั่งกลับลงไปบนโต๊ะเหล้า ใบหน้าประดับรอยยิ้ม มองไปนอกประตู

การอยู่ร่วมสังคมของคนรุ่นใหม่ในยุทธภพ ส่วนใหญ่แล้วยามที่ยุให้ดื่มเหล้าก็เพียงแค่เพื่อจะรอดูท่าทางอัปลักษณ์ยามที่คนอื่นเมามาย

แต่คนเก่าแก่ในยุทธภพนั้นเป็นเพราะเหล้าของตนมีไม่พอดื่ม ถึงได้ยุให้ดื่มเหล้าไม่หยุด ให้สหายได้ดื่มให้พอ หรือไม่ยามที่ไม่ขาดเหล้า ยุให้คนดื่มก็เพียงแค่เพราะอยากฟังความในใจสองสามประโยค

บางทีคนเก่าแก่ในยุทธภพทุกคนอาจเหมือนถังเหล้าที่บรรจุสุราไว้เต็มเปี่ยม ถังเหล้าที่มีชื่อว่า ‘เคย’

ไปถึงเรือนแห่งนั้นในแคว้นไฉ่อี ได้เจอกับคู่สามีภรรยาหยางหว่างและอิงอิง ครั้งนี้เฉินผิงอันไม่ได้ดื่มเหล้า เพียงแค่พาหนิงเหยาไปดื่มสุราคารวะที่หลุมศพ จากนั้นจึงกลับไปนั่งในเรือนพักหนึ่ง

หลังออกจากเรือนมาแล้ว เฉินผิงอันก็หันกลับไปมองแวบหนึ่ง

เวลาสี่สิบปีผ่านไปไวราวสายฟ้าแลบ

ตัวอยู่ในยุทธภพ คนรู้จักในอดีตหลายคนได้จากไปแล้ว มีเพียงเรื่องราวที่ยังหยุดอยู่ ก็เหมือนกับการแกะเรือแสวงหากระบี่ (เปรียบเปรยว่ายึดมั่นในกรอบอันคร่ำครึ โดยไม่สนใจว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนแล้ว) ครั้งแล้วครั้งเล่า

ในเมืองแยนจือแคว้นไฉ่อี ผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งนามว่าหลิวเกาซิน ในฐานะลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักโองการเทพ หลังลงมาจากภูเขาก็มาเป็นผู้ถวายงานของแคว้นไฉ่อีอยู่นานหลายปี อันที่จริงนางอายุไม่มาก รูปโฉมก็ยังอ่อนเยาว์ เพียงแต่ว่าสีหน้ากลับเหนื่อยล้า เส้นผมขาวโพลนไปทั้งศีรษะแล้ว

คืนนี้นางนั่งอยู่บนหลังคาเรือน ดื่มเหล้าไปหนึ่งกา วางกาเหล้าไว้ข้างเท้า ปลดขลุ่ยไม้ไผ่ที่ทำขึ้นเองออกจากเอว

ดวงจันทร์ลอยสูง เสียงขลุ่ยครวญสะอื้น ชีวิตคนเหมือนความฝัน ดวงจันทร์ในขลุ่ยเรือนกายในสุรา เมาไม่เมาไม่รู้ตัว

นางทิ้งตัวนอนหงายไปข้างหลัง เอนกายนอนอยู่บนหลังคา ยกมือขึ้นแกว่งกระพรวนเงินบนข้อมือเบาๆ ท่ามกลางเสียงกระพรวนคล้ายมีคนเดินผ่านหัวใจ

เพียงแต่ว่าได้ติดตามเสียงกรุ้งกริ้งใสกังวานของกระพรวนจากไปแล้วไม่กลับมา

นางมองดวงจันทร์กลมโต ดวงจันทร์บนฟ้าที่น่าเวทนาที่สุด

วันนี้เหวยเว่ยเหนียงเนียงเทพภูเขาของแคว้นซูสุ่ยรู้สึกอุดอู้ยิ่งนัก ฉวยโอกาสที่กลางดึกไม่มีคนมาจุดธูปจึงมานั่งบนขั้นบันได หยิบเอาบันทึกขุนเขาสายน้ำที่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเล่มนั้นออกมาอ่านด้วยความรื่นเริงใจ ไม่ว่าจะอ่านกี่ร้อยรอบก็ไม่รู้สึกเบื่อ

น่าเสียดายนัก บันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มนี้ ร้านหนังสือบนภูเขาไม่ได้จัดพิมพ์เพิ่มแล้ว แล้วก็ไม่มีหนังสือภาพเทพเซียนลงสีที่เหวยเว่ยรอคอยมานาน เทพหญิงสองคนที่มีรูปปั้นตั้งวางอยู่ในศาลอ่านหนังสือตามเหนียงเนียงเทพภูเขาไปด้วย คนหนึ่งในนั้นดวงตาเป็นประกาย หลุดพูดสองคำว่าจุนจุนออกมา เหวยเว่ยเงยหน้าขึ้นมองอย่างคลางแคลง อะไรกัน เจ้ารู้จักตัวอักษรอยู่แค่ไม่กี่ตัว แต่คิดจะสอนให้ข้าอ่านหนังสืออย่างนั้นหรือ?

……

สตรีสวมชุดชาววังคนหนึ่งเรือนกายเล็กเตี้ย แต่กลับมีท่วงทำนองของไข่มุกลมกลึงหยกชุ่มชื้น วันนี้นางออกจากเมืองหลวงหวนกลับมายังตำหนักฉางชุนอีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!