บทที่ 361 กิลล์pk
“เวลาอยู่ต่อหน้าคนเก่งจริงๆของโลกนี้ ของพวกนี้ของพวกเรามันไม่มีค่าอะไรเลย!”
“คำพูดคำเดียวของพวกเขาจะเอาทั้งหมดที่เรามีกลับไปทั้งหมด”
“ดังนั้นจื้อเคอ ต่อไปถ้าจะมีเรื่องกับใคร ต้องเช็คให้แน่ใจก่อนหาเรื่อง อย่าไปหาเรื่องพวกที่เราไม่ควรมีเรื่องด้วย”
“เกิดไปมีเรื่องด้วยจริงๆ ควรยอมก็ยอม อย่าไปแข็งข้อใส่”
“ต้องมีชีวิตถึงจะมีต้นทุน”
“เสียหน้าดีกว่าเสียชีวิต”
“พี่คุน ผมเชื่อพี่ครับ” จื้อเคอพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้ดีว่า หลิวคุนพูดคำพวกนี้ ไม่ได้อยากจะหลอกล่อให้เขากลัว ในโลกนี้มีคนประเภทนั้นจริงๆที่เขาไม่สามารถมีเรื่องด้วยได้
อย่างสือโพ่จุนเมื่อกี้ ถึงเขาจะยังไม่ได้ประมือกับสือโพ่จุนเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่เป็นไปได้มากว่าสือโพ่จุนจะเป็นคนประเภทนั้น
เห็นอู่จื้อเคอเหมือนจะโดนเขาทำให้ตกใจ หลิวคุนอดหัวเราะไม่ได้ เขาตบบ่าอู่จื้อเคอแผ่วเบาพลางว่า:
“จื้อเคอ ที่ฉันพูดน่ะนายไม่ต้องเก็บเอาไปคิดมากนะ เพราะบางทีฉันก็เคยมองพลาดเหมือนกัน ไม่แน่ว่าหมอนั่นในวันนี้อาจจะเป็นคนธรรมดาก็ได้”
“พี่คุน พี่หมายความว่า?” อู่จื้อเคออึ้ง
“กลับไปสืบเรื่องมันก่อน ดูว่ามันมีที่มายังไง ถ้ามีจริง ต่อไปพวกเราพี่น้องก็ยอมรับโดยดี”
“ถ้าไม่มี...” หลิวคุนไม่ได้พูดต่อ แต่แววเคียดแค้นในดวงตาเขามันทำให้อู่จื้อเคอแอบเสียวสันหลังวาบ
พอออกมาจากฮงเยคลับ เซียวรั่วยังคงมึนงงอยู่
จนถึงตอนนี้เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อว่า ตัวเองเดินออกมาจากฮงเยคลับนั่นครบถ้วนสามสิบสองส่วน
ไม่มีตำรวจนำออกมาด้วย!
ตั้งแต่ต้นจนจบ มีแต่สือโพ่จุนกับเฉินเฟิงสองคน
แทบจะพูดได้ว่า มีแค่เฉินเฟิงคนเดียว!
คำว่าไสหัวไปสองครั้งซ้อน หลิวคุนก็ยอมถอยโดยดี?
เขาทำได้ยังไงเนี่ย?
เฉินเฟิงไม่รู้ว่าในสมองเซียวรั่วคิดอะไรอยู่ ถ้ารู้เขาคงทำแค่ยิ้มน้อยๆ การต่อสู้ของเขากับหลิวคุน เป็นแค่แนวจิตวิทยา ทางออร่า คนธรรมดาอย่าว่าแต่จะดูออกเลย ต่อให้คุณอธิบายให้เธอฟังโดยละเอียด เธอไม่แน่ว่าจะเข้าใจเลย
ถึงหลิวคุนจะเป็นลูกคุณหนู แต่เขากลับไม่เหมือนลูกคุณหนูทั่วไป คนนี้มีความละเอียดอ่อน ทำอะไรรอบคอบ เห็นเขาแล้วรู้สึกเหมือนเป็นงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด เขาจะลงมือก็ต่อเมื่อมั่นใจว่าสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้ในพริบตาเดียว
ถ้าไม่มั่นใจ เขาจะอดกลั้นจนตาย
คู่ต่อสู้แบบนี้ สำหรับคนธรรมดาแล้วน่ากลัวมาก แต่สำหรับเฉินเฟิงธรรมดามาก ถ้าเฉินเฟิงคิด เขาสามารถขยี้หลิวคุนได้ทุกเมื่อ
ต่อหน้าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจริงๆ การวางแผนทั้งหมดมันไม่มีประโยชน์หรอก
“นี่นี่ นายทำได้ไงน่ะ?”
เซียวรั่วอดกลั้นความอยากรู้ไม่ไหว และถามออกไป
“ทำอะไรได้?” เฉินเฟิงอึ้ง
“ก็พาหวั่นชีวออกมาไง หลิวคุนน่ะมีอำนาจมากจะตาย ฮงเยคลับน่ะเป็นของอาเขา เขาพูดคำเดียวก็สามารถเรียกการ์ดของฮงเยคลับออกมาได้ทั้งหมด แต่นายกล้าด่าให้เขาไสหัวไปสองครั้ง เขากลับไม่กล้าโกรธนายด้วยซ้ำ แถมยังให้นายพาหวั่นชีวออกมาอีก” เซียวรั่วถาม
“คุณยังจำคำที่ผมพูดที่ฮงเยคลับได้ไหม?” เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ
“อะไร?” เซียวรั่วถามอึ้งๆ
“ผมอยากไป ใครก็ห้ามผมไม่อยู่”
เซียวรั่วสะอึก เฉินเฟิงเคยพูดแบบนี้จริง แต่ตอนนั้นเธอคิดว่าเฉินเฟิงคุยโว ตอนนี้ดูท่าเธอจะมองเขาพลาดไป
“ดังนั้นอย่าว่าแต่ฮงเยคลับเป็นของอาเขาเลย ต่อให้ทั่วทั้งจงไห่เป็นของอาเขา วันนี้ผมก็เดินออกมาจากที่นั่นได้” เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ พูดจบก็หมุนตัวเดินไป
“คุยโม้” เซียวรั่วเบ้ปากอยู่ที่เดิม บ่นพึมพำเสียงเบา เธอรู้สึกว่าการที่เฉินเฟิงเดินออกมาจากที่นั่นได้เพราะพึ่งพาสือโพ่จุน เทียบกับเฉินเฟิงแล้ว เธอกลับรู้สึกว่า สือโพ่จุนดูเหมือนมีฐานะไม่ธรรมดา
คำพูดที่สือโพ่จุนสั่งสอนอู่จื้อเคอ ไม่ใช่คนธรรมดาที่ไหนจะพูดได้
“จริงสิ คุณจะไปที่ไหนล่ะ? ผมจะให้พี่สือส่งคุณไปละกัน” เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เฉินเฟิงนึกขึ้นได้ว่า จะทิ้งสาวน้อยบอบบางอย่างเซียวรั่วไว้ที่นี่คนเดียวมันไม่ดี เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แถมเซียวรั่วยังดื่มเหล้ามาอีก ทิ้งเธอไว้ที่นี่เท่ากับเปิดโอกาสให้คนเลวบางคน
“ฉันอยากกลับไป...ตายล่ะ!” พูดได้ครึ่งเดียว เซียวรั่วอุทานหน้าซีดเผือด
“ทำไมหรอ?” เฉินเฟิงถาม
เซียวรั่วพูดด้วยสีหน้าร้อนรน: “วันนี้มีกิลล์ PK ฉันลืมไปซะสนิทเลย!”
“เดิมคิดว่าดื่มเหล้ากับหวั่นชีวเสร็จแล้ว จะกลับไปไลฟ์สดที่มหาลัยแน่ แต่ระหว่างทางกลับโดนพวกอู่จื้อเคอกับหลิวคุนทำเสียเวลาซะงั้น”
ไลฟ์สด? กิลล์ PK?
เฉินเฟิงงงมาก เขาไม่รู้ว่าเซียวรั่วพูดถึงอะไร
“เอ่อคือ นายช่วยพาฉันไปส่งที่โรงแรมได้ไหม ฉันอยากไปไลฟ์สดที่โรงแรม ตอนนี้กลับมหาลัยไม่ทันแล้ว”
เซียวรั่วมองเฉินเฟิงอย่างเกรงใจ มหาลัยอยู่ห่างจากที่นี่หลายสิบกิโล ตอนนี้กลับมหาลัยล่ะก็ เวลาไม่พอแน่ วิธีที่ดีที่สุดคือหาโรงแรมแถวนี้ใช้ก่อน
“ไม่มีปัญหา ผมพาคุณไปโรงแรมที่ผมพักละกัน” เฉินเฟิงพยักหน้า สิ่งที่เซียวรั่วขอมันไม่ยากเลยสักนิด
“รบกวนด้วยนะ” เซียวรั่วพูดอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ การกิลล์ PKคืนนี้สำคัญกับเธอมาก ผลการPKวันนี้จะกำหนดชีวิตเธอว่าต่อไปจะสามารถเป็นพิธีกรต่อได้หรือเปล่า
“จริงสิ ของที่ใช้ในการไลฟ์คุณเอามาด้วยไหม?” ถึงเฉินเฟิงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรคือออนไลน์PK แต่การไลฟ์สดต้องการอุปกรณ์อยู่บ้าง เฉินเฟิงยังพอรู้อยู่บ้าง
“เอามาแล้วล่ะ ของพวกนี้ปกติฉันจะใส่กระเป๋ามาอยู่แล้ว” เซียวรั่วบอก
“งั้นไปเถอะ รถพี่สืออยู่ทางโน้น” เฉินเฟิงพยักหน้า
จากนั้นก็อุ้มหลินหวั่นชีวไปทางรถสือโพ่จุน
“รถแลนโรเวอร์?!” พอเห็นรถเท่ห์อย่างแลนโรเวอร์สีดำทะมึน เซียวรั่วตกใจพูดอะไรไม่ออก ถึงเธอจะไม่ค่อยรู้เรื่องรถเท่าไหร่ แต่รถหรูระดับท็อปอย่างแลนโรเวอร์นี่เธอพอดูออกบ้าง
ที่ทำเซียวรั่วตะลึงไปกว่านั้นคือ รถแลนโรเวอร์คันนี้เป็นรุ่นกันกระสุนที่ดัดแปลงมาก่อนด้วย คนที่สามารถขับรถแลนโรเวอร์รุ่นกันกระสุนบนถนนในหวาเซี่ยได้ ฐานะไม่ต้องพูดถึงเลย
เซียวรั่วเริ่มเข้าใจว่า ทำไมหลังจากทำหลิวคุนเสียหน้าขนาดนั้นแล้ว เฉินเฟิงยังเดินออกมาจากห้องวีไอพีได้ครบสามสิบสองประการ
ทั้งหมดเป็นเพราะสือโพ่จุน!
สือโพ่จุนต้องมีฐานะเหลือเชื่ออะไรที่เธอนึกไม่ถึงแน่ และฐานะนี้คงไม่ใช่แบบที่หลิวคุนกับอู่จื้อเคอจะมีเรื่องด้วยได้แน่
ดังนั้นหลิวคุนเลยเลือกที่จะอดทนอดกลั้นหลังจากโดนเฉินเฟิงทำเสียหน้าขนาดนั้น
เซียวรั่วขึ้นนั่งที่นั่งด้านหลังโดยพกความแปลกใจอย่างแรงกล้าต่อสือโพ่จุนขึ้นไปด้วย
สิบกว่านาทีผ่านไป รถแลนโรเวอร์ก็แล่นมาจอดที่โรงแรมจิ่นไท่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...