ลูกเขยมังกร นิยาย บท 298

บทที่ 298 ชดใช้เงิน

“พี่เย่น ฉันไม่ได้คิดจะเบี้ยวนะ” หลินหลันรีบเอ่ยปาก: “พี่เย่น พี่วางใจได้ ถ้าเจ้าขยะนี่กล้าทำลายรถพี่จริง ฉันจะให้มันจ่ายเงินชดใช้แปดแสนออกมาเอง”

“ถ้ามันไม่มีเงินจะทำไง?” หลินเย่นถามต่อไม่ลดละ ฐานะเฉินเฟิงในบ้านเสี้ยเป็นไง เธอรู้ดี เทียบกับหมายังไม่ได้เลย ไม่มีทางมีเงินแปดแสนแน่

“พี่เย่น พี่วางใจได้ ไม่ว่ายังไงฉันจะให้มันหาเงินแปดแสนมาคืนพี่แน่นอน” หลินหลันตบอกยืนยัน เฉินเฟิงมีเงินเก็บไหมเธอไม่รู้ แต่เธอเดาว่าเขาน่าจะหาเงินแปดแสนไม่ยากนัก

“ดี นี่เธอพูดเองนะ ถ้าเขาหาเงินแปดแสนมาไม่ได้ งั้นฉันจะเอากับเธอแทน” พอได้ยินหลินหลันรับปาก เธอถึงวางใจได้

“ไม่มีปัญหา”

“พี่เย่น พี่นั่งรถเจ้านั่นกลับมาก่อนเถอะ วันนี้อากาศหนาวอยู่” หลินหลันบอก

“ได้ ครั้งนี้จะเห็นแก่หน้าเธอซักครั้ง” หลินเย่นถึงวางสาย แต่ยังคงเย่อหยิ่งเริ่ดเชิดใส่เฉินเฟิงอยู่

ทั้งสองคนก้าวขึ้นรถไปนั่งที่นั่งด้านหลัง

“ออกรถสิ มัวบื้อทำอะไรอยู่!”

เห็นเฉินเฟิงยังไม่ออกรถ หลินเย่นตวาดใส่อีก

เฉินเฟิงขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ แต่ไม่ได้ถือสาอะไรหลินเย่น และเหยียบคันเร่งขับออกไป

เพราะเป็นช่วงเวลาเข้างาน ทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัด

หลังจากเจอรถติดไปหลายครั้ง หลินเย่นเริ่มเดือดอีกครั้ง ตะคอกใส่เฉินเฟิงว่า: “แกขับรถเป็นไหมเนี่ย! ขับเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไง ถ้าทำฉันเสียเวลาแกมีปัญญาจ่ายไหวหรอ?”

เฉินเฟิงเริ่มมีน้ำโห เขาแตะเบรกและหันมามองหลินเย่นด้วยสายตาเย็นชา: “คุณจะมาขับเอง?”

หลินเย่นเดือดทันที: “เจ้าขยะ กล้าตีฝีปากกับฉันหรอ! แกก็แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมีย มาอยู่กินฟรี แกถือดีอะไรมาเถียงฉันหะ?”

“เชื่อไหม ฉันพูดแค่คำเดียว ก็ไล่แกออกจากตระกูลเสี้ยได้เลย!”

“โง่จริง” เฉินเฟิงด่าเสียงเย็นหนึ่งที เมื่อก่อนหลินเย่นอาจจะทำตัวกร่างจนเคยชิน คิดว่าใครเป็นคนรับใช้เธอไปซะหมด แต่เธอไม่มีสิทธิ์นี้ต่อหน้าเขา

พอเห็นเฉินเฟิงยังกล้าด่าเธอ หลินเย่นแทบกลั้นใจตาย พอเห็นแม่ทำท่าจะปรี๊ดอีกรอบ ถางรั่วเสวี่ยนอดขมวดคิ้วไม่ได้: “แม่คะ พูดน้อยๆลงหน่อย จะถือสาอะไรกับลูกเขยแบบนี้คะ?”

น้ำเสียงถางรั่วเสวี่ยนส่อแววดูถูกเฉินเฟิงอย่างเห็นได้ชัด ในสายตาเธอ ถ้าเป็นผู้ชายที่พอมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง จะไม่มีทางยอมแต่งเข้าบ้านเมียแน่

มีแต่พวกไม่มีความสามารถ เกาะผู้หญิงกินไปวันๆถึงคิดจะแต่งเข้าบ้านเมีย

“ได้ แม่ฟังลูกนะ ไม่ถือสาหาความกับเจ้าขยะนี่แล้ว ถือสามันจะทำแม่เสียระดับหมด” หลินเย่นพูดถือหางให้ตัวเองอีกหน อารมณ์ถึงเริ่มเย็นลง

เฉินเฟิงส่ายหน้ายิ้มๆ ขี้เกียจถือสาหลินเย่น เขาเหยียบคันเร่งมุ่งไปโรงพยาบาลทันที

เห็นเฉินเฟิงจอดรถที่โรงพยาบาล หลินเย่นไม่พอใจอีก

“ไม่ใช่บอกจะไปที่บ้านหรอไง? แกขับมาโรงพยาบาลทำไม?”

“หลินหลันอยู่ที่โรงพยาบาล” เฉินเฟิงมองหลินเย่นเย็นชาก่อนหมุนตัวจากไป

หลินเย่นกลับขมวดคิ้วขึ้นมา ถามอย่างรังเกียจว่า: “นั่งอะไรล่ะ? ที่นี่สกปรกจะตาย เชื้อโรคเยอะขนาดนี้ เกิดทำเสื้อผ้าราคาหลายหมื่นของพวกเราเลอะไปจะทำยังไง?”

หลินหลันชะงักหน้า พูดยิ้มๆว่า: “พี่เย่น ขอโทษทีนะ พอดีหลายวันก่อนเมิ่งเหยาได้รับบาดเจ็บ พวกเราตอนนี้เลยมาอยู่ที่โรงพยาบาลกัน...”

“เมิ่งเหยา?” หลินเย่นมองเสี้ยเมิ่งเหยาที่นอนหันข้างอยู่ อดถามไม่ได้ว่า: “หลินหลัน ช่วงก่อนเธอบอกว่า เมิ่งเหยาได้เป็นคนรับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซานอะไรนี่แหละใช่ไหม เรื่องจริงหรอ?”

“จริงสิ” หลินหลันแอบเอะใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆหลินเย่นพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“เธอไม่ได้หลอกฉัน?” หลินเย่นมองหน้าหลินหลันอย่างสงสัย แววตาเคลือบแคลง ตระกูลเสี้ยของสามีหลินหลันไม่ใช่ตระกูลเล็กๆอันดับสามของชาวโจวหรือไง ทำไมถึงได้ร่วมงานกับบริษัทติ่งเฟิงได้?

“พี่เย่น ฉันจะหลอกพี่ทำไมล่ะ เรื่องนี้พี่ไปถามใครก็ได้เลย” หลินหลันเริ่มไม่พอใจ เดิมเธอคิดว่าหลินเย่นจู่ๆมาหาเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องตอนเด็กและอยากจะชดเชยให้เธอ พอหลินเย่นถามแบบนี้ เธอก็เข้าใจได้ในทันที

หลินเย่นแวะมา ไม่ใช่มาดูแลเธอ แต่อยากมาเยาะหยันเธอ

“อ๋อหรอ” หลินเย่นเริ่มกระดาก หลินหลันยืนยันแบบนี้แล้ว ดูท่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ

เสี้ยเมิ่งเหยา คงจะเป็นคนรับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซานจริงๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาทำได้ยังไง แต่เธอหน้าแตกเพล้งทันที เพราะหลินหลันไม่ได้โม้

“ในเมื่อเมิ่งเหยาเป็นผู้รับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซาน งั้นก็น่าจะรู้จักหลินจงเหว่ยที่เป็นประธานกรรมการของบริษัทติ่งเฟิงล่ะสิ” หลินเย่นเบนความสนใจมาที่เสี้ยเมิ่งเหยา

“รู้จักสิ โครงการยู่ฉวนซานน่ะเป็นโครงการที่เมิ่งเหยาไปคุยกับหลินจงเหว่ยมาน่ะ” หลินหลันพยักหน้า เธอยืดอกเอวตรงขึ้นมา ไม่ต้องถามเลย หลินเย่นจะให้เสี้ยเมิ่งเหยาช่วยแน่

“จริงหรอ?” หลินเย่นสีหน้าดีใจ: “งั้นในเมื่อเมิ่งเหยารู้จักหลินจงเหว่ย ก็ปลุกเธอขึ้นมาช่วยฉันเร็วๆ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร