ลูกเขยมังกร นิยาย บท 299

บทที่ 299 หลินเย่นที่กร่างและเหิมเกริม

“ช่วยอะไร?” หลินหลันถามออกไปโดยพลัน

“เธออย่าพึ่งถาม รีบปลุกเมิ่งเหยาขึ้นมา” หลินเย่นเริ่มรำคาญ ก่อนทำท่าจะเรียกเมิ่งเหยาให้ตื่น

“เมิ่งเหยาหลับอยู่ อย่ากวนเธอ”

คราวนี้เฉินเฟิงเอ่ยปากแล้ว

“นอนอะไร? มีอะไรน่านอน? เธอนอนสำคัญหรือว่าช่วยฉันสำคัญกว่า?” หลินเย่นถลึงตาใส่เฉินเฟิง ก่อนผลักหลินหลันให้พ้นทาง กะร้องเรียกเมิ่งเหยาให้ตื่นขึ้นมาเลย

แต่เธอพึ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ก็โดนเฉินเฟิงคว้าแขนไว้ คราวนี้เฉินเฟิงมีสีหน้าเย็นชา: “ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง?! ผมบอกว่าเมิ่งเหยานอนอยู่ มีอะไรรอเธอตื่นค่อยว่ากัน!”

เสี้ยเมิ่งเหยาพึ่งให้น้ำเกลือเสร็จ ตอนนี้ร่างกายอยู่ในสภาพอ่อนแอ ต้องการการพักผ่อน อย่าว่าแต่หลินเย่นเลย ต่อให้ใครหน้าไหน ก็ต้องรอก่อน!

“เจ้าขยะ กล้ากำแหงกับฉันหรอ?!” หลินเย่นจิกตาใส่เขา เริ่มเดือดปุดๆที่กลางอก

“พี่เย่น ใจเย็นๆนะ!” เห็นสองคนทำท่าจะทะเลาะกัน หลินหลันรีบเข้ามาห้ามทัพ

หลินเย่นปัดมือหลินหลันออก ชี้หน้าด่าว่า: “หลินหลัน เธอสั่งสอนเจ้าขยะนี่ยังไง ฉันมาให้หลานสาวช่วยเหลือ เกี่ยวอะไรกับมัน มันถือสิทธิ์อะไรมายุ่ง!”

“เมิ่งเหยาเป็นเมียผม”

เฉินเฟิงปรายตามองหลินเย่นอย่างเย็นชา

“แก....” หลินเย่นโมโหแทบกระอักเลือด

“เฉินเฟิง พูดให้มันน้อยๆหน่อย!” หลินหลันถลึงตาใส่เฉินเฟิง ก่อนว่า: “พี่เย่น สองวันนี้เมิ่งเหยาได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมาก ตอนนี้ต้องการการพักผ่อน ถ้าพี่มีอะไร รอหลานตื่นก่อนแล้วค่อย...”

“พักผ่อน? พักผ่อนอะไร !”

“เขาได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่ตาย!”

“เรื่องของฉันสำคัญหรืออาการบาดเจ็บเขาสำคัญ!”

“ถ้าวันนี้เขายังไม่ตาย ก็ต้องลุกขึ้นมาจัดการเรื่องของฉันให้เสร็จก่อน” หลินเย่นร้องแร่แห่กระเฌอ ทำหน้าประมาณว่าข้าใหญ่

เฉินเฟิงกำหมัดแน่น สายตาโกรธเกรี้ยวแทบมีประกายไฟ ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ แล้วทำเมิ่งเหยาตื่น เขาอยากเข้าไปตบหลินเย่นซักหลายฉาด

หลินหลันก็โกรธมากเหมือนกัน แต่เธอยังคุมตัวเองไหวอยู่

“พี่เย่น ตอนนี้เมิ่งเหยาไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซานแล้ว ทางด้านหลินจงเหว่ย คงพูดอะไรให้ไม่ได้เท่าไหร่...”

“หลินหลัน เธอหมายความว่าไง!” หลินหลันยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนหลินเย่นตะคอกตัดบทก่อน: “ก่อนนี้เธอพึ่งบอกว่าลูกสาวเธอรับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซานนี่ ทำไมตอนนี้ไม่ใช่แล้ว!”

“พี่เย่น ก่อนนี้เมิ่งเหยารับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซานจริง แต่หลายวันก่อนบ้านฉันกับบ้านเสี้ยทะเลาะกันเล็กน้อย เธอเลยโดนถีบตกจากตำแหน่งลงมา” หลินหลันอธิบายอย่างยากลำบาก เธอก็อยากได้หน้าต่อหน้าหลินเย่น แต่ความจริงไม่อนุญาต

“อะไรนะ?! โดนถีบลงมา!” หลินเย่นโกรธจัดจนแทบบ้า คุยอยู่ตั้งนาน ตอนนี้เมิ่งเหยาไม่ได้รับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซานแล้ว งั้นเธอจะมาหาเสี้ยเมิ่งเหยาทำซากอะไร

“พี่เย่นอย่าพึ่งใจร้อนนะ เมิ่งเหยาช่วยพี่ไม่ได้ แต่เจ้าขยะนี่ได้" หลินหลันชี้ไปทางเฉินเฟิง

“มัน?” หลินเย่นมองเฉินเฟิงอย่างสงสัย

หลินหลันพยักหน้า: “เจ้าขยะนี่เป็นเพื่อนนักศึกษาสมัยมหาวิทยาลัยของหลินจงเหว่ย ตอนแรกที่เมิ่งเหยาของฉันได้รับผิดชอบโครงการนี้ ก็เพราะเขาไปขอให้หลินจงเหว่ยช่วย”

พอได้ยินหลินหลันพูดแบบนี้ หลินเย่นได้สติขึ้นมา มิน่าเสี้ยเมิ่งเหยาถึงได้รับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซาน เพราะมีเส้นอย่างเฉินเฟิงนี่เอง

“ในเมื่อแกเป็นเพื่อนกับหลินจงเหว่ย งั้นคืนพรุ่งนี้ไปนัดเขาให้ฉันหน่อย” หลินเย่นใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง

“เรื่องอะไร?” เฉินเฟิงยิ้มเย็น หลินเย่นนี่คิดว่าจะสั่งเขาได้งั้นหรอ?

“ทำไมเรื่องอะไร? ให้แกช่วยฉัน ถือเป็นบุญของแกแล้วนะ คนอื่นอยากจะช่วยฉัน ฉันยังไม่ชายตาแลเลย”

“งั้นคุณก็ไปหาคนอื่นเถอะ” เฉินเฟิงมองเธออย่างเย็นชา ถ้าหลินเย่นขอร้องเขา เขาอาจจะเห็นแก่หน้าเธอบ้าง แต่ท่าทีหลินเย่นเป็นแบบนี้ เขาไม่อยากสนใจสักนิด

“แกพูดอะไรน่ะ! ฉันเป็นป้าใหญ่แก แกเป็นหลานเขยฉัน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ในสายตาแกเห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่ไหมเนี่ย?!” หลินเย่นพูดออกมาหน้าด้านๆ

เฉินเฟิงยิ้มเย็น หลินเย่นทำให้เขาได้เห็นชัดว่าอะไรคือตีสองหน้าเก่ง เมื่อกี้บอกปาวๆว่าเขาเป็นคนนอก ตอนนี้อยากให้เขาช่วย เปลี่ยนเป็นคนในครอบครัวซะงั้น

“เฉินเฟิง แกช่วยป้าใหญ่หน่อยเถอะ ป้าใหญ่เขาเป็นประธานกรรมการบริษัทจงเสิ้งนะ ถ้าแกช่วยเขา เขาต้องตอบแทนแกแน่” หลินหลันก็เกลี้ยกล่อมด้วยอีกคน ถึงจะไม่ชอบท่าทีออกคำสั่งของหลินเย่น แต่หน้าที่การหลินเย่นก็เห็นๆกันอยู่ ถ้าเฉินเฟิงเอาใจหลินเย่นไว้ ต่อไปทั้งสองบ้านกระชับสัมพันธ์กันมากขึ้น หลินเย่นไม่มีทางทำร้ายบ้านเธอแน่

“เฉินเฟิง ฉันฟังน้าสามบอก นายทำส่งเดลิเวอร์รี่ใช่ไหม ถ้างั้นเอาอย่างนี้ ครั้งนี้ถ้านายยอมช่วยแม่ฉันนัดหลินจงเหว่ยออกมา ฉันจะให้แม่ฉันให้โอกาสนายไปทำงานที่บริษัทจงเสิ้ง” ถางรั่วเสวี่ยนอดออกปากไม่ได้ แต่น้ำเสียงเหมือนกำลังให้ทาน

“ได้ยินหรือยัง? เจ้าขยะ ถ้าแกยอมช่วย ฉันจะให้แกไปทำงานที่บริษัทจงเสิ้งของพวกเรา บริษัทจงเสิ้งของเรานะเป็นบริษัทอันดับห้าร้อยของโลกเชียวนะ ทำงานที่นั่นดีกว่าทำงานเดลิเวอร์รี่เป็นร้อยเท่าพันเท่า” หลินเย่นเบ้ปากหยัน ในสายตาเธอ ถ้าเฉินเฟิงไม่โง่ คงรู้ดีว่าจะเลือกอะไร

เฉินเฟิงหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร ต่อให้ประธานกรรมการใหญ่ของบริษัทจงเสิ้งมาหาเขา เขายังไม่คิดจะชายตาแล แล้วนับประสาอะไรกับตัวกระจ๊อกอย่างหลินเย่น

เห็นเฉินเฟิงไม่พูดอะไร ถางรั่วเสวี่ยนอดร้อนใจไม่ได้: “ว่าไง นายไม่เชื่อแม่ฉันหรอ?”

“แม่ฉันเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจงเสิ้งเชียวนะ แม่จะให้ใครเข้าไปทำงานสักคนง่ายจะตาย”

“งั้นหรอ?”

“งั้นให้เขาจัดให้ผมไปเป็นประธานกรรมการใหญ่หน่อยสิได้ไหม?” เฉินเฟิงยิ้มเย็นพลางตอบ

“ขยะอย่างแกเนี่ยนะ ยังอยากเป็นประธานกรรมการใหญ่ของเรา?! แกไม่ส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองหน่อยหรอไง! ต่อให้เป็นยาม พวกเรายังรังเกียจเลย!” หลินเย่น แทบกระอักเลือด เธอไม่คิดเลยว่าเฉินเฟิงจะหน้าด้านขนาดนี้

“ฝันกลางวันชัดๆ!” ถางรั่วเสวี่ยนก็โกรธไม่น้อย

“พูดจบหรือยัง? พูดจบแล้วก็ไสหัวกลับกันไปได้แล้ว!” เฉินเฟิงมองทั้งสองคนอย่างเย็นชา ถ้าทั้งสองคนแหกปากแบบนี้ต่อไป เสี้ยเมิ่งเหยาต้องตื่นแน่

“หลินหลัน เธอดูท่าทีจองหองของมันสิ...”

“พี่เย่น เฉินเฟิงเขาก็เป็นแบบนี้แหละ พี่ทำใจๆหน่อยนะ” หลินหลันยิ้มแหย ทำอะไรไม่ได้ เมื่อก่อนเธอยังพอจะพูดอะไรกับเฉินเฟิงได้บ้าง แต่เฉินเฟิงในตอนนี้ไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลย

“เอาล่ะ เจ้าขยะ ฉันไม่อยากเสียเวลากับแกแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร