ลูกเขยมังกร นิยาย บท 379

บทที่ 379 คนที่ผมจะตบก็หลิวเส้าฝู้นี่แหละ

“ตามเกาะแกะเสี้ยเมิ่งเหยา?”

“ตาข้างไหนของเธอมองเห็นฉันเกาะแกะเสี้ยเมิ่งเหยาหะ?”

“ผู้หญิงมือสองที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วอย่างมันจะคู่ควรให้ฉันเกาะแกะหรือไง?” หลิวเส้าฝู้ยิ้มหยัน ที่เขาพยายามจะจัดการเสี้ยเมิ่งเหยาให้ได้ เป็นเพราะเสี้ยเมิ่งเหยาสวยมาก เขาอยากได้ตัวเธอก็เท่านั้น

ส่วนเรื่องจะแต่งเสี้ยเมิ่งเหยาเข้าบ้าน? ไม่ต้องคิดเลย เพราะไม่มีวันเป็นไปได้

ยังไงเขาก็เป็นคุณชายตระกูลดังมีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้าน ผู้หญิงแบบไหนหาไม่ได้มั่งล่ะ? ให้แต่งผู้หญิงที่เคยหย่าร้างมาแล้วเป็นเมีย? เขาต้องสมองกลวงเท่านั้นแหละถึงจะทำ

เคยหย่า?

ผู้หญิงมือสอง?

พอได้ยินหลิวเส้าฝู้พูดแบบนี้ คนในห้องโถงต่างพากันเปลี่ยนสีหน้าไปตามๆกัน

ใครก็ไม่คิดว่า ประธานสาวสวยที่พึ่งมารับตำแหน่งของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปจะเป็นผู้หญิงมือสองที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้ว?

ข่าวนี้ถือเป็นข่าวฮอตฮิตจริงๆ

พริบตาเดียวเสียงซุบซิบดังกระหึ่มห้องโถง

สีหน้าเฉินเฟิงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

ไม่ต้องคิดเลยว่า หลิวเส้าฝู้พูดแบบนี้ จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงเสี้ยเมิ่งเหยาขนาดไหน

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั่วทั้งบริษัทจะลือเรื่องเสี้ยเมิ่งเหยาเคยหย่าร้างมาแล้วให้ว่อนแน่นอน

ใบหน้างามของฟางหย่าเริ่มเปลี่ยนสี เธอไม่คิดว่า หลิวเส้าฝู้จะไม่มีสมองถึงขนาดนี้ ขนาดเรื่องเสี้ยเมิ่งเหยาเคยหย่าร้างมาแล้วยังกล้าพูดออกมาในที่สาธารณะ

“คุณชายหลิว พูดอะไรน่ะคะ ประธานเสี้ยหย่าร้างตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้เลย...” ฟางหย่าฝืนยิ้ม เธอจะนั่งมองข่าวลือแพร่ออกไปไม่ได้ ต้องหาวิธีขจัดข่าวลือ เพราะเสี้ยเมิ่งเหยาพึ่งมาทำงาน ชื่อเสียงสำคัญมากสำหรับเธอ ถ้าให้คนที่บริษัทรู้ว่า เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างมา ต้องมีผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงเธอแน่

“ไม่รู้?” หลิวเส้าฝู้ยิ้มเย็น: “ฟางหย่า เธอมาตีหน้าซื่อใส่ฉันนี่สนุกหรือไง?”

“เรื่องที่นังแพศยาเสี้ยเมิ่งเหยาเคยหย่ามาแล้วน่ะ ขอแค่ไปสืบนิดเดียวก็รู้แล้ว ต้องทำเป็นพูดอะไรแบบนี้หรอ?”

“บอกเธอตามตรงนะ วันแรกที่เสี้ยเมิ่งเหยามาที่จงไห่ ฉันก็รู้แล้วว่าเธอเคยหย่ามาก่อน”

“แถมฉันยังรู้อีกว่า สามีเธอน่ะเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมีย แต่งมาสามปี ไม่เคยแตะต้องตัวเสี้ยเมิ่งเหยาเลย จนถึงตอนนี้เสี้ยเมิ่งเหยายังเวอร์จิ้นอยู่เลย”

หลิวเส้าฝู้ยิ้มเย็น ตอนเขาพูดคำพวกนี้ออกมา ไม่มีการปรับเสียงให้เบาลงเลย กลับเอ่ยพูดเสียงดังให้คนทั่วทั้งบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปได้ยินโดยทั่วกัน

เป้าหมายของเขาชัดมาก คือทำลายชื่อเสียงเสี้ยเมิ่งเหยา เพื่อให้เธอยอมศิโรราบใต้ร่างเขา

ไม่ต่างจากที่เฉินเฟิงคิดเลย พอหลิวเส้าฝู้พูดจบ ทั่วทั้งบริษัทวงแตกทันที

“แต่งงานมาสามปี ประธานเสี้ยยังเวอร์จิ้นอยู่เลย?! พระเจ้า ข่าวนี่สุดยอดเลย”

“แค่สุดยอดที่ไหนกัน ถ้าไม่ใช่คนพูดเป็นหลิวเส้าฝู้ ฉันจะไม่มีทางเชื่อเลยล่ะนะ? สามีเก่าของประธานเสี้ยมีปัญหาด้านนั้นหรือเปล่า ไม่งั้นปล่อยผู้หญิงสวยอย่างประธานเสี้ยไว้ได้ไงสามปีเนี่ย?”

“ถ้าพูดแบบนี้ แปลว่า สามีเก่าของประธานเสี้ยให้ประธานเสี้ยเป็นม่ายฟรีๆสามปีเลย?”

“มิน่าประธานเสี้ยชอบทำหน้าเย็นชาเป็นน้ำแข็งเดินได้ ที่แท้ก็ขาดเรื่องนี้นี่เอง”

“ไม่น่าจะแค่ขาดนะ น่าจะแค้นด้วย เธอไม่ได้ยินหลิวเส้าฝู้บอกหรอ สามีเก่าของประธานเสี้ยเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมีย ตอนนี้พวกคนแบบนี้มีใครบ้างที่มีความสามารถน่ะ? ฉันว่า สามีเก่าของประธานเสี้ยไม่เพียงไม่สามารถเติมเต็มเรื่องนั้นให้ประธานได้ เรื่องการงานก็ไม่ได้เรื่องด้วย ไม่งั้นเขาคงไม่กลายเป็นสามีเก่าหรอก”

สีหน้าฟางหย่าเปลี่ยนสีไม่ซ้ำกัน ไม่ต้องถามเลย คำพูดของหลิวเส้าฝู้ก่อให้เกิดผลอะไรขึ้น อย่างมากวันหนึ่ง รับรองว่าข่าวลือของเสี้ยเมิ่งเหยาจะกระจายไปทั่วบริษัทแน่นอน

“ฟางหย่า ตอนนี้เธอจะให้ฉันเข้าไปหาประธานเสี้ยได้หรือยังล่ะ?” หลิวเส้าฝู้มองฟางหย่ากึ่งสะใจ ชื่อเสียงของเสี้ยเมิ่งเหยาจะเสียหายไหม เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ เขาสนแค่ร่างกายของเสี้ยเมิ่งเหยา ไม่ได้สนใจตัวบุคคลนี่นา

“คุณชายหลิว คุณ...”

“คุณอะไรคุณ? ฟางหย่า ฉันจะบอกให้นะ เรื่องที่ฉันรู้มาเกี่ยวกับเสี้ยเมิ่งเหยา ไม่ใช่แค่สองเรื่องนี้ ถ้าเธอยังไม่ยอมให้ฉันเข้าไป วันนี้ฉันจะโพนทะนาเรื่องแม่นั่นออกมาให้หมดเลย” หลิวเส้าฝู้ยิ้มกะเหลี่ย เขาไม่เชื่อหรอกว่า ฟางหย่าจะยอมให้เขาโพนทะนาเรื่องทั้งหมดออกมาตรงนี้เลย

“ค่ะ ฉันจะพาคุณไปพบประธานเสี้ย” ฟางหย่าสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งเฮือก สุดท้ายก็ยอมลงให้หลิวเส้าฝู้

ถ้าปล่อยให้หลิวเส้าฝู้พูดพล่ามต่อไป คงจะก่นด่าเสี้ยเมิ่งเหยาซะไม่เหลือดี

พอเห็นฟางหย่ากับหลิวเส้าฝู้เดินไปทางลิฟท์ ทุกคนในห้องโถงพยายามใจจดใจจ่อเหมือนรอดูละคร มีเพียงเฉินเฟิงคนเดียวที่สีหน้าเย็นชาขั้นสุด

หลังจากสายตาเปล่งประกายเย็นชาขึ้นวูบหนึ่ง เฉินเฟิงรีบตามติดฟางหย่าและหลิวเส้าฝู้เข้าไปในลิฟท์

ฟางหย่าพึ่งก้าวเท้าเข้าไป ก็รู้สึกเจ็บที่ท้ายทอย จากนั้นก็ล้มลงสลบเหมือดไปเลย

พอเห็นฟางหย่าสลบลงกับพื้น หลิวเส้าฝู้ถึงได้สติว่าเกิดอะไรขึ้น เขาชี้หน้าเฉินเฟิงลนลานร้องว่า: “แก...แกทำอะไรน่ะ?!”

เฉินเฟิงยิ้มเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรกับหลิวเส้าฝู้ เขาเดินไปยืนตรงหน้าหลิวเส้าฝู้ และยกมือขึ้นตบหน้าหลิวเส้าฝู้ฉาดใหญ่

“เพี๊ยะ”

เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังขึ้นในลิฟท์

ตบฉาดใหญ่ของเฉินเฟิงทำหลิวเส้าฝู้หมุนคว้างกับที่ ฟันลอยออกจากปากเขาสองสามซี่

มีเสียงหึ่มๆในหัวดังขึ้น หลิวเส้าฝู้ถึงได้สติว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาเขาแดงก่ำขึ้นทันที เหมือนมีเปลวไฟแห่งความโกรธลุกโพลงในอก เขากัดฟันกรอดมองเฉินเฟิง: “แก...แกกล้าตบฉัน?! แกรู้ไหมว่าพ่อฉัน...”

“เพี๊ยะ”

หลิวเส้าฝู้ยังไม่ทันพูดอะไรมาก เฉินเฟิงก็ยิ้มเย็นและสะบัดมือตบหน้าอีกข้างของหลิวเส้าฝู้เข้าให้อีกฉาด

โดนตบสองทีรวด หลิวเส้าฝู้รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้บ้าเต็มทน

เจ้าบ้านี่ใครกัน?

เจ้านี่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเขา มันถือดียังไงมาตบเขาเนี่ย?

พอเห็นเฉินเฟิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อีก หลิวเส้าฝู้ลนลานขึ้นมาทันที เขารีบยกมือขึ้นพนมขอร้องเฉินเฟิง: “อย่าพึ่งตบนะอย่าพึ่ง นายจำคนผิดหรือเปล่า? ฉันไม่มีความแค้นอะไรกับยาย ฉันไม่เคยเจอนายมาก่อนด้วยซ้ำ...”

“ไม่เคยเจอผม?” เฉินเฟิงแค่นยิ้มมุมปาก

ยิ้มเย็นนี่ทำให้หลิวเส้าฝู้ใจกระตุกวูบ แต่เขายังคงรีบอธิบาย: “ใช่ ฉันแน่ใจนะ ฉันไม่เคยเจอนายมาก่อนเลย นายน่าจะตบผิดคนแล้วล่ะ”

“ตบผิดคน?” เฉินเฟิงหรี่ตามอง: “นายชื่อหลิวเส้าฝู้ใช่ไหม?”

หลิวเส้าฝู้ตะลึง ก่อนพยักหน้า: “ฉันชื่อหลิวเส้าฝู้จริง...”

“เพี๊ยะ”

หลิวเส้าฝู้พูดยังไม่ทันจบ เฉินเฟิงก็สะบัดมือตบหน้าเขาให้อีกฉาด

“ในเมื่อชื่อหลิวเส้าฝู้ งั้นก็ไม่ได้ตบผิด”

“คนที่ผมจะตบคือหลิวเส้าฝู้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร