สำนักศึกษาชุนซาน
ซิ่วไฉเฒ่าได้เดินทางไกลข้ามทวีปกลับไปยังศาลบุ๋นของแผ่นดินกลางแล้ว
หากยังไม่กลับไป เกรงว่าศาลบุ๋นคงจะมาดักรอหน้าประตูแล้วก่นด่าคนแล้ว
ก่อนจะจากไป ซิ่วไฉเฒ่าพูดคุยกับนักพรตหนุ่มสองสามประโยค
เซียนเว่ยรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก นี่ก็คืออาจารย์ของเฉาเซียนซือหรือ? อาจารย์ผู้เฒ่าหน้าตามีเมตตาปราณีดีอยู่หรอก แต่ปัญหาก็คือดูเหมือนอีกฝ่ายจะยากจนพอๆ กับตนเลยนะ
เสี่ยวโม่เดินเคียงไหล่ไปกับเฉินผิงอัน เอ่ยว่า “ตอนที่อยู่บนโต๊ะสุรา ฮ่องเต้ยังพอวางท่าสุขุมเยือกเย็นได้ แต่ตอนที่จากไป พอขึ้นนั่งบนรถม้า เส้นเอ็นหัวใจก็เปลี่ยนมาเป็นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดูท่าคุณชายคงจะทำให้เขากดดันไม่น้อยเลย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ก็แค่คุยเล่นไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น คนฉลาดมักจะชอบคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง มีทั้งข้อดีแล้วก็ไม่ดี”
ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้ถามฮ่องเต้พระองค์นั้นว่า ขุนนางฝ่ายบุ๋นหารือเรื่องการปกครอง ต้องว่ากันด้วยทฤษฎีหรือไม่ ผู้ฝึกตนฝึกตน ต้องถามใจตัวเองหรือไม่
ทุกวันนี้ไม่มีราชครูชุยฉานแล้ว ลูกหลานชนชั้นสูงสกุลซ่งที่มีชาติกำเนิดจากเหวยเซียงอำเภอหัวเซี่ยนของราชวงศ์ต้าหลีซึ่งมีพวกเชื้อพระวงศ์เป็นผู้นำ ก็เป็นคนกลุ่มนี้ที่กระโดดโลดเต้นอยู่ริมอาณาเขตของราชสำนักรุนแรงที่สุด ฝ่าบาทต้องควบคุมหรือไม่ จะควบคุมอย่างไร
ราชวงศ์ต้าหลีเคยตั้งป้ายศิลากฎระเบียบของแคว้นไว้บนภูเขา แผ่นดินครึ่งทวีปที่อยู่ทางใต้ของเมืองหลวงสำรองและลำน้ำใหญ่ อดีตแคว้นใต้อาณัติของต้าหลี ตามข้อกำหนดจะต้องอาศัยคุณความชอบทางการสู้รบของแต่ละฝ่ายพากันตอบแทนแคว้น ดังนั้นจึงมีบางแคว้นที่เริ่มรื้อถอนป้ายศิลาบนภูเขาที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของแคว้นทิ้งไปแล้ว ราวสำนักต้าหลีเองก็เคารพกฎ ไม่มีทางสอดมือเข้าแทรกกิจธุระในบ้านของคนอื่นเด็ดขาด แล้วยังให้ขุนนางของศาลหงหลูเมืองหลวงต้าหลีและกรมพิธีการของเมืองหลวงสำรองไปให้คำแนะนำอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้มีขุนนางไม่น้อยของเมืองหลวงสำรองที่แนะนำให้ต้าหลีย้ายเมืองหลวง ฝ่าบาทท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?
อันที่จริงคำถามหลายๆ ข้อล้วนไม่ซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่นแคว้นอื่นถอนป้ายศิลาออก ราชสำนักต้าหลีไม่ใช่แคว้นผู้นำของพวกเขาแล้วยังจะต้องไปสนใจอีกทำไม
เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เฉินผิงอันจงใจใช้ ‘เรื่องเล็ก’ เปิดนำ ทำให้ฮ่องเต้ซ่งเหอคิดมากกับทุกเรื่องหลังจากนั้น
นอกจากนี้ก็คือฮ่องเต้พระองค์นี้รีบร้อนคาดหวังในการใช้เรื่องที่เฉินผิงอันมารับหน้าที่เป็นราชครูต้าหลีทำให้ตัวเองเหนื่อยครั้งเดียวสบายไปตลอดชาติมากเกินไป
ศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง บนภูเขาของหนึ่งทวีป เมืองหลวงสำรองต้าหลี ซ่งมู่อ๋องเจ้าเมือง อุตรกุรุทวีปที่อยู่ทางเหนือ ใบถงทวีปทางทิศใต้…
ความคิดเรียบง่ายเกินไปแล้ว
หวนกลับเมืองหลวงด้วยกัน
เฉินผิงอันส่งจดหมายออกไปสามฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นกระบี่บินที่ส่งไปยังภูเขาลั่วพั่วบ้านตน บอกกับทางฝั่งนั้นว่าตนกำลังจะกลับบ้านเกิดแล้ว
และยังส่งจดหมายไปแจ้งหลิวจิ่งหลงที่สำนักกระบี่ไท่ฮุย บอกว่ากำลังจะก่อตั้งสำนักเบื้องล่าง ต้องมาเข้าร่วมงานพิธีด้วย ส่วนเวลาที่เป็นรูปธรรมยังต้องรอกำหนดการอีกที เพียงแต่ว่าตอนที่เดินทางข้ามทวีปลงใต้ จำไว้ว่าให้แวะมาที่เมืองหลวงต้าหลี ช่วยชี้แนะเรื่องค่ายกลให้กับหันโจ้วจิ่นด้วย
อาจารย์ค่ายกลหญิงที่บ้านเกิดคือพื้นที่มงคลชิงถานผู้นี้ ชาติกำเนิดภูมิหลังและความสัมพันธ์บนภูเขาล้วนไม่ธรรมดา
ในบรรดาผู้ฝึกตนสายแผนภูมิดิน อันที่จริงเฉินผิงอันเห็นดีในตัวคนสองคนมากที่สุด ก็คือนางกับเก๋อหลิ่ง ถึงขั้นที่ว่าไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ที่มีความหวังจะเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนอย่างหยวนฮว่าจิ้งและซ่งซวี่ด้วยซ้ำ
อาศัยสัญชาตญาณ
และยังมีคราวก่อนที่ไปดื่มเหล้าที่ลำคลองชางผู กวนอี้หรานอาศัยหัวข้อเรื่องหน่วยแท่นฝนหมึกมาพูดคุย ดังนั้นเฉินผิงอันจึงต้องเอ่ยเตือนต่งสุ่ยจิ่งว่าให้ระวังคุณชายตระกูลสูงศักดิ์บางคนในเมืองหลวงที่อิจฉาเขาอยู่
วิธีการทำการค้าของต่งสุ่ยจิ่ง เรียกได้ว่ามีสารพัดรูปแบบ หนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของการเหมาภูเขามาทั้งลูก แล้วทำการผูกขาดเรื่องของดอกไม้พืชพรรณ หินหยก วัตถุดิบไม้ หรือแม้กระทั่งน้ำพุอย่างเงียบเชียบ จากนั้นค่อยจ่ายเงินให้รายงานขุนเขาสายน้ำของแต่ละฝ่ายช่วยป่าวประกาศออกไป ก่อนจะแบ่งขายให้กับคนซื้อหลายคนหรือหลายสิบคน ตัวต่งสุ่ยจิ่งเองมักจะไม่เข้าร่วมกับการค้าขายโดยตรง เฉาเกิงซิน หยวนเจิ้งติ้ง ฟู่อวี้ อู๋ยวน…ลูกหลานชนชั้นสูงคนใดก็ตามที่เคยเป็นขุนนางในหลงโจวมาก่อนล้วนมีส่วนด้วย ไม่พูดถึงพรรคบนภูเขา พูดถึงแค่ตระกูลซุนและตระกูลฟ่านของนครมังกรเฒ่า เอาเป็นว่าขอแค่เป็นสหายที่เฉินผิงอันแนะนำก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นสหายของต่งสุ่ยจิ่งได้ทุกคน
หากใช้คำพูดของต่งสุ่ยจิ่งก็คือ ข้าก็เป็นแค่คนที่ทำการค้าอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น หาเงินจากคนมีเงินโดยเฉพาะ
ท่าเรือส่วนตัวและเรือข้ามฟากตระกูลเซียนที่อยู่ในนามของคนอื่น แต่แท้จริงแล้วเป็นของต่งสุ่ยจิ่ง คาดว่าไม่ได้มีแค่ไม่กี่แห่งหรือแค่ไม่กี่ลำแล้ว
ต่งครึ่งเมือง?
เกือบจะเป็นต่งครึ่งทวีปแล้วมากกว่ากระมัง
ยากจะจินตนาการได้ว่าเด็กหนุ่มยากจนที่ต้องเลิกเรียนกลางคันของถ้ำสวรรค์หลีจูในอดีตผู้นี้จะอาศัยการขายเกี๊ยวน้ำและเหล้าหมักข้าวเหนียวมาตั้งตัว
เพียงแต่ว่าต่อให้จะมีเงินแค่ไหนก็ยังไม่ถ่วงรั้งการที่เขาจะเป็นเศษสวะในสายตาของหลินโส่วอี
หลักการเหตุผลเดียวกัน ต่อให้ขอบเขตด้านการฝึกตนของหลินโส่วอีในทุกวันนี้จะสูงแค่ไหน ในสายตาของต่งสุ่ยจิ่งก็เป็นแค่คนขี้ขลาด เจ้าหลินโส่วอีอ่านหนังสือมามากแล้วมีประโยชน์อะไร? ก็ยังเป็นพวกไร้ประโยชน์เหมือนตนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
ท่ามกลางแสงสนธยา โจวไห่จิ้งยกม้านั่งออกมานั่งรับลมในลานบ้าน ในมือถือพัดกลมงามประณีติที่ปักเป็นรูปสาวงามไล่จับผีเสื้อ นางโบกพัดเบาๆ เส้นผมตรงจอนหูและคอเสื้อต่างก็เพยิบไหวไปตามลม
ดั่งคำกล่าวที่ว่าถือพัดกลมปัดหิ่งห้อยนี่นะ สง่างามจะตายไป คุณหนูตระกูลใหญ่ล้วนเป็นกันเช่นนี้
หน้าประตูมีเด็กหนุ่มอยู่สองคน พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะตามติดท่านน้าโจวผู้นี้ คนต่างถิ่น แล้วยังเป็นผู้ฝึกยุทธ นี่ก็ไม่ใช่จอมยุทธหญิงผู้เดินทางมาไกลที่มีฝีมือสูงส่ง ชอบเที่ยวเล่นอยู่ในโลกมนุษย์ตามคำกล่าวของนักเล่านิทานหรอกหรือ?
เด็กหนุ่มหน้าตาหมดจดชื่อว่าว่านเหยียนหันหลังให้ลานบ้าน นั่งอยู่ตรงหน้าประตู เท้าคางเหม่อลอย
เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่นั่งเอนๆ พิงประตู หัวเราะหึหึ นึกอยากจะให้ตัวเองเป็นวิชาเซียนสักบท จะได้จำแลงร่างกลายเป็นพัดที่อยู่ในมือของท่านน้าโจวเล่มนั้น
โจวไห่จิ้งงอนิ้วทั้งคู่ ชี้มาที่เกาโหยว
เกาโหยวหัวเราะร่า “พี่โจว เมื่อไหร่จะหาสามีสักคนล่ะ ข้ากับว่านเหยียนช่วยท่านจัดงานเลี้ยงสุรารับเงินใส่ซองได้นะ”
โจวไห่จิ้งพูดอย่างเกียจคร้าน “สมบัติมีราคายังแสวงหามาได้ แต่บุรุษที่มีใจรักจริงกลับหาได้ยากยิ่ง”
เกาโหยวหัวเราะฮ่าๆ “พี่โจว ท่านคิดว่าข้าเป็นอย่างไร? ไม่สู้แต่งๆ ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป? วันหน้าข้าต้องยกท่านขึ้นหิ้งบูชาแน่นอน”
โจวไห่จิ้งเหลือบมองเด็กหนุ่ม “ข้าว่าเจ้ากับว่านเหยียนจับคู่กันน่าจะดีกว่า พี่น้องที่รักกันนี่นะ วันนี้เจ้าเสียเปรียบเล็กน้อย พรุ่งนี้เขาเสียเปรียบนิดหน่อย ถึงอย่างไรไม่ว่าใครก็ล้วนไม่เสียเปรียบ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!