ลูกเขยมังกร นิยาย บท 388

บทที่ 388 เลียบเคียงถาม

“หวังหย่าหนาน พูดอะไรหน่อยสิ!” เซียวรั่วก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าวด้วยท่าทีคาดคั้น

“เธอไม่ได้พูดว่า พี่เฟิงเป็นแฟนคลับคนรวยที่ซื้อของขวัญให้ฉันหรือไง? เธอไม่ได้พูดว่า พี่เฟิงเลี้ยงฉันกับหวั่นชีวหรือไง? ตอนนี้ล่ะ เธอยังกล้าพูดคำพวกนั้นอีกครั้งไหม?” เซียวรั่วมองหวังหย่าหนานอย่างเย็นชา เธอจะอาศัยโอกาสนี้ล้างโคลนที่หวังหย่าหนานสาดใส่หลินหวั่นชีวไปด้วยเลย

หวังหย่าหนานสาดโคลนใส่เธอ เธอไม่แคร์ เพราะเธอทำตัวเองสกปรกนานแล้ว แต่หวังหย่าหนานสาดโคลนใส่หลินหวั่นชีว เธอไม่ยอม!

“ฉัน...”

หวังหย่าหนานขยับปาก แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี เธอไม่ใช่ไม่มีหลักฐาน เธอแค่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ฮงเยคลับคืนนั้นออกมา ทุกคนก็จะเข้าใจเองว่า เฉินเฟิงตรงหน้านี้ไม่ธรรมดาเลย

แต่เธอกล้าไหมล่ะ?

เธอไม่กล้า!

ถ้าเธอกล้าพูดเรื่องที่เฉินเฟิงตบหน้าหลิวคุนกับอู่จื้อเคอออกมา สองคนนั้นต้องถลกหนังเธอแน่

“ต่อไปพยายามสาดโคลนใส่ร้ายคนอื่นให้น้อยลงนะ สร้างบุญให้กับปากตัวเองบ้าง” เซียวรั่วมองหวังหย่าหนานอย่างเย็นชา รู้สึกสะใจขั้นสุด รถซานตาน่าของเฉินเฟิงช่วยแก้แค้นให้เธอได้สักที

“หวังหย่าหนานนี่น้า อิจฉาริษยาหลินหวั่นชีวก็พูดสิ ใช้วิธีสกปรกแบบนี้ทำไม”

“นั่นสิ ยังจะบอกว่าไอ้กระจอกนี่เป็นแฟนคลับสุดรวยที่ซื้อของขวัญให้เซียวรั่วอีก คิดว่าพวกเราตาบอดหรือไง?”

“ก็แค่พวกเรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละ ฉันดูออกแต่แรกแล้วว่าเธอไม่ใช่คนดีหรอก”

สาวๆพากันเบนเข็มไปทางหวังหย่าหนาน เพราะคำพูดก่อนนี้ของหวังหย่าหนานทำให้พวกเธอต้องออกมาเผชิญความหนาวตอนนี้ ตอนวิ่งออกจากหลังเวที นึกว่าจะได้เห็นตัวจริงของแฟนคลับสุดรวยคนนั้น สุดท้ายกลับได้เจอแค่ไอ้กระจอกที่ขับซานตาน่า แกล้งกันชัดๆ

คำต่อว่าของสาวๆเข้าหูหวังหย่าหนานไม่ตกสักคำ แต่หวังหย่านานก็ไม่มีหนทางปฏิเสธได้เลย

“ต้องมีสักวันที่พวกเธอจะเข้าใจได้เอง”

โดนด่าจนเริ่มทนไม่ไหว หวังหย่าหนานพ่นคำพูดหนึ่งออกมา ก่อนสะบัดหน้าไปจากหน้ามหาลัย

“พี่เฟิง พวกเราเข้าไปกันเถอะ งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว” พอไม่มีแมลงวันกวนใจอย่างหวังหย่าหนาน เซียวรั่วก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

“ได้” เซียวรั่วยิ้มพยักหน้า

จากนั้น หลินหวั่นชีวกับเซียวรั่วเดินขนาบข้างเฉินเฟิงซ้ายขวาเข้าสู่มหาลัยจงไห่

ฉากนี้ทำให้พวกที่ตามจีบหลินหวั่นชีวตาร้อนผ่าวไปตามๆกัน

ถึงคำพูดเมื่อกี้ของเซียวรั่วจะพิสูจน์แล้วว่าเฉินเฟิงไม่ใช่แฟนคลับมหารวยคนนั้น แต่ความสัมพันธ์ของเฉินเฟิงกับหลินหวั่นชีวก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ

ทุกคนที่นั่น ขอแค่ตาไม่บอดก็จะมองออกว่า สายตาที่หลินหวั่นชีวมองเฉินเฟิงเต็มไปด้วยความดีใจขนาดไหน ความดีใจนั่นมันปลอมกันไม่ได้หรอก

เป็นความรู้สึกจริงๆที่ออกมาจากใจ

จะไม่ให้พวกเขาริษยาได้ยังไง?

“เวรเอ๊ย ไอ้กระจอกที่ขับซานตาน่ากล้าสนใจหวั่นชีว?”

และพวกคนใหญ่คนโตคับจงไห่พวกนี้เป็นโอกาสที่ดีมาก

ถ้าเฉินเฟิงเป็นคนธรรมดา พอได้ยินเธอพูดแนะนำคนใหญ่คนโตอย่างหยางเจี้ยนโสงกับจูชิ่งเฟิง แววตาเขาต้องเผยความอิจฉาออกมาแน่ ถ้าเฉินเฟิงไม่ใช่คนธรรมดา และมีฐานะมากกว่าหยางเจี้ยนโสงและจูชิ่งเฟิง พอได้ยินเธอแนะนำแบบนี้ บางทีเขาอาจมีสีหน้าไม่ยี่หระหรือไม่แยแสออกมาก็ได้

สองแววตานี้ไม่ว่าแบบไหนก็พอให้เธอสรุปได้ถึงฐานะที่แท้จริงของเฉินเฟิง

น่าเสียดายที่เฉินเฟิงทำให้เซียวรั่วผิดหวังอีกครั้งจนได้

หยางเจี้ยนโสงและจูชิ่งเฟิงที่เซียวรั่วแนะนำให้ เฉินเฟิงไม่เผยสีหน้าอะไรออกมาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แววตาเขาเรียบเฉยตลอด ทั้งไม่อิจฉาและนิ่งเฉย

ทำให้เซียวรั่วปวดหัว เธอพบว่า เธอเดาอะไรเฉินเฟิงไม่ได้เลย เฉินเฟิงตรงหน้าเธอไม่เหมือนชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่เธอเคยพบมาเลยสักนิด

ท่าทีเคร่งขรึมของเขาเหมือนก้อนหินอายุร้อยปีก็ไม่ปาน ไม่มีอารมณ์ใดๆโผล่ออกมาให้เห็นเลย

ในใจเซียวรั่วคิดยังไงเฉินเฟิงไม่รู้ ถ้ารู้เขาคงส่ายหน้าขำว่า เซียวรั่วเธอคิดตื้นเกินไปแล้ว

หยางเจี้ยนโสงกับจูชิ่งเฟิงอาจจะเป็นสุดยอดในสายตาคนปกติ

แต่ในสายตาเขา สองคนนั้นไม่มีอะไรเลย

ไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่ดึงสือโพ่จุนออกมา ก็สะบัดพวกเขาสองคนไม่เห็นฝุ่นแล้ว

ทั้งสองคนนั้นจะทำให้เขารู้สึกอะไรได้ยังไง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร