ลูกเขยมังกร นิยาย บท 309

บทที่ 309 ตระกูลเฉิน

เฉินเฟิงเบนสายตามาที่จางอาน แต่กลับเห็นเขาทำหน้าไม่ยี่หระและดูถูก: “คุณผู้ชายคนนี้ ร้านอาหารหงส์ขาวเป็นธุรกิจของใคร คุณไม่มีสิทธ์ที่จะรู้ คุณรู้ไว้แต่เพียงว่า คนที่เป็นเจ้าของร้านอาหารหงส์ขาวเป็นคนที่คุณไม่สามารถจะตอแยด้วยได้ตลอดชาติก็พอ”

“หือ?” เฉินเฟิงยิ้มมุมปาก เขาไม่สามารถตอแยด้วยได้ตลอดชาติ?

ในชางโจวเล็กๆนี่ ยังมีคนที่เขาไม่สามารถตอแยด้วยได้ตลอดชาติอีกหรือ?

“เพื่อนผมไม่กล้าตอแยด้วยได้ งั้นคนอย่างผมหลินจงเหว่ยล่ะ พอจะมีสิทธิ์ต่อกรได้ไหม?!” หลินจงเหว่ยเอ่ยปากเสียงขรึม เขาก็อยากรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังร้านอาหารหงส์ขาวนี่จะเป็นใครกันแน่ ถึงทำให้จางอานกร่างได้ขนาดนั้น

“ประธานหลิน...” จางอานยิ้มมีเลศนัย และส่ายหน้าฉับพลัน: “ขออภัยด้วยที่ผมพูดตรงๆนะว่า แม้แต่คุณก็ต่อกรด้วยไม่ได้หรอก”

ผ่าง!

ทุกคนเงียบกันหมด

ในห้องโถง แขกมากมายเบิกตากว้างมองจางอาน สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

จางอานพูดอะไรออกมาน่ะ?

คนที่อยู่เบื้องหลังหงส์ขาว แม้แต่หลินจงเหว่ยก็ต่อกรด้วยไม่ได้?!

ล้อเล่นอะไรเนี่ย!

หลินจงเหว่ยน่ะเป็นตัวแทนตระกูลเฉินนะ ในชางโจวยังมีคนที่ตระกูลเฉินไม่กล้าต่อกรด้วยได้?!

สายตาตกตะลึงของทุกคนทำให้จางอานดูภูมิใจปนเย่อหยิ่งขึ้นมา

ถึงเขาจะเป็นแค่หมาตัวหนึ่งของคนที่อยู่เบื้องหลังหงส์ขาว แต่ในโลกนี้ก็มีคำที่เรียกว่านายว่าขี้ข้าพลอย!

คนอย่างเขาจางอานเป็นแค่หมาตัวหนึ่ง แต่เจ้านายเขานี่สิสุดยอด

สุดยอดถึงขนาดที่ทำให้เขาสามารถกร่างกับหลินจงเหว่ยซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทติ่งเฟิงได้เลยทีเดียว

“ผมอยากจะดูสักหน่อยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังร้านอาหารหงส์ขาวของพวกคุณเนี่ยจะเป็นเทวดามาจากภพภูมิไหน” หลินจงเหว่ยพูดเสียงเย็นชา เห็นได้ชัดว่าโกรธจัดกับคำพูดนี้ของจางอาน

พอเห็นหลินจงเหว่ยจะหยิบมือถือออกมาตรวจสอบเบื้องหลังของหงส์ขาว เฉินเฟิงก็เอ่ยห้ามไว้ด้วยรอยยิ้ม

“จงเหว่ย ไม่ได้สืบหรอก ฉันรู้แล้วว่าเบื้องหลังหงส์ขาวเป็นใคร”

ถ้าตอนแรกเฉินเฟิงแค่ไม่แน่ใจ พอจางอานพูดว่า แม้แต่หลินจงเหว่ยก็ไม่กล้าต่อกรด้วย ทำให้เขาแน่ใจในที่สุด

“นาย...เฉินเฟิงนายรู้?” ด้วยความร้อนใจ หลินจงเหว่ยเกือบเผลอเรียกเขาว่านายน้อยเฉิน

“รู้สิ” เฉินเฟิงพยักหน้า ยิ้มมุมปากมีเลศนัย: “แถมคนที่อยู่เบื้องหลังหงส์ขาวเนี่ย นายเองก็ควรจะรู้จักด้วยนะ”

“ผมก็น่าจะรู้จัก?” หลินจงเหว่ยงุนงง

เฉินเฟิงไม่ได้ตอบอะไร แต่หันไปมองหลินจงเหว่ยแบบมีความหมาย

หลินจงเหว่ยรู้สึกแปลกๆ ใบหน้าเริ่มมีสีหน้าประหลาดขึ้นมา

“คุณว่าเถ้าแก่ตอนนี้ของหงส์ขาวคือประธานหวาง?” เฉินเฟิงเบนสายตากลับไปที่จางอาน

“ใช่” จางอานไม่ปิดบังสักนิด เขายอมรับโดยตรง จากนั้นเขาก็มองเฉินเฟิงอย่างเยาะเย้ย: “ถึงเถ้าแก่ของหงส์ขาวเราตอนนี้จะเป็นประธานหวาง แต่เขาก็แค่ทำงานให้คนอื่นเท่านั้น เถ้าแก่ที่แท้จริงของหงส์ขาวเป็นคนอื่น”

“แต่ฐานะของคนๆนั้น ชาตินี้นายไม่มีสิทธ์ได้รู้หรอก” น้ำเสียงจางอานคือกร่างขั้นสุด คนไม่รู้อาจเข้าใจว่า เขาต่างหากที่เป็นเถ้าแก่ที่แท้จริงของหงส์ขาว

“งั้นหรอ?” เฉินเฟิงยิ้มหยัน: “ถ้าผมบอกว่าผมรู้ว่าเขาเป็นใครล่ะ คุณจะว่ายังไง?”

“นาย?” จางอานมองเฉินเฟิงอย่างเหยียดหยัน แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียคนหนึ่ง กล้าพูดจาใหญ่โตขนาดนี้

ฐานะเถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาว มันเป็นสุดยอดความลับ ทั่วทั้งชางโจวคนที่รู้ก็มีไม่เกินห้าคน

ที่คนอย่างเขาได้รู้ เพราะหวางไห่คว่าที่เป็นประธานกรรมการใหญ่คอยดูแลหงส์ขาวอยู่ตอนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องเขา

คนอื่น ต่อให้เป็นคนระดับเสิ่นหงชังก็ยังไม่มีสิทธิ์รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของเถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวเลย

แล้วนับประสาอะไรกับเฉินเฟิงนี่ล่ะ?

“ถ้านายรู้จริงๆว่าใครเป็นเถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาว งั้นฉันจางอาน วันนี้จะคุกเข่าเลียพื้นรองเท้านายให้เลย!” จางอานยิ้มเย็น ยังไงซะให้ตายเขาก็ไม่เชื่อว่า เฉินเฟิงจะรู้ความลับสุดยอดนี่ได้

“ได้ จำคำพูดคุณตอนนี้ไว้ดีๆนะ” เฉินเฟิงยิ้มบาง ท่าทีมั่นใจเต็มร้อย

หลินเย่นอดประชดไม่ได้ว่า: “นี่เจ้าขยะ มาทำโอ้อวดอะไรตรงนี้น่ะหะ?”

“แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียคนหนึ่ง ยังทำเหมือนตัวเองใหญ่ซะเต็มประดา เถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาว คนระดับนั้นน่ะแกมีปัญญาไปรู้จักด้วยหรือไง?”

“แม่คะ นายขยะนี่ชอบคุยโม้โอ้อวด แม่ไม่ใช่ว่าไม่รู้นี่คะ นี่คงได้ยินข่าวซุบซิบอะไรมา ก็จะเอามาโอ้อวดต่อหน้าเราเท่านั้นแหละ เราคอยดูมันหงายเงิบดีกว่าค่ะ” ถางรั่วเสวี่ยนก็ไม่ยอมน้อยหน้า พูดจาประชดเข้าให้

แต่เฉินเฟิงไม่ใส่ใจสองคนนี้ เขามองหน้าจางอาน ก่อนพูดออกมาสั้นๆสองคำว่า: “ยันเจียง”

โพล๊ะ !

ถึงจะมีแค่สองคำ แต่สมองจางอานกลับแตกกระจาย เหมือนโดนฟ้าผ่าใส่ เขาเริ่มหายใจเร็ว แต่ยังพอสะกดกลั้นอาการตกใจของตัวเองไว้ได้

“อะไร...ยันเจียงอะไร?” นายพูดอะไรน่ะ?”

“ผมบอกว่า เถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวมาจากยันเจียง” เฉินเฟิงมองจางอานยิ้มๆ: “ชัดเจนพอหรือยัง?”

มั่วแน่!

ต้องมั่วแน่ๆ!

จางอานร้องตะโกนในใจ เขาไม่เชื่อว่า เฉินเฟิงจะรู้ข้อมูลเรื่องเถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวจริงๆ เพราะข้อมูลนี้ถือเป็นความลับสุดยอด!

นอกจากคนระดับสูงไม่กี่คน ไม่มีใครรู้เลย!

“อยู่ที่ยันเจียงแล้วยังไงล่ะ?”

“เถ้าแก่ใหญ่ของยันเจียงเยอะจะตายไป ถ้านายจะอาศัยแค่สองคำว่ายันเจียงแล้วจะทำให้ฉันยอมรับล่ะก็ ยังไม่พอหรอก!” สีหน้าจางอานกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง เฉินเฟิงพูดมาทีเดียวทายถูกบ้านของเถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาว มันทำให้เขาตกใจมากจริงๆ แต่เขาไม่เชื่อว่า เฉินเฟิงจะรู้ข้อมูลของเถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวมากกว่านี้

“ยังไม่พอ?” เฉินเฟิงเลิกคิ้วถาม

“ไม่พอ!” จางอานส่ายหัว

“ตระกูลเฉิน” เฉินเฟิงพูดออกมาอีกสองคำ และมองหน้าจางอานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์สไตส์เขา: “สองคำนี้พอไหม?”

เฟี้ยบ!

สีหน้าจางอานขาวซีดในพริบตา เหมือนโดนหมัดหนักชกเข้าที่หัวใจก็ไม่ปาน เขาชะงักถอยหลังไปสามก้าวติด

เขารู้!

เขารู้!

จางอานร้องตะโกนในใจอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกเย็นเยียบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

ตระกูลเฉินคำนี้ ไม่เพียงทำลายเส้นบางๆเส้นสุดท้ายของจางอาน ยังทำให้แขกมากมายตะลึงไปตามๆกัน

ตระกูลเฉิน!

เป็นตระกูลเฉินหรอเนี่ย!

เถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวคือตระกูลเฉิน!

นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงจริงๆ

เถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวร้านเล็กๆ กลับเป็นตระกูลเฉินซึ่งเป็นตระกูลอันดันต้นๆของหวาเซี่ยนั่นน่ะนะ!

เหลือเชื่อจริงๆ!

มิน่าจางอานถึงได้กร่างขนาดนี้ กล้าพูดว่า แม้แต่หลินจงเหว่ยก็ไม่อาจต่อกรได้

หลินจงเหว่ยต่อกรไม่ไหวจริงๆ!

เพราะตระกูลเฉินเป็นเจ้านายของเขา!

นอกจากหลินจงเหว่ยแล้ว คนอื่นในที่นี่ก็ไม่มีใครต่อกรได้!

บางทีอาจต้องพูดว่า ทั่วทั้งชางโจวก็ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร