“คุณผู้หญิงซูอยู่ที่ไหนครับ” จงเหลียงถามอย่างไม่แยแส
ซูไห่เฉาคิดว่าจงเหลียงแค่ถามไปอย่างงั้น เขาจึงหาเหตุผลมาอ้างง่าย ๆ ว่า
“เธอป่วยครับ จากนี้ไปผมจะรับผิดชอบติดตามความร่วมมือกับบริษัทคุณเองครับ”
จงเหลียงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น เราค่อยคุยกันหลังจากที่คุณผู้หญิงซูหายเป็นปกติแล้วดีกว่าครับ”
หลังจากพูดจบ จงเหลียงก็หันหลังกลับและเดินออกไปทันที
ซูไห่เฉาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบวิ่งตามจงเหลียงไปทันทีและพูดว่า “พี่จงครับ ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับ คุณวางใจได้เลย ผมมีความสามารถมากกว่าซูหยิงเซี่ยแน่นอนครับ การเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของคุณ....”
ก่อนที่ซูไห่เฉาจะพูดจบ จงเหลียงก็หยุดอยู่ที่ด้านข้างของรถของเขาแล้วพูดว่า “มีคนจำนวนมากที่ต้องการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทลั่วเฉว ในเมื่อตระกูลซูไม่มีความซื่อสัตย์ ผมคงต้องพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง”
เมื่อซูไห่เฉาเห็นรถของคุณจงเหลียงขับออกไป เขาก็ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจงเหลียงคงไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ทัศนคติของเขาเด็ดขาดอย่างไม่น่าเชื่อ
พิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ!
ประโยคนี้ทำให้ซูไห่เฉาหัวหมุน เดิมทีตระกูลซูเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งพอประมาณ แต่ท่ามกลางคู่แข่งจำนวนมาก การได้เป็นหุ้นส่วนแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้ามันถูกทำลายด้วยมือของเขา คุณย่าคงจะไม่ฆ่าเขาใช่ไหม?
จะทำอย่างไรดี?
หรือจะต้องให้ซูหยิงเซี่ยมาทำงานนี้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?
ซูไห่เฉารับไม่ได้ เมื่อคืนนี้เขาเพิ่งจะอวดอำนาจต่อหน้าซูหยิงเซี่ย ถ้าเขาต้องขอร้องให้เธอมาจัดการเรื่องนี้ต่อ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของซูไห่เฉาก็ดังขึ้น
“ไห่เฉา คุณย่ามาถึงบริษัทแล้ว จงเหลียงยังไม่มาอีกเหรอ?” ซูกั๋วหลินถาม ชายชราคนนี้ก็ภูมิใจในตัวเขามากเช่นกันที่แย่งโอกาสนี้มาจากซูหยิงเซี่ยได้ มันสำคัญกับตำแหน่งของซูไห่เฉาในบริษัทเป็นอย่างมาก ถ้าซูไห่เฉาทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เขาจะได้เป็นผู้อำนวยการของตระกูลซูอย่างแน่นอน
“ผมจะไปที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้ครับ” ซูไห่เฉาพูดอย่างเอาจริงเอาจัง
ในห้องประชุม บรรดาญาติ ๆ ของตระกูลซูรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เพราะครั้งนี้คือการเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญมาก เพื่อแสดงความจริงใจของตระกูลซู จึงไม่มีใครกล้าที่จะไม่เข้าร่วม
หญิงชราของตระกูลซูนั่งในที่นั่งผู้อำนวยการ เมื่อเธอเห็นว่าซูไห่เฉามาที่ห้องประชุมคนเดียว เธอจึงถามขึ้นว่า “จงเหลียงยังไม่มาอีกเหรอ?”
“คุณย่าครับ” ซูไห่เฉาพูดพลางก้มหัวลง
หญิงชราของตระกูลซูขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น แกไม่ได้ทำให้อะไรให้จงเหลียงรู้สึกขุ่นเคืองหรอกใช่ไหม?”
หญิงชรายิ้มเยาะและตอบว่า “คนที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวคือใคร แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ตระกูลซูก็แค่ตระกูลเล็ก ๆ จะทำอะไรกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวได้? ถึงแม้ว่าเขาจะจ่ายค่าเสียหายให้กับแก แกกล้าที่จะรับมันไว้เหรอ?”
คำพูดของหญิงชราทำให้เหล่าญาติ ๆ ของตระกูลซูไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ อย่างที่เธอพูด ต่อให้เขาจะจ่ายค่าเสียหายมาให้ถึงหน้าประตู แต่ใครจะกล้ารับไว้กันล่ะ เพราะเบื้องหลังของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวคือตระกูลหาน!
“มีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้นที่มีโอกาสจะกอบกู้สถานการณ์นี้ได้ พวกแกหาทางแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองแล้วกัน” หญิงชราพูดด้วยความโกรธจัด ก่อนจะจากไป
สายตาที่บรรดาญาติ ๆ ในตระกูลซูมองซูไห่เฉาเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขารู้ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้จะทำให้ตำแหน่งในบริษัทของซูหยิงเซี่ยดีขึ้น และอาจจะไม่ใช่เรื่องสำหรับซูไห่เฉานัก
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเอาแต่ประจบประแจงซูไห่เฉา เพราะพวกเขาคิดว่าซูไห่เฉามีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทมากที่สุด แต่ตอนนี้ซูไห่เฉากลับทำผิดพลาดในเรื่องนี้ และภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของคุณย่าคงจะแย่ลงอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการเป็นประธานก็คงไม่ต้องพูดถึง
“ไห่เฉา เรื่องนี้นายคงต้องหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พวกเราคงช่วยอะไรนายไม่ได้”
“ใช่ เราช่วยอะไรไม่ได้ คุณย่าโกรธขนาดนี้ นายรีบคิดหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุดล่ะ”
“พวกเรามีธุระอื่นต้องไปทำต่อ ขอตัวก่อนนะ”
กลุ่มญาติ ๆ เริ่มทยอยกันออกไปจากห้องประชุม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยฟ้าประทาน