ลูกเขยมังกร นิยาย บท 375

บทที่ 375 ทำไมผมต้องกลัวด้วย

รู้สึกผิด

เพราะว่ารู้สึกผิด

หวางหงอี้รู้สึกผิดต่อเสี้ยเว่ยกั๋วมาตลอด

ดังนั้นเขาเลยอยากไถ่โทษโดยการทำดีต่อเขา

“เสี่ยวเฟิง อารู้ว่าเราเป็นคนมีน้ำใจ ไม่งั้นเหล่าเสี้ยคงไม่ยอมยกเมิ่งเหยาให้เราดูแลแน่”

“แต่เรื่องตอนนั้นมันผ่านไปแล้ว อากับเหล่าเสี้ยหลายปีมานี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไร”

“ดังนั้นเราอย่าทำเรื่องโง่ๆอย่าไปหาเรื่องวังตุงหยางเลยนะ”

“เราน่าจะเข้าใจนะว่า คำว่า วังโฉงหยางสามคำนี้หมายถึงอะไรในจงไห่”

หวางหงอี้ยังกำชับอย่างหนักแน่นต่อว่า วังโฉงหยางเป็นหนึงในวีรบุรุษที่ยังเหลืออยู่ตั้งแต่สมัยก่อตั้งประเทศขึ้นมา ฐานะของเขาในหวาเซี่ยไม่ด้อยไปกว่าพวกผู้อาวุโสที่ก่อตั้งประเทศมาเลย

ถึงตัวเขาจะไม่มีตำแหน่งอะไร แต่ไม่ว่าใครในจงไห่ เจอเขาก็ยังต้องเรียกเขาด้วยความเคารพนอบน้อมว่าท่านวัง

นอกจากฐานะที่สูงส่งของตัววังโฉงหยางเองแล้ว บ้านวังในตอนนี้ยังเป็นใหญ่ค้ำฟ้าของจงไห่อีกด้วย

บ้านวัง บ้านฉู่ บ้านส้ง บ้านฉินถือเป็นสี่ตระกูลใหญ่ของจงไห่

ในจงไห่ ฐานะบ้านวังไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้

“คุณอาหวาง วางใจเถอะครับ ผมไม่วู่วามหรรอก” เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ บ้านวังเป็นตระกูลที่มีประวัติมายาวนาน พวกเขาขาดอีกแค่นิดเดียวก็จะได้เข้าไปอยู่ในหกตระกูลดังของหวาเซี่ย

อาศัยแค่อำนาจของตระกูล ต่อให้เป็นตระกูลโห้ ณ เกาะก๊าง ก็ยังด้อยกว่าบ้านวังอยู่มาก

บุคคลระดับนี้ เฉินเฟิงไม่วู่วามไปหาเรื่องด้วยอยู่แล้ว โดยเฉพาะในที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้

พอทานข้าวเสร็จ เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านหวาง

ตอนกำลังจะออกไป ก็มีรถแท็กซี่แล่นเข้ามา

เฉินเฟิงกวักมือเรียกให้รถแท็กซี่หยุดลง เฉินเฟิงก้าวขึ้นไปนั่งที่นั่งด้านหลัง

“ไปโรงแรมจิ่นไท่ครับ”

“ได้เลย นั่งดีๆนะ”

คนขับหันมายิ้มอย่างใจดี และเหยียบคันเร่งพารถแท็กซี่สีฟ้าออกไป

เฉินเฟิงนั่งหรี่ตาลง กะจะพักงีบซักหน่อย

สิบกว่านาทีผ่านไป การกระตุกอย่างรุนแรงทำให้เฉินเฟิงตื่น

เขาลืมตาขึ้น และมองไปนอกหน้าต่าง พบว่าข้างนอกมืดสนิท อย่าว่าแต่ไฟถนนเลย โคมไฟสักดวงก็ไม่มี

เห็นได้ชัดว่า นี่ไม่ใช่ทางกลับโรงแรมจิ่นไท่ แต่เป็นทางขับออกนอกเมือง

ไม่งั้นไม่มีแม้แต่เงาคนบนถนนซักคนหรอก

“ตื่นแล้วหรอ?”

คนขับรถคอยสังเกตเฉินเฟิงผ่านทางกระจกหลังเสมอ พอเห็นเฉินเฟิงตื่น เขาก็ถามขึ้นยิ้มๆว่า

“ครับ ตื่นแล้ว” เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ

“นายดูเหมือน...ไม่กลัวเลย?” คนขับรถที่ใส่หมวกปากเป็ดขมวดคิ้วสงสัย เฉินเฟิงพบว่านี่ไม่ใช่ทางไปโรงแรมจิ่นไท่แล้ว ทำไมยังนิ่งขนาดนี้?

“กลัว?” เฉินเฟิงยิ้มมุมปาก: “ทำไมผมต้องกลัวด้วย?”

“คนที่ต้องกลัวเป็นพวกคุณมากกว่า”

“พวกเรา?” คนขับโกรธจนหัวเราะ สมองเจ้าเด็กนี่น้ำเข้าหรือพังไปแล้วหรือไง?

“อีกกี่นาทีถึงล่ะ?” เฉินเฟิงเอนหลังพิงเบาะถามอย่างเกียจคร้าน

“ถามทำไม? จะรีบไปตายหรือไงหะ?” น้ำเสียงคนขับเริ่มไม่พอใจขึ้นมา

“ไปตาย?” เฉินเฟิงแค่นยิ้ม: “คุณคิดมากไปแล้วล่ะ”

“ผมแค่อยากจัดการพวกลุงให้เสร็จเร็วๆ จะได้กลับไปนอนที่โรงแรมเท่านั้นเอง”

คนขับมุมปากกระตุก เขาพึ่งเคยเจอคนบ้าอย่างเฉินเฟิงเป็นครั้งแรก

“เพิ้งเย้นฟางจ้างพวกคุณมาล่ะสิ?” เฉินเฟิงยิ้มถาม นอกจากเพิ้งเย้นฟางแล้วไม่น่าจะมีคนอื่นแล้วล่ะ

เขาพึ่งมาจงไห่ไม่กี่วัน ยังไม่มีศัตรูที่ไหน เจ้าลิงผอมที่เจอบนทางด่วนมีคนหนึ่ง แต่ถ้าคนเบื้องหลังเขาจะจัดการตัวเอง ไม่ต้องใช้วิธีนี้เลย

หลิวคุนกับอู่จื้อเคอก็ด้วย

ส่วนหลี่สื้อผิง มีจุดอ่อนอยู่ในมือเขา ก่อนจะกำจัดจุดอ่อนนี้ไปได้ หลี่สื้อผิงไม่กล้าลงมือกับเขาแน่

คิดไปคิดมา ก็มีแค่เพิ้งเย้นฟางแล้วล่ะ

เพิ้งเย้นฟางน่าจะไปโทรเรียกคนมาตอนลุกจากโต๊ะอาหารไป คนขับรถที่ใส่หมวกปากเป็ดนี่เห็นได้ชัดว่ารออยู่หน้าประตูบ้านหวางนานแล้ว ไม่งั้นคงไม่ขับเข้ามาตอนเขาจะออกจากบ้านหวางหรอก

“นายว่าไงนะ? ฉันไม่เข้าใจ” คนขับถลึงตาใส่เฉินเฟิง

เฉินเฟิงยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ไม่พูดอะไร

หลายนาทีผ่านไป รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูโรงงานร้างแห่งหนึ่ง

คนขับรถใส่หมวกปากเป็ดเปิดประตูรถลงไปก่อน และเดินออกมา

จากนั้น เหล่าชายหนุ่มผลไฮไลท์หลากสีพร้อมอาวุธครบมือเจ็ดแปดคนเดินออกมาจากที่มืด

“พาคนมาหรือยัง?” ชายหนุ่มหัวทองที่เป็นหัวโจกถามหนุ่มใส่หมวกปากเป็ด

“พามาแล้ว อยู่ในรถแน่ะ” หนุ่มใส่หมวกปากเป็ดโบ้ยไปทางที่นั่งด้านหลัง

“ลากตัวออกมา!” หนุ่มหัวทองร้องสั่ง

“ปึ้ง”

พูดจบปุ๊บ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่น เห็นประตูที่นั่งด้านหลังโดนถีบกระเด็นลอยไปสิบกว่าเมตร กว่าจะไปกระแทกเข้ากับกำแพงโรงงาน

ซี๊ด!

ลูกน้องเจ็ดแปดคนนั้นสะท้านเยือกในอก รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

ตอนนี้เฉินเฟิงลงจากรถอย่างเนิบช้า กวาดตามองทุกคนที่ยืนตะลึง เฉินเฟิงพูดยิ้มๆว่า: “ขอโทษด้วยนะ ตอนเปิดประตูกะแรงผิดไปหน่อย ใช้แรงมากไปหน่อย”

ใช้แรงมากไปหน่อย?

นี่มันใช่แค่ใช้แรงมากไปหน่อยหรือไง?

ชายหนุ่มเจ็ดแปดคนไม่รู้จะใช้คำไหนมาบรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ดี พวกเขาแค่อยากร้องไห้

เห็นหลายคนขาสั่น ไม่กล้าพูดอะไร เฉินเฟิงอดผิดหวังไม่ได้

ทำไมหงอแบบนี้ล่ะ?

เฉินเฟิงถอนหายใจยาว: “พูดสั้นๆละกันนะ ผมรู้ว่าเพิ้งเย้นฟางให้พวกคุณมา”

“เธอคงอยากให้พวกคุณสั่งสอนผมซักยก จากนั้นก็เรียกร้องเงินจากตัวผม”

หนุ่มหัวทองหัวโจกกับหนุ่มหมวกปากเป็ดเบิกตากว้าง เจ้านี่เป็นปีศาจหรือไง ทำไมรู้หมดเลยว่าเพิ้งเย้นฟางพูดอะไรบ้าง?

“เพิ้งเย้นฟางเป็นอะไรกับคุณ?” เฉินเฟิงมองชายหนุ่มหัวทองหนึ่งที นายคนนี้ดูจะเป็นหัวโจก

“ฉัน...ฉันไม่...” หนุ่มหัวทองขยับปาก อยากปฏิเสธออกไป แต่ยังพูดไม่ทันจบ เฉินเฟิงตัดบทยิ้มๆขึ้นว่า: “คิดให้ดีก่อนพูดครับ คุณมีแค่โอกาสเดียว”

“เป็นน้าฉัน!” หนุ่มหัวทองแทบจะโพล่งออกมา ไม่กล้าปิดบังอะไรอีก

“ที่แท้ก็เป็นหลานชายเพิ้งเย้นฟาง” เฉินเฟิงพยักหน้าเข้าใจ

“วันนี้ผมอารมณ์ดี ไม่จัดการพวกคุณละกัน กลับไปบอกเพิ้งเย้นฟาง มีครั้งแรกครั้งที่สอง แต่จะไม่มีครั้งที่สามหรือสี่แน่! ที่ก่อนหน้านี้ผมไม่ถือสาเธอ ไม่ใช่เพราะผมกลัวเธอ แต่เป็นเพราะผมขี้เกียจถือสาเธอ”

“แต่ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด ถ้าเธอกล้ามาหาเรื่องผมอีก อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ!” สายตาเฉินเฟิงเปล่งประกายเย็นชาขึ้นวูบหนึ่ง คนแบบเพิ้งเย้นฟางไม่เจอดีซักหน่อย คงไม่มีทางรู้ว้าตัวเองเป็นใครแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร