ลูกเขยมังกร นิยาย บท 342

บทที่ 342 องค์กรนักฆ่าเสินอิ่น

ผ่านไปอีกนาที ลมปราณสีดำในตันเถียนของสือโพ่จุนถูกทำลายจนหมดสิ้น

เฉินเฟิงดึงลมปราณตัวเองกลับ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

ถึงขมับของสือโพ่จุนจะเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่สีหน้าตื่นเต้นดีใจกลับบอกทุกอย่าง

หายแล้ว!

แผลโดนลอบทำร้ายที่ตันเถียนหายแล้ว!

เดิมทีเวลาเขาขับเคลื่อนลมปราณ ที่ตันเถียนมักจะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนอะไรฉีกขาด แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกนั่นแล้ว

สือโพ่จุนประกบมือคำนับอย่างจริงใจว่า: “เฉินเฟิง บุญคุณนี้ยิ่งใหญ่นัก โพ่จุนจะไม่พูดมากละ”

“แต่บุญคุณครั้งนี้ โพ่จุนจะระลึกไว้ในใจแน่นอน”

ต่อไปหากเฉินเฟิงมีเรื่องอะไรจะใช้โพ่จุน พูดมาได้เลย! ไม่ว่าจะขึ้นเขาลงห้วยยังไง โพ่จุนจะไม่มีทางปฏิเสธเลย!”

“พี่สือวางใจเถอะ ถ้าผมต้องการความช่วยเหลือล่ะก็ ผมจะเอ่ยปากแน่นอน” เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ

“จริงสิพี่สือ เมื่อกี้ตอนผมใช้ลมปราณรักษาตันเถียนให้พี่ พบว่ามีลมปราณสีดำที่หลงเหลือในตันเถียนนั่นเป็นลมปราณนินจาของพวกญี่ปุ่น พี่สือเคยประมือกับนินจาของญี่ปุ่นด้วยหรอ?” เฉินเฟิงถาม ทางญี่ปุ่นก็มีจอมยุทธ์ แต่คำที่พวกเขาใช้เรียกจอมยุทธ์ปกติจะเป็นนินจาหรือไม่ก็จอมดาบ

จอมยุทธ์หวาเซี่ยมีเป็นร้อยตระกูล กระจายไปทุกที่ บ้างฝึกเฉพาะลมปราณ บ้างก็ฝึกเฉพาะกระบี่ ดาบ พลอง...สรุปแล้ววิทยายุทธ์สิบแปดอย่าง จอมยุทธ์หวาเซี่ยมีครบหมด

ส่วนวิทยายุทธ์ของญี่ปุ่น เทียบกับหวาเซี่ยแล้วง่ายกว่าเยอะ

มีวิชาซ่อนตัวกับวิชาดาบเป็นหลัก นอกจากสองอย่างนี้แล้ว ยังมีประเภทอื่นเช่นวิชาตรึงวิญญาณอีก ถึงจะมีคนฝึก แต่ส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่

แต่วิชาซ่อนตัวและวิชาดาบไม่เหมือนกัน เพราะสืบทอดกันมานาน ทำให้สองวิชานี้กลายเป็นวิชาหลักในการสืบทอดไปแล้ว

ถ้ามีใครสามารถฝึกสองวิชานี้จนถึงระดับสูง คนนั้นจะน่ากลัวมากเลย!

คำพูดนี้เดิมเป็นของเซียวกั่วจง

ถึงจะเป็นถึงมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ แต่เซียวกั่วจงไม่เคยดูแคลนวิชาซ่อนตัวกับวิชาดาบของญี่ปุ่นเลย เขาเคยกำชับเฉินเฟิงหลายครั้งว่า ถ้าเจอคนญี่ปุ่นที่ฝึกวิชาซ่อนตัวกับวิชาดาบด้วย อย่าประมาทเด็ดขาด ไม่งั้นจะเพลี่ยงพล้ำเอาได้

คำเตือนของเซียวกั่วจง เฉินเฟิงระลึกไว้ในใจเสมอ ครั้งนี้ได้มาเจอสือโพ่จุนที่เหมือนจะเคยประมือกับนินจาของญี่ปุ่น เขาต้องสอบถามหน่อยแล้ว เพื่อให้เข้าใจจุดด้อยและจุดแข็งของนินจาญี่ปุ่น

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!

“ใช่ ผมเคยประมือกับนินจาญี่ปุ่นจริงๆ ลมปราณในตันเถียนผม นินจาที่เคยประมือกับผมตอนนั้นเหลือไว้” สือโพ่จุนพูดเสียงต่ำ สายตาฉายแววหวาดหวั่น

“หือ? พี่สือจะช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?” เฉินเฟิงเริ่มสนใจ

“ได้” สือโพ่จุนพยักหน้า ตามกฎของสหพันธ์สงครามแล้ว ทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับภารกิจห้ามเล่าให้คนนอกฟังเด็ดขาด แต่กฎนี้ไม่จำเป็นสำหรับเฉินเฟิง เพราะเฉินเฟิงเป็นศิษย์คนสุดท้องของผู้อาวุโสแห่งสหพันธ์สงคราม

“นั่นเป็นฤดูร้อนเมื่อห้าปีก่อน กองบัญชาการของสหพันธ์สงครามส่งข่าวมา บอกว่านินจาขององค์กรนักฆ่าเสินอิ่นลอบเข้ามาในจงไห่ จะมาลอบฆ่าประธานสมาคมการค้าจงไห่...” สือโพ่จุนเอ่ยปากเนิบๆ สายตาเหมือนกำลังระลึกถึงความทรงจำ

“ตอนนั้นกองบัญชาการสั่งสาขาจงไห่อย่างพวกเรา ไม่ว่ายังไงต้องรักษาชีวิตประธานสมาคมการค้าจงไห่ไว้ให้ได้! และในขณะเดียวกัน ให้พยายามหานกต่อของเสินอิ่นที่อยู่ในจงไห่ด้วย เพราะนกต่อคนนี้อาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ในสหพันธ์สงครามสาขาจงไห่ก็ได้”

หลบซ่อนตัวอยู่ในสาขาจงไห่?

เฉินเฟิงหรี่ตาลง ความหมายของสือโพ่จุนชัดมาก ห้าปีก่อนที่สหพันธ์สงครามสาขาจงไห่ อาจจะมีหนอนบ่อนไส้!

“เพราะคำสั่งของกองบัญชาการมากระชั้นไปหน่อย พวกเราเลยไม่ทันได้ตรวจสอบ ว่าใครเป็นนกต่อคนนั้นกันแน่ แต่ภารกิจปกป้องประธานสมาคมการค้าก็รีรออยู่เบื้องหน้า จะล่าช้าไม่ได้”

“ดังนั้นตอนนั้นเจ้าสำนักถึงเลือกศิษย์ของสาขาจงไห่หลายคนที่ไม่มีทางมีปัญหา ออกไปปฏิบัติภารกิจกับเขา พี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น” พูดถึงตรงนี้ สือโพ่จุนมีสีหน้าภูมิใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่ การได้รับการยอมรับถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ

“พอได้รับภารกิจ พี่กับพี่น้องหลายคนก็คอยคุ้มกันอยู่ข้างประธานสมาคมการด้าฉู่ตลอดยี่สิบสี่ชม. แถมยังวางเครือข่าย อะไรก็ตามที่จะก่อให้เกิดอันตรายถูกพวกเราจัดการดักไว้หมด

“เดิมคิดว่าภายใต้การคุ้มครองแน่นหนาแบบนี้ ประธานสมาคมการด้าฉู่คงไม่มีทางเกิดเรื่องแน่”

“แต่พวกเราก็คิดผิดไป” สือโพ่จุนถอนหายใจ อดหัวเสียไม่ได้

“วันนั้นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ประธานสมาคมการด้าฉู่จะจัดสัมมนาธุรกิจขึ้นที่โรงแรมคิมไท นักธุรกิจใหญ่โตมากมายของจงไห่มาร่วมงานกันเกือบหมด”

“สถานการณ์แบบนี้เกิดเหตุชุลมุนได้ง่าย ดังนั้นพวกเราเลยเตรียมการกันไว้ก่อน พวกพี่น้องที่เป็นอ้านจิ้งชั้นกลางคอยประกบประธานสมาคมการด้าฉู่ไม่คลาดสายตา พวกที่เป็นอ้านจิ้งชั้นต้นคอยเดินตรวจตราตลอดงาน เพื่อกำจัดคนน่าสงสัย แบบนี้จะสามารถขจัดความน่าเป็นที่จะเกิดอันตรายร้ายแรงออกไปได้”

“แต่ไม่คิดเลยว่า อันตรายจะเกิดขึ้นจนได้”

“พวกเราเอาแต่ระวังพวกนักธุรกิจในงานและยามรักษาความปลอดภัย แต่คิดไม่ถึงให้ระวังคนใกล้ชิดของประธานสมาคมการด้าฉู่ จนหลานชายคนหนึ่งของประธานสมาคมการด้าฉู่ประทับฝ่ามือไว้ที่ร่างเขา พวกเราถึงได้สติกลับมา...”

“น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว”

“ถึงประธานสมาคมการด้าฉู่จะไม่ตาย แต่ก็เป็นอัมพาตครึ่งตัว ตอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียงเลย”

“นักฆ่านั่นล่ะ?” เฉินเฟิงอดถามไม่ได้ เรื่องนี้สหพันธ์ชะล่าใจไปจริงๆ แต่ถ้าเป็นเขา ในสถานการณ์อย่างนั้นก็คงนึกไม่ถึงว่า คนใกล้ชิดที่ตนสนิทชิดเชื้อตลอดมาจะเป็นนักฆ่า

“หนีไปแล้ว” สือโพ่จุนพูดอย่างหัวเสีย: “เจ้านั่นเป็นนักฆ่าที่มาจากองค์กรนักฆ่าเสินอิ่น เป็นนินจา ฝีมือการซ่อนตัวมือฉมังนัก เขาฟาดฝ่ามือใส่ประธานสมาคมการด้าฉู่ต่อหน้าพวกเรา และก็หายไปในควันสีดำ”

“ผมกับพี่น้องแยกกันตามไป จากนั้นผมตามทันเขาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรม”

“พวกเราสองคนประมือกัน เพราะเมื่อก่อนไม่เคยได้ประมือกับนินจาญี่ปุ่นมาก่อน เลยไม่รู้กระบวนท่าวิชาของพวกเขา ระหว่างที่ประมือกันผมเพลี้ยงพล้ำโดนเขาซัดฝ่ามือใส่สามกระบวนท่าก็ล้มลง”

“ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นเขารีบร้อนจะหนี ขี้เกียจฆ่าผม ผมคงตายนานแล้ว” สือโพ่จุนถอนหายใจหนักหน่วงพลางว่า

“กระบวนท่าของนินจาญี่ปุ่นมีอะไรพิเศษหรอ?” เฉินเฟิงถาม

“แปลก! เจ้าเล่ห์! ร้ายกาจ!” สือโพ่จุนพูดออกมาสามคำด้วยสีหน้าจริงจัง

“ประมือกับพวกเขา คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า วินาทีต่อไปมีดสั้นของพวกเขาจะออกมาจากตรงไหน กระบวนท่าทั้งหมดของพวกเขามีไว้เพื่อลอบฆ่า ในการลอบฆ่า ความสามารถของพวกเขาเทียบเท่าขั้นสุดยอด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร