ลูกเขยฟ้าประทาน นิยาย บท 4

ณ โรงแรมเพนนินซูล่า ห้องของประธานาธิบดี

ที่นั่งฝั่งตรงข้ามของหานซานเฉียนคือหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งหน้าอย่างวิจิตรงดงาม สวมชุดที่มีสีทองสลับเงิน และมีท่วงท่าที่สง่างาม

“ซานเฉียน ในที่สุดลูกก็มาหาแม่สักที แม่มีความสุขมากเหลือเกิน” ผู้หญิงคนนี้ชื่อฉือจิง เธอเป็นแม่ของหานซานเฉียน

เมื่อเผชิญหน้ากับมารดาผู้ให้กำเนิด ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาสามปี หานซานเฉียนกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไร และเขาแทบจะไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำไป

“ใครจะไปคิดว่าลูกชายคนสุดท้องของตระกูลหานที่ถูกทอดทิ้งอย่างผม วันนึงเกิดมีประโยชน์ขึ้นมา? ผมไม่เคยคิดมาก่อน คุณเองก็คงจะคิดเหมือนกัน” หานซานเฉียนยกมุมปากขึ้นเบา ๆ

“ซานเฉียน แม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วมันไม่ยุติธรรมกับลูก แต่มันเป็นการตัดสินใจของคุณย่า และแม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย” ฉือจิงกล่าวขึ้นอย่างไม่สบายใจ

หานซานเฉียนส่ายหัวและพูดว่า “สามปี? ในสายตาของคุณ ความอยุติธรรมเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วเองงั้นเหรอ?”

“สิบสามปีที่แล้ว เขาอายุสิบสองขวบ มีเพียงแค่ชื่อเขาอยู่บนเค้กวันเกิดเท่านั้น ทุกคนคงคิดว่าเขามีความสุข แต่ทุกคนคงลืมไปว่าผมอายุน้อยกว่าเขาแค่ห้านาทีเท่านั้น และตั้งแต่นั้นมา ความไม่ยุติธรรมก็ตกมาที่ผม สิบสามปีที่แล้ว เขาพูดประจบจนทุกคนหลงรัก แล้วผมล่ะ? ไม่ว่าผมจะพยายามมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเรียนได้เกรดดีเท่าไหร่ พวกคุณก็ไม่เคยเห็นค่าผมในสายตาด้วยซ้ำ”

“ถ้าเขาไม่ติดคุก คุณจะนึกถึงผมไหม?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหานไม่มีทายาทแล้ว คุณจะยังนึกได้ไหมว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ชื่อหานซานเฉียนคนนี้อยู่?”

“ท่านไม่คู่ควรกับการเป็นย่าของผม และคุณก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของผมด้วย”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ ได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้

“ตระกูลหานติดหนี้ผมหลายอย่าง และผมจะทวงมันคืนมาให้หมด”

“เธอบอกว่าเธอไม่อยากโดนดูถูก และเธอไม่อยากเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอีกต่อไป”

ฉือจิงสูดหายใจเข้าลึก ค่อย ๆ สงบอารมณ์ของเธอและพูดว่า “เมืองหยุนเฉิงจะก่อตั้งบริษัทใหม่ และลูกจะต้องรับผิดชอบมันทั้งหมด”

“เหอะ ๆ นี่เป็นการทดสอบที่ท่านใช้กับผมเหรอ ถึงแม้ว่าตระกูลหานจะไม่ยอมรับในตัวผม แต่ท่านก็ยังสงสัยในความสามารถของผมอยู่ใช่ไหม?” หานซานเฉียนมองไปที่แม่ของเขาด้วยแววตาที่ลุกโชนเป็นไฟ ก่อตั้งบริษัทใหม่โดยให้เขาเป็นเจ้าของ ฟังแล้วดูดีเหลือเกิน แต่เขารู้ว่านี่เป็นเพียงบททดสอบที่คุณย่ากำหนดให้เขาเท่านั้น มีเพียงการตั้งใจบริหารบริษัทของหยุนเฉิงเท่านั้นที่จะทำให้เขามีโอกาสได้สืบทอดตระกูลหาน

ฉือจิงพยักหน้ารับและไม่ได้พูดตอบอะไร

“ตกลง ผมจะแสดงให้ท่านเห็นว่าใครกันแน่ที่มีคุณสมบัติสืบทอดตระกูลหาน และจะทำให้ท่านเสียใจที่ดูถูกผม ยังไงก็ตาม ผมไม่ได้ทำทั้งหมดนี้เพื่อตระกูลหาน แต่ผมทำเพื่อเธอ”

เมื่อหานซานเฉียนออกจากห้องของโรงแรมแล้ว ฉือจิงจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา

“คุณแม่คะ เขาตกลงแล้วค่ะ”

“ฉันหวังว่าเขาจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ไม่อย่างนั้นฉันจะบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหาน และจะไม่ทิ้งเงินให้เขาสักหยวนเดียว”

ฉือจิงเงียบ และเธอก็ไม่ได้พูดตอบอะไรอีก เพราะไม่ใช่เพียงแค่หญิงชราของตระกูลหานเท่านั้น แม้แต่เธอเองก็ให้ความสำคัญกับพี่ชายของหานซานเฉียนมากกว่า หากไม่ใช่เพราะถูกบังคับ เธอก็ไม่เคยคิดจะไม่มาที่เมืองหยุนเฉิงนี้เลย

วันรุ่งขึ้น ข่าวออกอย่างครึกโครมราวกับพายุในหยุนเฉิง

ตระกูลหานจะก่อตั้งบริษัทใหม่ในเมืองหยุนเฉิง ในฐานะยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาของเมืองหยุนเฉิงอย่างแน่นอน สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่บริษัทใหม่ของตระกูลหาน โดยหวังจะได้เป็นหุ้นส่วนในครั้งนี้

สามวันต่อมา ตระกูลหานได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการในเมืองหยุนเฉิง ซึ่งจดทะเบียนในนามบริษัทลั่วเฉว

ทุกคนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะชื่อบริษัทใหม่ของตระกูลหานนั้นแปลกมาก ทำให้เกิดข้อสงสัยใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง

บริษัทลั่วเฉวซื้อที่ดินรกร้างที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาทั้งหมดทางตะวันตกของเมือง เพื่อสร้างเขตเมืองใหม่ ไม่มีใครสงสัยในความแข็งแกร่งของบริษัทลั่วเฉว แม้จะมีข่าวลือที่หลุดออกมา และหลายคนก็เชื่อว่า ในอนาคตเมืองหยุนเฉิงทางทิศตะวันตกคงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองที่สุด

ทันใดนั้น ประตูของบริษัทลั่วเฉวก็เกือบจะพัง เพราะหุ้นส่วนนับไม่ถ้วนต่างก็หลั่งไหลกันเข้ามา โดยหวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท

ตระกูลซูซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง จึงไม่แปลกที่พวกเขาต้องการเป็นหุ้นส่วน และบางคนก็สงสัยว่าตระกูลหานนี้ คือตระกูลหานที่ส่งของขวัญหมั้นมาให้

สิ่งนี้ทำให้บรรดาสาวโสดที่ยังไม่แต่งงานของตระกูลซูมีความสุขมาก และรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเป็นเวลาหลายวันหลายคืน เพราะการที่จะได้แต่งงานกับคนของตระกูลหานนั้นยิ่งใหญ่มาก

แต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อตระกูลซูมาขอเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเขาก็ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

ในวันนี้ เมื่อญาติทุกคนของตระกูลซูมาถึงก็เริ่มการจัดประชุมภายในบริษัทขึ้น

หญิงชราของตระกูลซูนั่งอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการบริหาร มองดูเหล่าญาติที่สิ้นหวังของเธอ และกล่าวขึ้นว่า “คราวนี้เรามีคู่แข่งมากมาย แต่ทุกคนคงจะรู้ดีว่า หากเราได้ร่วมมือกับบริษัทลั่วเฉว มันจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลซูมากแค่ไหน มันอาจทำให้ตระกูลของเราเป็นตระกูลแถวหน้าในเมืองหยุนเฉิงเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่พลาดโอกาสนี้”

“แม่ครับ พวกเราทุกคนพยายามทุกวิถีทางแล้ว แม้แต่เจ้าของบริษัทลั่วเฉวเราก็ยังไม่ได้เห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยฟ้าประทาน