บทที่ 293 พิธีปิดงาน
“อาจารย์อาครับ อาจารย์เขาตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่...” เฉินจื๋อเหวินบอก หลังจากลงมายู่ฉวนซาน เขาก็เปลี่ยนคำเรียกเฉินเฟิงทันที ไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป
“งั้นรอฉันทำยาก่อนแล้วนายเอายาไปเลยละกัน”
“รออาจารย์อาว่างแล้วไปด้วยกันดีกว่าครับ อาจารย์บอกอยากเจออาจารย์อาด้วย” เฉินจื๋อเหวินชะงักไปหน่อย
“ก็ได้” เฉินเฟิงพยักหน้า อย่างมากสองวันเขาก็จะเสร็จงานทางนี้ละ วันสองวันเจ้าสามหวงน่าจะทนไหว
อุปกรณ์ในการทำยาของจินจือถังล้ำสมัยมาก บวกกับขั้นตอนการทำยาของบัวหิมะซินเจียงก็ง่ายมาก เลยใช้เวลาไม่ถึงชม. เฉินเฟิงก็จัดการทำบัวหิมะซินเจียงสองเม็ดให้กลายเป็นยาล้ำค่าได้
เม็ดหนึ่งดำเม็ดหนึ่งขาวและแผ่กำจายกลิ่นหอมอ่อนๆ
ยาเม็ดสีดำใช้สำหรับเอาชนะพิษไฟในตัวเจ้าสามหวง ส่วนยาเม็ดสีขาวเพื่อช่วยเสี้ยเมิ่งเหยาปรับสภาพร่างกายและลมปราณ ทำให้เสี้ยเมิ่งเหยาสามารถกลายเป็นจอมยุทธ์ในหนึ่งเดือน
พอเก็บยาเสร็จ เฉินเฟิงก็ไปจากจินจือถัง และขับรถเตรียมไปโรงพยาบาล
ระหว่างทางเขาได้รับสายจากเสิ่นหงชัง
“นายน้อยเฉิน งานก่อนสร้างของเขตรีสอร์ทใกล้เปิดงานแล้ว ผมคิดว่าวันที่15เดือนนี้จะจัดพิธีปิดงาน พิธีนี้ผมเชิญคนดังของธุรกิจเมืองชางโจวของเรามาไม่น้อย ถึงเวลาพวกเขาน่าจะมากันหมด นายน้อยเฉิน คุณจะให้เกียรติมาตัดริบบิ้นเปิดงานได้ไหมครับ?” เสิ่นหงชังถามในโทรศัพท์
“จะเปิดงานแล้ว?” เฉินเฟิงค่อนข้างแปลกใจ เขาไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตั้งแต่ลงทุนเงินสามหมื่นกว่าล้านไปในยู่ฉวนซาน เขาก็สะบัดมือหนี แทบไม่ได้ไปดูงานเขตรีสอร์ทเลย
ไม่คิดว่า พริบตาเดียวงานก่อสร้างยู่ฉวนซานรีสอร์ทใกล้เปิดงานแล้ว
ถ้าเปิดงาน เท่ากับว่า เขตรีสอร์ทจะเริ่มประกาศเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว คราวนี้จะเริ่มคุยเรื่องกำไรละ
สำหรับเรื่องกำไร พิธีปิดงานถือว่าสำคัญมาก
ถ้าพิธีปิดงานจัดดีอลังการ์แล้ว คงจะดึงดูดสายตาโลกภายนอกไม่น้อย เท่ากับเป็นการโฆษณาฟรีๆครั้งหนึ่งให้ยู่ฉวนซานรีสอร์ทไปในตัว
เรื่องสำคัญขนาดนี้ มิน่าเสิ่นหงชังต้องโทรมาถามความคิดเห็นตน
“ประธานเสิ่น ผมจะไปพิธีเปิดแน่นอน แต่คุณตัดริบบิ้นเถอะ คุณเป็นน็อตตัวสำคัญที่สุดของยู่ฉวนซานรีสอร์ทเรานะ” เฉินเฟิงหัวเราะ จริง เพราะเสิ่นหงชังเป็นคนจัดการโครงการยู่ฉวนซานตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนเขานอกจากลงทุนเงินสามหมื่นห้าพันล้านแล้ว ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย
แน่นอน ที่สำคัญ ถ้าคนตัดริบบิ้นเปลี่ยนเป็นเขา งั้นคนทั่วทั้งชางโจวจะรู้ฐานะผู้สืบทอดตระกูลเฉินของเขาล่ะสิ
“นายน้อยเฉินเกรงใจไปแล้วครับ คุณต่างหากที่เป็นน็อตตัวสำคัญของยู่ฉวนซานรีสอร์ท ผมแค่อาศัยพึ่งคุณเท่านั้นเอง...” เสิ่นหงชังเลียขาแบบพอดี
“จริงสิ นายน้อยเฉิน พิธีครั้งนี้ผมคิดจะเชิญดาราแถวหน้ามาซักหลายคน ให้พวกเธอมาช่วยร้องเพลงในงาน คุณมีใครแนะนำไหมครับ?” เสิ่นหงชังถามอีก พิธีปิดงานใหญ่ขนาดนี้เขาจะเชิญพวกนักธุรกิจมาแค่นั้นไม่พอ พวกดาราก็ไม่ควรน้อยด้วย
ไม่งั้นจะไม่ดึงดูดสายตาคนธรรมดา
“ไม่มี” เฉินเฟิงส่ายหัวพลางว่า: “ประธานเสิ่น เรื่องเล็กน้อยพวกนี้คุณจัดการตามสมควรเถอะ ไม่ต้องถามความคิดเห็นผมหรอก”
“ครับ งั้นไม่รบกวนนะครับ นายน้อยเฉิน...”
พอวางสาย เฉินเฟิงเตรียมขับรถเลี้ยวไปอีกถนนหนึ่ง
แต่หางตาเขาเหลือบไปเห็นบางอย่าง ทำให้ต้องแตะเบรกฉับพลัน
ทางด้านหน้ามีคนมุงดูอะไรบางอย่างหนวกหูโวยวาย
ท่ามกลางผู้คน มีรถBentley สีเงินจอดอยู่ แถมข้างรถยังมีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งนอนอยู่
ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังกุมหัว ขอร้องอย่างน่าสงสาร แต่ผู้ชายคนนั้นที่เตะเธออยู่กลับสีหน้าขึงขัง ราวกับไม่ยอมปล่อยเธอไปอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...