ลูกเขยมังกร นิยาย บท 371

บทที่ 371 หาทางปั่นหัวให้แตกคอ

“ขอบคุณ แต่ไม่ต้องหรอก” เฉินเฟิงยิ้ม หลี่สื้อผิงก็ทำได้แต่เยาะเย้ยเขาแบบนี้เท่านั้นแหละ

“ไม่ต้อง?” หลี่สื้อผิงประชดในสีหน้า: “งั้นดี นายหารถไปเองละกัน ฉันพาซือหยวนไปก่อนละกัน” พูดจบ หลี่สื้อผิงเหยียบคันเร่งขับออกไปเลย

เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ กวักมือเรียกแท็กซี่ ตรงไปบ้านหวาง

ทุกคนในบ้านหวางเต็มไปด้วยบรรยากาศน่ายินดี พอก้าวเท้าเข้าคฤหาสน์ เฉินเฟิงก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมา

บนโต๊ะอาหารในห้องรับแขกเต็มไปด้วยอาหารอร่อยหลายอย่าง

แต่กลับไม่มีใครขยับ เหมือนกำลังรอคนอยู่

คนที่ถูกรอ ก็คือเฉินเฟิง

“หงอี้ ถ้าเรายังไม่ขยับตะเกียบกันอีก อาหารจะเย็นหมดแล้วนะ” เพิ้งเย้นฟางมองหวางหงอี้อย่างไม่ชอบใจนัก เธอไม่เข้าใจจริงๆว่า ทำไมหวางหงอี้ให้ความสำคัญกับเจ้าบ้านนอกจากชางโจวอย่างเฉินเฟิงมากขนาดนี้ พอได้ยินว่าเฉินเฟิงดิลออเดอร์ใหญ่ได้ หวางหงอี้ดีใจซะยิ่งกว่าได้ยินหวางเต๋อฟาซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆดิลออเดอร์ใหญ่ได้ซะอีก ถึงกับจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้เฉินเฟิง

แต่งานฉลองจัดเสร็จแล้ว คนทุกคนมาครบหมดแล้ว ตัวเอกอย่างเฉินเฟิงกลับยังไม่มา นี่ไม่ใช่จงใจแกล้งกันแล้วคืออะไร?

“รออีกหน่อย เสี่ยวเฟิงคงรถติดน่ะ” หวางหงอี้เอ่ยปากเสียงขรึม

“ติด? รถติดอะไร? เขาเลิกงานพร้อมกับสื้อผิงและซือหยวน มาก็ทางเดียวกัน ทำไมสื้อผิงกับซือหยวนมาแล้ว เขากลับรถติดอยู่กลางทาง” เพิ้งเย้นฟางยังคงร่ำๆไม่หยุด

“แม่คะ คนเขาไม่ใช่รถติดหรอก แต่ไม่อยากมามากกว่า ไม่เห็นแก่หน้าพ่อเล้ย” ตอนนี้หวางซือหยวนยิ้มเย็นพูดขึ้นมา

“ลูกจ้ะ พูดแบบนี้หมายความว่าไง?” เพิ้งเยิ้นฟางอึ้ง ทำไมเธอรู้สึกว่ามีความหมายแฝงในคำพูดลูกสาวล่ะ

“หมายความว่าไง?” หวางซือหยวนยิ้มเย็นพูดต่อ: “แม่คะ ถ้าหนูบอกแม่ว่า ตอนหนูกับสื้อผิงเลิกงาน เจอหมอนั่นที่หน้าประตูบริษัท แม่เชื่อไหมคะ?”

“เจอเจ้าบ้านนอกนั่น? แล้วทำไมไม่พามันมาด้วยล่ะ?” เพิ้งเย้นฟางอดถามขึ้นไม่ได้

“แม่คิดว่าพวกเราไม่อยากพามาหรอคะ?”

“ตอนนั้นสื้อผิงบอกเขาแล้วว่าพวกเราจะกลับบ้าน ไปทางเดียวกัน ให้เขาขึ้นรถมาด้วย แต่หมอนั่นไม่สนใจสื้อผิงสักนิด” หวางซือหยวนพูดเสียงเย็น

“สื้อผิง จริงหรือเปล่า?” เพิ้งเย้นฟางถามเสียงสูง เธอโกรธขึ้นมาทันที เธอนึกว่าที่เฉินเฟิงยังไม่มาเพราะมีเรื่องอะไร แต่ตอนนี้หวางซือหยวนกลับบอกว่า เฉินเฟิงมาพร้อมพวกเขาได้ แต่กลับไม่ยอมมา

“คุณป้า เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ตอนนั้นผมให้เฉินเฟิงขึ้นรถมาด้วยกัน แต่เขาไม่ยอมขึ้นรถผม” หลี่สื้อผิงทำหน้าลำบากใจ แต่ในใจลิงโลด ที่จริงเขาคิดจะพูดเรื่องนี้กลางโต๊ะอาหาร แต่ถ้าเขาเป็นคนพูด คงจะทิ้งภาพพจน์ไม่ดีอย่างคนขี้ฟ้อง ยุแยงให้แตกคอกันในสายตาหวางหงอี้แน่

แต่หวางซือหยวนพูดขึ้นมาก่อน เขาค่อยเสริมทัพ ก็จะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว

“ทำไมเขาไม่ยอมขึ้นรถเธอล่ะ? เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครหะ? นายกรัฐมนตรีหรือไง?!”

“เจ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! ให้พวกเรารอเขากันหมดนี่!” เพิ้งเย้นฟางโพล่งด่าออกมา

หวางหงอี้คิ้วขมวด: “เย้นฟาง เสี่ยวเฟิงไม่ใช่คนแบบนั้น เขาอาจมีเรื่องยุ่งต้องไปทำก่อน เลยไม่ได้นั่งรถสื้อผิงมา”

“พนักงานฝ่ายขายตัวเล็กๆอย่างเขามีเรื่องอะไรต้องยุ่งกัน? เขาจะยุ่งแค่ไหน จะยุ่งไปกว่าผู้จัดการฝ่ายขายอย่างสื้อผิงหรือไง?”

“สื้อผิงมาได้ ทำไมเขามาไม่ได้?”

“ฉันว่าเขาไม่อยากมาบ้านเรา ไม่อยากไว้หน้าคุณมากกว่า” เพิ้งเย้นฟางยุแยงตะแคงรั่วรัวๆ

หวางหงอี้ขมวดคิ้วแน่นขึ้น สัมผัสที่หกบอกเขาว่า เฉินเฟิงไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ตอนนั้นทุกคนต่างพากันไม่พอใจเฉินเฟิง ทำให้เขาอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้

ตอนนี้เอง เฉินเฟิงเข้ามาในห้องรับแขก

“ขอโทษครับ พอดีรถติด ทำให้ทุกคนต้องรอกัน” เฉินเฟิงเอ่ยปากขอโทษ รถแท็กซี่เขานั่งมาติดอยู่บนทางด่วนครึ่งชม. เขาเลยมาสายขนาดนี้ ถึงเรื่องนี้เขาไม่ผิด แต่มาสายมันคือเรื่องจริง

“รถติด? ฉันว่านายไม่อยากมาบ้านเรามากกว่า” เพิ้งเย้นฟางแค่นเสียงหึ จากนั้นประชดประชันเฉินเฟิง ถ้าไม่ใช่เพราะหวางหงอี้อยู่ที่นี่ เธอคิดจะไล่เฉินเฟิงออกไปเลยด้วยซ้ำ

“เย้นฟาง!” หวางหงอี้ถลึงตาใส่เพิ้งเย้นฟาง น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ คนมาแล้ว ยังจะพูดกันอีกทำไม

เขาเบนสายตามาที่เฉินเฟิง สีหน้าหวางหงอี้อาบรอยยิ้ม: “เสี่ยวเฟิง มานั่งก่อนสิ ขาดเราคนเดียวแล้วนะ”

“ครับ คุณอาหวาง” เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ มาเจอหวางหงอี้คราวนี้ สีหน้าหวางหงอี้ดูดีกว่าครั้งก่อนมาก เห็นได้ชัดว่า หลายวันนี้หวางหงอี้พักฟื้นดีขึ้นไม่น้อย

เฉินเฟิงนั่งลงเสร็จ หวางหงอี้หยิบตะเกียบขึ้น พูดเสียงกลั้วหัวเราะ: “ในเมื่อเสี่ยวเฟิงมาแล้ว งั้นเราเริ่มกินกันได้เลย”

“ก่อนกินข้าว มีข่าวดีจะบอกทุกคนหน่อย เชื่อว่าทุกคนรู้กันก่อนแล้วถึงเนื้อหาข่าว แต่พ่อก็ยังอยากพูดที่นี่อีกครั้ง”

“ก็คือ เสี่ยวเฟิงพึ่งเข้าทำงานที่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปได้วันแรก ก็ช่วยบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปเซ็นสัญญามูลค่ากว่าสิบล้านมาได้ ค่าคอมมิชชั่นของออเดอร์นี้...คือแปดแสน!”

หวางหงอี้พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแก้มแดงเรื่อ แปดแสน นี่เป็นกำไรเดือนหนึ่งของบริษัทการค้าเขาเลย แต่พอเฉินเฟิงลงมือ วันเดียวก็ได้มาแล้ว ดังนั้นหวางหงอี้เลยดีใจ และรู้สึกว่าตอนแรกตนมองคนไม่ผิดจริงๆ

เฉินเฟิงมีความสามารถจริงๆ

เทียบกับใบหน้าแดงเรื่อสดใสของหวางหงอี้แล้ว หลี่สื้อผิงกลับดูฝืนยิ้ม และยังแฝงความโกรธแค้นไว้ลึกๆด้วย ความแค้นที่เฉินเฟิงหักหน้าเขาต่อหน้าคนทั้งบริษัทยังไม่ได้ชำระเลย

“ค่าคอมแปดแสน เยอะจริงนะ” น้ำเสียงเพิ้งเย้นฟางดูประชดประชันไม่เปลี่ยน เธอยังคงดูถูกเฉินเฟิงไม่เปลี่ยนแปลง ในสายตาเธอ การที่เฉินเฟิงดิลออเดอร์ใหญ่แบบนั้นมาได้ เพราะโชคดีน่ะแหละ ไม่เกี่ยวอะไรกับความสามารถเลย

“ก็มากอยู่ครับ” เฉินเฟิงยิ้มเนิบๆ ในใจเพิ้งเย้นฟางคิดอะไร เขารู้ดี แต่ให้ถือสาคนคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ เฉินเฟิงขี้เกียจทำ

พอเห็นเพิ้งเย้นฟางยังประชดเฉินเฟิงไม่เลิก หวางหงอี้รีบยกแก้วเหล้าในมือขึ้น เอ่ยปากกลั้วหัวเราะว่า: “มา ทุกคนยกแก้วขึ้น ดื่มให้เสี่ยวเฟิงแก้วหนึ่ง ฉลองที่เฉินเฟิงได้รางวัลนี้ และขอให้เฉินเฟิงก้าวหน้ายิ่งขึ้นในหน้าที่การงาน เงินเดือนทะลุหลักล้านไวๆ”

“ขอบคุณครับคุณอาหวาง” เฉินเฟิงหัวเราะ พลางยกแก้วในมือขึ้นชนแก้วกับหวางหงอี้

หลี่สื้อผิงก็ยกแก้วขึ้นไปทางเฉินเฟิงด้วยสีหน้าจริงใจว่า: “เฉินเฟิง ความสามารถของนายทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ถึงฉันจะเป็นเจ้านายของนาย แต่ในด้านธุรกิจ ฉันนี่สู้นายไม่ได้จริงๆนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร