บทที่ 381 ยกโทษให้ด้วย
“นายคิดมากไปละ ความบาดหมางของฉันกับหลิวเส้าฝู้น่ะยังไม่ถึงขั้นเข่นฆ่าชีวิตกันหรอก” เฉินเฟิงหัวเราะ ถึงหลิวเส้าฝู้จะพูดจาดูถูกถากถางในห้องโถงไว้มากมาย ทำให้ชื่อเสียงเสี้ยเมิ่งเหยาเสียหายไปไม่น้อย แต่จะให้เขาฆ่าหลิวเส้าฝู้จริงๆ เขาก็ทำไม่ได้
แต่อย่างน้อยต้องสั่งสอนให้หลาบจำ
“งั้นพี่เฟิงคิดจะ...” หลี่เล่ออดมองเฉินเฟิงอย่างสงสัยไม่ได้
“ฉันจะคิดอะไรล่ะ นายพาฉันไปส่งที่หนึ่งก็รู้แล้ว” เฉินเฟิงบอก
“ได้ครับ” หลังสงสัยเล็กน้อย ในที่สุดหลี่เล่อก็พยักหน้า เฉินเฟิงให้เขาขับไปส่ง ความหมายมันชัดเจนมากกว่า เฉินเฟิงเชื่อใจเขา! ถ้าไม่งั้นคงไม่ยอมให้เขาเห็นเรื่องแบบนี้หรอก
ดังนั้นเวลานี้เขาไม่สามารถทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของเฉินเฟิงได้โดยเด็ดขาด
หลังจากโยนหลิวเส้าฝู้ไว้ท้ายรถ เฉินเฟิงกับหลี่เล่อก็ขึ้นรถ
ครึ่งชม.ผ่านไป รถก็เคลื่อนตัวเข้าไปจอดในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง
ถ้าเผิงชิงเฟิงอยู่ที่นี่ล่ะก็ ต้องมองออกแน่ว่า ที่นี่คือที่ๆพวกเขาเตรียมเล่นงานเฉินเฟิง
“พี่เฟิง มาที่นี่ทำไมน่ะ?”
บางทีอาจเพราะปล่อยร้างไว้นาน ดังนั้นทั้งโรงงานเลยดูวังเวงมาก แทบจะเรียกว่าดูลึกลับพิกล ทำเอาหลี่เล่ออดกลัวไม่ได้
“เข้าไป นายก็รู้เอง” เฉินเฟิงยิ้มมีเลศนัย ใช้มือเดียวหิ้วร่างหลิวเส้าฝู้ขึ้นมาพลางก้าวเท้าเข้าโรงงานร้าง
ถึงจะสงสัย แต่หลี่เล่อก็พยักหน้าพลางเดินตามเฉินเฟิงเข้าไป
สองนาทีผ่านไป ทั้งคู่เดินมาจนถึงริมลำธารเล็ก บอกว่าเป็นลำธารเล็ก ที่จริงเรียกว่าบ่อน้ำที่ใหญ่หน่อยน่าจะดีกว่า เพราะพื้นที่ของทั้งลำธารไม่ถึงสองร้อยตารางเมตร
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นป้ายบอกระวังน้ำลึกอันตรายที่ติดอยู่ข้างลำธาร คนปกติไม่มีทางคิดว่าที่นี่เป็นลำธารเล็กหรอก
“พี่เฟิง มาที่นี่ทำไมเนี่ย?” หลี่เล่องุนงง ลำธารด้านหน้าดูไม่มีอะไรแปลก ถ้าจะฆ่าคนซ่อนศพล่ะก็ คาดว่าโยนศพลงไปวันนี้ พรุ่งนี้ก็ลอยขึ้นอืดขึ้นมาแล้ว
เฉินเฟิงไม่ได้ตอบหลี่เล่อ แต่ยิ้มมองหน้าเขาพูดว่า: “ไปเอาเชือกไนล่อนที่อยู่ท้ายรถมาสิ”
“ได้ครับ”
หลี่เล่อพยักหน้า หมุนตัวไป
เฉินเฟิงยิ้ม พลางเบนสายตาไปที่ต้นวิลโลว์แก่ข้างลำธาร
ต้นวิลโลว์แก่นี้หยั่งรากลงลึกบนพื้นตรงข้ามลำธาร ดังนั้นครึ่งหนึ่งของรากเลยหยั่งลึกลงพื้น อีกครึ่งอยู่บนผิวลำธาร ส่วนอีกครึ่งโผล่พ้นน้ำมาไม่เยอะ
หนึ่งนาทีผ่านไป หลี่เล่ออุ้มเชือกกองใหญ่วิ่งหอบเล็กๆเข้ามา
“พี่เฟิง เชือกไนล่อนได้แล้ว”
“อืม” เฉินเฟิงพยักหน้า มองหลิวเส้าฝู้ที่อยู่บนพื้น ก่อนว่า: “จับเขาโหนเชือกขึ้นมา”
“โหนเชือก?”
หลี่เล่ออึ้งเล็กน้อย ก่อนลงมือทำ
ระหว่างที่โหนเขา คาดว่าหลี่เล่อจะใช้แรงมากไป ทำให้หลิวเส้าฝู้ตื่นขึ้นมา
พอหลิวเส้าฝู้ตื่น สายตามองรอบด้านอย่างงุนงง และมองชัดในพริบตา ตอนเขาพบว่าตัวเองอยู่ในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง แถมมีลำธารอยู่ห่างไปไม่ไกล เขาก็ตกอยู่ในอาการหวาดกลัว จนตัวสั่นงันงกขึ้นมา
เขาคิดได้ไม่กี่คำว่า ฆ่าคนปิดปาก ซ่อนหลักฐานทำลายศพ!
“ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตฉันเถอะ พี่ ...ไม่สิ ท่าน ยกโทษให้ด้วยนะท่าน!” หลิวเส้าฝู้ร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตาน้ำมูกไหลพราก เสียงร้องเรียกได้ว่าโหยหวนสุดๆ
หลี่เล่อมองเฉินเฟิงอย่างลำบากใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว การกระทำต่างๆของเฉินเฟิงไม่เหมือนจะปล่อยหลิวเส้าฝู้เลย
เฉินเฟิงคงไม่ฆ่าหลิวเส้าฝู้จริงๆหรอกนะ?
“รู้จักกลัวแล้วหรอ?” เฉินเฟิงเดินมายืนหน้าหลิวเส้าฝู้ มองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“รู้แล้วรู้แล้วครับ ท่าน ผมผิดไปแล้ว” ต่อหน้าความเป็นความตาย หลิวเส้าฝู้ละทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างลง กลายเป็นหมาหงอยตัวหนึ่งเท่านั้น
“รู้จักกลัวแล้ว?” เฉินเฟิงยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา: “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้ว สงสัยจะช้าไปหน่อยนะ!”
ช้าไป?
หลิวเส้าฝู้ใจกระตุก สั่นหัวทั้งน้ำตาว่า: “ท่าน ไม่ช้า ไม่ช้าไปหรอก”
“ท่าน ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ ต่อไปผมไม่กล้าอีกแล้ว ท่าน ผมให้เงินคุณได้เยอะมากนะ สิบล้าน ไม่สิ ร้อยล้านเลย!”
“ขอแค่ท่านยอมปล่อยผมไป ให้ผมทำอะไรก็ได้นะ”
ท่าทีร้องขอชีวิตของหลิวเส้าฝู้ทำหลี่เล่อมองอย่างสับสน เขาไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันหนึ่งได้มาเห็นหลิวเส้าฝู้ที่อยู่สูงส่งจนเคยตัวมีทีท่าหงอแบบนี้ต่อหน้าเขา
ที่แท้พวกคนมีเงิน เวลาเผชิญหน้าความเป็นความตาย ก็กลัวซะยิ่งกว่าคนจนอย่างเขาซะอีก
“วางใจได้ ฉันไม่ฆ่านายหรอก” เฉินเฟิงส่ายหัว เขาไม่ได้คิดจะฆ่าหลิวเส้าฝู้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เขาอยากจะทำคือ ให้บทเรียนที่หลิวเส้าฝู้จะลืมไม่ลงไปชั่วชีวิตก็เท่านั้น
“ไม่ฆ่าผม?” หลิวเส้าฝู้อึ้งก่อน จากนั้นขอบคุณทั้งน้ำตา: “ขอบคุณมากท่าน ขอบคุณมาก ขอบคุณที่ไม่ฆ่าผม”
“อย่าพึ่งรีบขอบคุณเลย ไว้นายรอดจากปากพวกมันได้ แล้วค่อยขอบคุณฉันก็ไม่สาย” เฉินเฟิงยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มที่ทำให้หลิวเส้าฝู้เย็นยะเยือกไปทั้งตัว
“ท่าน...หมายความว่าไง?” ใบหน้าหลิวเส้าฝู้เผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา เขาไม่เข้าใจว่า พวกมันของเฉินเฟิงคืออะไร
“เดี๋ยวนายก็รู้แล้วล่ะ” เฉินเฟิงยิ้ม เขาเดินมาหน้าหลิวเส้าฝู้ ใช้มือเดียวหิ้วหลิวเส้าฝู้ขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปที่ต้นวิลโลว์แก่ริมลำธาร
หลี่เล่อทำหน้าเหลอหรา นี่เฉินเฟิงจะทำอะไรกันแน่? คิดจะจับหลิวเส้าฝู้โหนไว้บนต้นวิลโลว์แก่หรอ?
วินาทีต่อมา เฉินเฟิงพิสูจน์ความคิดของหลี่เล่อจนได้
เขาจับหลิวเส้าฝู้โหนไว้บนกิ่งของต้นวิลโลว์แก่ที่อยู่เหนือลำธารจริงๆ ทำให้หลิวเส้าฝู้อยู่ห่างจากริมน้ำแค่สามเมตร
พอจับหลิวเส้าฝู้โหนเสร็จ เฉินเฟิงไม่ได้ละไปจากกิ่งต้นวิลโลว์ในทันที แต่มองลงไปในลำธาร เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
หลี่เล่อที่อยู่ข้างลำธารยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก
เฉินเฟิงคิดจะทำอะไรกันแน่?
“พี่เฟิง พี่...” หลี่เล่อกะจะถามต่อ แต่พูดไปได้ครึ่งเดียว เขาก็เบิกตากว้าง หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
ถ้าตอนนี้มีใครมองดวงตาของหลี่เล่อ คงเห็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวสุดขีดฉากหนึ่ง
ในดวงตาของหลี่เล่อ สะท้อนภาพจระเข้ตัวใหญ่เกือบหนึ่งเมตรขึ้นมา!
เรือนร่างเต็มไปด้วยเกล็ดละเอียด ปากกว้างซึ่งเต็มไปด้วยเลือดอ้าขึ้น ฟันแหลมคมกระจายความหนาวเย็นที่ทำให้คนเย็นยะเยือกออกมา
ไม่ต้องถามเลย เป้าหมายของจระเข้ที่น่ากลัวตัวนี้คือหลิวเส้าฝู้กับเฉินเฟิงที่อยู่บนกิ่งต้นวิลโลว์
“พี่เฟิง ระวัง!” หลี่เล่อแทบจะตะโกนออกมา ตอนนี้เขาไม่ทันคิดแล้วว่า ทำไมลำธารเล็กๆแบบนี้ถึงมีจระเข้าได้ สิ่งเดียวที่เขาคิดคือ เฉินเฟิงจะตายไม่ได้
ในตอนที่หลี่เล่อตะโกนคำนี้ออกมา เฉินเฟิงไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่มุมปากเผยรอยยิ้มบางขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...