ลูกเขยมังกร นิยาย บท 343

บทที่ 343 ความแค้นในอดีต

เฉินเฟิงพยักหน้าแผ่วเบา วิชานินจาของญี่ปุ่นถือเป็นวรยุทธ์เพื่อการลอบฆ่าโดยเฉพาะ ในช่วงการปฏิรูปสมัยเมจิ จักรพรรดิญี่ปุ่นได้พัฒนาวิชานินจาจนถึงจุดสูงสุด

เพื่อรักษาความมั่นคงของอำนาจตัวเอง จักรพรรดิเมจิยังก่อตั้งองค์กรเฉพาะอย่างเสินอิ่นขึ้นมา เพื่อพัฒนานินจา ไว้ลอบฆ่าขุนนางที่เป็นปฏิปักษ์กับตนและศัตรูทางการเมือง

หลังจากที่สถานการณ์ภายในประเทศของญี่ปุ่นมั่นคง เสินอิ่นค่อยๆเปลี่ยนเป็นองค์กรจารชนสำหรับคนภายนอก

การจารชนของพวกเขาไปแทบทุกประเทศทั่วโลก หวาเซี่ยเองก็ไม่พ้นเหมือนกัน

“เฉินเฟิง ช่วงนี้นายต้องระวังหน่อยนะ เพราะอีกสิบห้าวัน สมาคมการค้าจงไห่หวาเซี่ยจะจัดการประลองกับสมาคมการค้าเชียสุ่ยของญี่ปุ่นที่ริมทะเล”

“การประลองครั้งนี้เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์อย่างมาก พวกเสินอิ่นอาจเล่นหมาลอบกัดได้ ช่วงนี้พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวในจงไห่แล้ว”

“นายเป็นลูกศิษย์คนสุดท้องของผู้อาวุโส ถ้าให้พวกเขารู้ว่านายก็อยู่จงไห่ พวกเขาคงออกตามล่านายให้วุ่นแน่” สือโพ่จุนกำชับอย่างเคร่งเครียด เสินอิ่นและสหพันธ์สงครามตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมาต่างต่อสู้กันทั้งแบบเปิดเผยและลักลอบในหลายๆที่ที่มองไม่เห็น เรียกได้ว่าความแค้นมากนัก

สาเหตุความแค้นนี้จะว่าไปก็เริ่มจากเซียวกั่วจง

ตอนนั้นเซียวกั่วจงใช้หนึ่งดาบเปิดฟ้าเพื่อบรรลุขั้นมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่ริมแม่น้ำหวงผู่ สะท้านเกินไปแล้ว!

ทำลายเจ็ดเรือกองทัพคนตะวันตกรวดเดียวไม่พอ ยังทำลายขวัญกำลังใจคนตะวันตกไม่เหลือซาก

ทำเอาวงการศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่นขวัญหายไปตามๆกันด้วย

เพื่อทำให้ประชาชนสงบ และเพื่อลดทอนความสามารถของหวาเซี่ย

ทหารระดับสูงของเสินอิ่นถึงได้ลงมติ ลอบฆ่าเซียวกั่วจง!

อาศัยตอนนี้ที่เซียวกั่วจงพึ่งบรรลุมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ ปราณในตัวยังไม่มั่นคง กำจัดเซียวกั่วจงไปด้วยเลย! จะไม่ยอมให้เซียวกั่วจงทันตั้งตัว ถ้าเขาตั้งตัวได้ ต่อไปเขาต้องเป็นมรสุมใหญ่ของวงการศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่นแน่

พอจัดการมติอันเป็นความลับสุดยอดนี่เสร็จ หัวหน้าองค์การนักฆ่าเสินอิ่นนำทีมเอง พานินจาห้าคนมาที่หวาเซี่ย

จากนั้น...ไม่มีใครรอดกลับไปเลย

ขั้นตอนการลอบฆ่าไม่มีใครรู้ คนในสหพันธ์สงครามรู้แต่ว่า วันต่อมาหลังจากที่องค์การนักฆ่าเสินอิ่นจาไป เซียวกั่วจงพาดกระบี่ไปที่หลังย่างก้าวเข้าสู้ดินแดนอาทิตย์อุทัยคนเดียว

ไม่ต้องถามเลย เซียวกั่วจงไปหาเสินอิ่น

ส่วนเรื่องที่ว่าเขาไปที่นั่นทำไม...

ไม่มีใครรู้จวบจนวันนี้

คนในสหพันธ์สงครามรู้แต่ว่า หลังจากเซียวกั่วจงกลับจากเสินอิ่น เสินอิ่นก็ปิดประตูเก็บตัว สิบกว่าปีหลังจากนั้นไม่มีนินจาเสินอิ่นกล้าโผล่หน้ามาอีกเลย ทั่วทั้งเสินอิ่นเหมือนหายไปจากโลกนี้ยังไงยังงั้น

ดังนั้นคนที่เสิ่นอิ่นแค้นที่สุดคือใคร เซียวกั่วจง ขึ้นอันดับหนึ่งเลย!

ถ้าคนที่ลอบมาหลบซ่อนตัวในจงไห่รู้ว่า เฉินเฟิงเป็นศิษย์คนสุดท้องของเซียวกั่วจง

งั้นคราวนี้พวกเขาไม่มีทางสนใจสมาคมการค้าจงไห่แน่ และจะเปลี่ยนแผนทั้งหมดมาต่อกรกับเฉินเฟิงแทน!

“ครับ ผมจะระวังตัว” เฉินเฟิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ที่สือโพ่จุนพูด เซียวกั่วจงไม่เคยบอกเขามาก่อน

แต่ฟังจากคำของสือโพ่จุนทำให้รู้ว่า ความแค้นที่เสินอิ่นมีต่อเซียวกั่วจงดูจะแค้นเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว

ถ้าพวกเขารู้ว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์ของเซียวกั่วจง คงหาทางแก้แค้นแน่

ถึงความสามารถเขาจะมีมาก แต่เรื่องดูเบาศัตรูนี่เขาไม่เคยทำมาก่อน แถมคราวนี้ศัตรูที่ต้องเผชิญยังเป็นนักฆ่าที่ผลุบๆโผล่ๆด้วย

ใครก็ไม่รู้ว่า พวกเขาจะโผล่ออกมาจากตรงไหน

พอสือโพ่จุนกลับไป ภายในห้องก็เหลือแค่เจ้าสามหวงกับเฉินจื๋อเหวินและเฉินเฟิงสามคน

เจ้าสามหวงหยิบซิก้าออกมาสูบ พลางเหล่เฉินเฟิงและพูดว่า: “ว่าไง เสี่ยวสือโถวน่ะเชื่อใจได้นะ! ต่อไปถ้าแกเจอปัญหาอะไรในจงไห่ หาเขาได้เลย”

เฉินเฟิงพยักหน้า หลายวันนี้ที่เขาอยู่จงไห่ ยังไม่รู้ว่าจะเจออะไร มีคนรู้จักเป็นทหารอย่างสือโพ่จุน เขาก็เบาใจลงไปเยอะเลย

“นายกับพี่สือ รู้จักกันได้ไงน่ะ?” เฉินเฟิงถามคำที่สงสัยออกมา ถึงบรรพบุรุษเจ้าสามหวงจะมีสายเลือดที่นี่ แต่ตัวเขาเกิดและเติบโตที่มาเลย์เซีย ส่วนสือโพ่จุนเห็นได้ชัดว่าเป็นคนหวาเซี่ยแท้ๆ สองคนที่ดูไม่เข้ากันเลย ไหงมาอยู่ด้วยกันได้ แถมยังดูสนิทสนมกันมากด้วย?

“ตอนนั้นฉันช่วยพวกเขาเอาไว้ทั้งครอบครัว” เจ้าสามหวงพูดอย่างขี้เกียจ: “หลายปีก่อน ครอบครัวเขามาเที่ยวมาเลย์ แล้วไปเตะหน้าแข้งพวกนักเลงท้องถิ่นเข้า โดนไล่ตามฆ่า วันนั้นฉันไปเดินเล่นแถวนั้นพอดี เห็นเข้าเลยช่วยไว้ทั้งครอบครัว”

“หลังจากนั้นเจ้านั่นก็บอกว่าติดหนี้ฉันหนึ่งชีวิต ถ้าวันหลังฉันมีอะไรให้ไปหาเขาได้เลย”

“ภายใต้การไม่ผิดกฎเกณฑ์ต่างๆ เขาจะช่วยฉันหมดเลย”

“ครั้งนี้ที่โดนลู่ตุงโสงและข่าจ้านตามฆ่า ฉันก็นึกถึงเจ้านี่ขึ้นมา”

เฉินเฟิงพยักหน้า ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

“เจ้านั่นยึดคำสัตย์มาก สมัยนี้คนที่ยึดถือคำสัญญาแบบนี้มีไม่มากแล้ว” เจ้าสามหวงถอนหายใจออกมา

ตอนถูกลู่ตุงโสงและข่าจ้านตามฆ่า เดิมเขาไม่คาดหวังอะไรกับสือโพ่จุนนัก เพราะการช่วยชีวิตทั้งครอบครัวครั้งนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน เจ็ดแปดปีผ่านไปแล้ว จะมีบุญคุณอะไรเหลืออีก

ดังนั้นตอนติดต่อไปที่สือโพ่จุน เขาแค่คิดว่าลองดูละกัน

แต่ไม่คิดว่า การลองครั้งนี้จะมีเซอร์ไพร์สตามมาด้วย

พอสือโพ่จุนได้ยินว่าเขาโดนตามฆ่า ก็รีบวางงานในมือลง วิ่งแจ้นมาที่มาเลย์นี่เลย และรับเขามาจงไห่ จัดการให้เขาอยู่โรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดของจงไห่ แถมยังให้คนตามอารักขาเขาตลอดยี่สิบสี่ชม.อีก

และเพราะเรื่องนี้ ทำให้เจ้าสามหวงคิดว่า คนอย่างสือโพ่จุนนี่ดี ควรค่าแก่การคบหาเป็นเพื่อนตาย

“แล้วลู่ตุงโสงกับข่าจ้านล่ะ คิดวิธีจัดการพวกมันออกหรือยัง?” เฉินเฟิงถาม ลู่ตุงโสงเป็นหัวหน้าแก๊งต้าหม่า ส่วนข่าจ้านเป็นเจ้าสำนักไฟ ลู่ตุงโสงเป็นคนหวาเซี่ย ข่าจ้านเป็นคนมาเลย์ ตามหลักแล้วทั้งคู่ไม่น่าจะสนิทกันได้

แต่หลังจากได้ยินว่าเจ้าสามหวงอาจได้บรรลุขั้นหั้วจิ้ง ทั้งคู่ก็รวมหัวกันเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสามหวงดวงแข็ง คงตายภายใต้การลอบทำร้ายของสองคนนี้นานแล้ว

“ตอนนี้ยังไม่มี เจ้าลูกหมาสองตัวนี่ คนหนึ่งเจ้าเล่ห์กว่าอีกคน อีกคนก็ยิ่งระมัดระวังตัวแจ ตราบใดที่ไม่มีข่าวแน่ชัด พวกมันไม่มีทางมาจงไห่แน่” เจ้าสามหวงส่ายหน้า ลู่ตุงโสงกับข่าจ้านได้เป็นถึงหัวหน้าแก๊ง สมองคงไม่กลวงแน่ มุกล่อเสือออกจากถ้ำนี่คงไม่เหมาะกับพวกเขาเท่าไหร่

“พวกเขาไม่มา งั้นเราก็ไปสิ” เฉินเฟิงพูดยิ้มเนิบๆ เจ้าสามหวงกลับมาเลย์ ต้องทำให้เจ้าสองคนนั้นตื่นตัวแน่ แต่เฉินเฟิงไม่มีปัญานั้นอยู่เลย

เพราะทั้งสองคนไม่รู้จักเขา และคงไม่คิดแน่ว่า การที่เขาไปมาเลย์ จะไปเอาชีวิตคนทั้งคู่

“แหะๆ ฉันรอแกพูดคำนี้แหละ ถ้าแกฆ่าเจ้าหมาสองตัวนั้นได้ ฉันจะแบ่งดินแดนในมาเลย์ของฉันให้แกครึ่งหนึ่ง” เจ้าสามหวงหัวเราะร่าบอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร