ลูกเขยมังกร นิยาย บท 306

บทที่ 306 หลินเย่นที่น่ารังเกียจ

“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำจริงๆ...”

หลินหวั่นชีวส่ายหน้าอย่างน่าสงสาร น้ำตาอาบแก้ม

“เรื่องที่ทุกคนต่างเห็นกันชัดแจ้ง เธอยังจะบอกว่าเปล่าอีก?!” ผู้จัดการจางชี้หน้าหลินหวั่นชีวอย่างโมโห

“ตอนนี้รีบลุกขึ้นมาชดใช้เงินหนึ่งแสนเก้าหมื่นให้คุณผู้หญิงคนนี้ซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ...”

“หนึ่งแสนเก้าหมื่น? หนึ่งแสนเก้าหมื่นจะพอที่ไหนกัน!” ผู้จัดการจางยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนหลินเย่นแหวขึ้นมาขัดจังหวะ: “ยัยสารเลวนี่ทำลายชุดฉันยังไม่พอ ยังทำฉันพลาดนัดธุรกิจสำคัญอีก เงินค่าชดใช้ชุดนั่นแล้ว เงินค่าธุรกิจฉันเสียหายให้ใครจ่ายล่ะหะ?”

“คุณผู้หญิง งั้นความหมายของคุณคือ?” ผู้จัดการจางขมวดคิ้วถาม

“ห้าแสน! นอกจากค่าชุดแล้ว มันต้องจ่ายฉันอีกห้าแสน!”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ผู้จัดการจางตอบโดยไม่คิดเลย ยังไงซะก็ไม่ใช่เขาจ่าย สุดท้ายก็ต้องหลินหวั่นชีวรับกรรมอยู่ดี

“เสี่ยวหลิน ได้ยินหรือยัง! ค่าชุดและค่าธุรกิจเสียหายของคุณผู้หญิงท่านนี้ ทั้งหมดหกแสนเก้าหมื่น ทางที่ดีเธอรีบชดใช้ให้เขาโดยไม่ขาดแม้แต่สตางค์แดงเดียวด้วย” ผู้จัดการจางมองหลินหวั่นชีวอย่างเย็นชา

“ฉันไม่มีเงิน...ฮือๆ ฉันไม่มีเงินจริงๆ” หลินหวั่นชีวส่ายหน้าอย่างไร้ที่พึ่ง เพราะหวางซูเจินไม่มีเงินเลย เธอถึงออกมาทำพาร์ททาร์ม ตอนนี้ผู้จัดการจางจะให้เธอชดใช้เงินหกแสนเก้าหมื่น ต่อให้เธอขายตัว ก็หาเงินก้อนนี้มาไม่ได้

“ไม่มีเงินก็เรียกคนที่บ้านมา!” ผู้จัดการจางมองเธออย่างรังเกียจ

“แม่ฉันอยู่โรงพยาบาล..”

“พ่อเธอล่ะ?”

“ฉัน...ฉันไม่มีพ่อ” หลินหวั่นชีวสะอึกสะอื้นบอก

“ที่แท้ก็ลูกนอกสมรส ซวยจริงๆ” หลินเย่นด่าเข้าให้อีก

“ในเมื่อคนที่บ้านเธอมาไม่ได้ งั้นฉันคงต้องส่งเธอให้ตำรวจแล้วล่ะ” ผู้จัดการจางยิ้มเย็น ส่งหาตำรวจก็ดี ให้หลินเย่นไปสถานีตำรวจ ร้านอาหารหงส์ขาวจะได้ถอนตัวจากเรื่องนี้ซักที

“ไม่...อย่าแจ้งความนะ” พอได้ยินคำว่าแจ้งความ หน้าหลินหวั่นชีวก็ซีดเผือด หวางซูเจินอยู่โรงพยาบาลคนเดียว ถ้าเธอโดนกักตัวที่สถานีตำรวจ แล้วใครจะดูแลแม่ล่ะ

“ไม่แจ้งความ? เธอไม่ชดใช้เงิน ทำไมฉันจะแจ้งความไม่ได้?” ผู้จัดการขู่ต่อไม่หยุด

“ฉัน...”

หลินหวั่นชีวไม่รู้จะทำยังไงดี ตอนนี้เองโทรศัพท์เธอดังขึ้น

เธอกดรับสาย

เฉินเฟิงโทรมาน่ะเอง

“หวั่นชีว ตอนนี้อยู่ไหนน่ะ?”

“ฮือๆ...พี่เฉินเฟิง...” พอเห็นเป็นเฉินเฟิง น้ำตาหลินหวั่นชีวก็ไหลอาบแก้มทันที

“หวั่นชีว เป็นอะไรน่ะ” เฉินเฟิงเครียดขึ้นทันที เขาแวะมาดูหวางซูเจิน แต่หวางซูเจินกลับหาหวั่นชีวไม่เจอ หลินหวั่นชีวออกมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว จนป่านนี้ยังไม่กลับไปเลย ด้วยความเป็นห่วง เขาเลยโทรหาเธอ แต่ไม่คิดว่า....

“พี่เฉินเฟิง ช่วยฉันได้ไหม ฉันทำเสื้อผ้าแขกเสียหาย ผู้จัดการจางจะแจ้งความ...”

“เธออยู่ที่ไหน?”

“ฉัน...อยู่ร้านอาหารหงส์ขาว”

“รอฉันสิบนาที ฉันจะรีบไป” เฉินเฟิงวางสาย และเรียกรถแท็กซี่ มุ่งหน้ามาที่ร้านอาหารหงส์ขาวทันที

“เฉินเฟิง?” หลินเย่นยิ้มเย็น: “ยัยแพศยานี่ แกเป็นชู้กับเจ้าขยะนั่นนี่เอง”

“เมื่อวานเจ้าขยะออกหน้าให้แก วันนี้พอแกเกิดเรื่อง มันก็โทรหาแกทันที”

“เหอะๆ ใจตรงกันจริงนะ”

“ฉันกับพี่เฉินเฟิงพึ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้เอง คุณอย่าใส่ความพวกเรานะ” หลินหวั่นชีวทำใจกล้าตอบไป

หลินเย่นกลับสายตาเย็นเยียบ และตบหน้าหลินหวั่นชีวเข้าหนึ่งฉาด

“ใส่ความ?” หลินเย่นหลุดหัวเราะพรืด

“พวกแกไม่ส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองกันมั่งว่าสารรูปอะไร? แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียคนหนึ่ง อีกคนก็ชาวบ้านโสโครก อย่างพวกแกเนี่ยนะมีค่าพอให้ฉันใส่ความด้วย!” หลินเย่นเบ้ปากรังเกียจ

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมีย?

หลินหวั่นชีวอึ้งเล็กน้อย พี่เฉินเฟิงแต่งงานแล้ว? แถมยังแต่งเข้าบ้านเมีย?

พอเห็นสีหน้าตะลึงของหลินหวั่นชีว หลินเย่นหัวเราะเยาะเข้าให้: “ดูท่าเจ้าขยะนั่นจะไม่ได้บอกฐานะที่แท้จริงกับแกล่ะสิ”

“ก็จริงนะ เป็นฉันฉันก็ไม่บอกหรอกว่าตัวเองแต่งเข้าบ้านเมีย”

“พี่เฉินเฟิงต่อให้แต่งเข้าบ้านเมียก็ดีกว่าคุณหมื่นเท่า!” พอได้ยินหลินเย่นดูถูกเฉินเฟิง หลินหวั่นชีวโกรธมาก

“ฮะๆๆ ดีกว่าหมื่นเท่า? ยัยโสโครกอย่างแกก็กล้าพูดเนอะ”

“ขยะอย่างมัน ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ ฐานะในบ้านยังไม่เท่าหมาตัวหนึ่งเลย มันถืออะไรมาดีกว่าฉันหมื่นเท่า”

“เงินแปดแสนที่มันติดฉัน จนป่านนี้ก็ยังไม่คืน แกยังกล้าพูดว่ามันดีกว่าฉันหมื่นเท่า ช่างน่าขำซะจริง”

หลินเย่นหัวเราะปากกว้าง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจและเหยียดหยามเฉินเฟิง ถ้าวันนี้เฉินเฟิงไม่แวะมาก็ดีไป ถ้ามันกล้ามา เธอจะแก้แค้นความแค้นที่มันเหยียดหยามเธอเมื่อวานคืนให้มันร้อยเท่าพันเท่า!

ระหว่างพูด เฉินเฟิงก็วิ่งมาที่ชั้นสอง

เขาเห็นหลินหวั่นชีวที่ขดตัวอยู่มุม กับสองแม่ลูกหลินเย่นที่เย่อหยิ่มทระนง พอเห็นรอยฝ่ามือบนหน้าแดงก่ำของหลินหวั่นชีว สีหน้าเฉินเฟิงก็เย็นชาขึ้นทันที

เขาก้าวเท้าเข้าไปกะจะพยุงหลินหวั่นชีวลุกขึ้น

ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งปราดเข้ามาขวางเขา

ผู้จัดการจางนั่นเอง

“คุณเป็นอะไรกับหลินหวั่นชีว?” ผู้จัดการจางมองสำรวจเฉินเฟิง ฟังจากที่หลินเย่นพูด ชายหนุ่มข้างหน้าเขานี่เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมีย เขาไม่มีทางจะญาติดีกับคนแบบนี้อยู่แล้ว

“ผมเป็นพี่ชายหลินหวั่นชีว” เฉินเฟิงขมวดคิ้ว

“พี่ชาย?”

“ในเมื่อเป็นพี่ชายหลินหวั่นชีว งั้นเรื่องนี้ก็จัดการง่ายละ”

“หลินหวั่นชีวน้องสาวคุณ จงใจเทน้ำแกงร้อนๆใส่คุณผู้หญิงท่านี้ ทำลายชุดราตรีราคาหนึ่งแสนเก้าหมื่นของเธอ แถมยังทำลายโอกาสในการคุยธุรกิจของเธอด้วย ทำให้ธุรกิจเธอเสียหายไปราวห้าแสน ดังนั้นคุณต้องชดใช้เงินให้คุณผู้หญิงท่านนี้เป็นเงินจำนวน...”

“หลีกไป!” ผู้จัดการจางยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนเฉินเฟิงตวาดเสียงเย็น

น้ำเสียงเขาเริ่มโมโห: “แกรู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน? กล้าเรียกฉันให้หลีก!”

“ฉันจะบอกให้ ทางที่ดีแกอย่าคิดจะเบี้ยวเงิน หลินหวั่นชีวน้องสาวแกทำคุณผู้หญิงท่านนี้เสียหายเป็นเงินทั้งหมดหกแสนเก้าหมื่น แกต้องจ่ายให้หมดห้ามขาดแม้แต่สตางค์เดียว...” ผู้จัดการจางถลึงตาใส่เฉินเฟิงอย่างมาดร้าย เขาต้องดึงร้านอาหารหงส์ขาวออกมาจากเรื่องนี้

เห็นได้ชัดว่า หลินเย่นรู้จักเฉินเฟิง ถึงความสัมพันธ์ทั้งคู่จะดูไม่เท่าไหร่ แต่ในด้านผลประโยชน์ ศัตรูก็กลายเป็นเพื่อนได้ เขากลัวเฉินเฟิงกับหลินเย่นจะทำสัญญิงสัญญาอะไรกันไว้ แล้วโบ้ยความผิดมาให้หงส์ขาว ดังนั้นเขาต้องเจาะจงความผิดหลินหวั่นชีวไว้ก่อนที่เฉินเฟิงจะได้คุยกับหลินเย่น

แต่ครั้งนี้ เฉินเฟิงหมดความอดทน

ผู้จัดการจางพูดยังไม่ทันจบ ก็โดนเฉินเฟิงกระชากคอเขาโยนออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร