บทที่ 393 ประลองบุ๋นกับบู้
เฉินเฟิงไม่ได้สนใจไป๋เหวินซั่ว เขาหันไปมองหลินหวั่นชีว เขาถามเธอหน้ายิ้มๆว่า: “เธอชอบเขาไหม?”
“ไม่ชอบ” หลินหวั่นชีวไม่มีลังเลสักนิด แทบจะตอบทันทีที่จบคำถามเลย
“โอเค” เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ เบนสายตาไปที่ไป๋เหวินซั่ว “ได้ยินแล้วใช่ไหม หวั่นชีวไม่ชอบนาย”
“ได้ยินแล้ว แล้วไงต่อล่ะ?” สีหน้าไป๋เหวินซั่วดูทะมึน โดนหลินหวั่นชีวปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง ทำให้คนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอดอย่างเขาเริ่มรับไม่ไหวแล้ว
“จากนั้น...”
เฉินเฟิงยิ้มบางๆ: “จากนั้นนายก็ไสหัวไปได้แล้วไง”
“หวั่นชีวไม่ชอบนาย นายยังหน้าด้านตามเกาะแกะเธออยู่ที่นี่ มันมีความหมายอะไรล่ะ”
หน้าด้านตามเกาะแกะ?!
คำอธิบายเบาๆไม่กี่คำประหนึ่งฝ่ามือตบหน้าไป๋เหวินซั่วดังฟังชัด เขารู้สึกว่าหน้าของตัวเองเจ็บแสบเอามากๆ
แต่เขายังข่มความโกรธในใจไว้ พูดเสียงต่ำว่า: “จะให้ฉันไสหัวไป? ได้! เอาความสามารถมาวัดกัน ถ้านายมีความสามารถอะไรที่ทำให้ฉันไสหัวไปได้ ฉันจะไปเอง!”
“ความสามารถอะไรทำให้นายไสหัวไปได้?” เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ
“ความสามารถที่ทำให้ฉันยอมรับได้!” ไป๋เหวินซั่วยิ้มเย็น: “ก่อนนี้ฉันเคยพูดไว้ ถ้านายเป็นลูกผู้ชายล่ะก็ ให้ขึ้นเวทีมาสู้กับฉันซึ่งๆหน้า คนแพ้ก็ยอมรามือไปจากหวั่นชีวเอง...”
“ได้” ไม่รอไป๋เหวินซั่วพูดจบ เฉินเฟิงรับปากทันที
ไป๋เหวินซั่วอึ้งชั่วขณะ ก่อนจะดีใจมาก เขาไม่คิดว่าเฉินเฟิงจะกล้ารับปากจริงๆ และยังรับปากไวมากด้วย
“นายแน่ใจ? คนแพ้ต้องไปจากหวั่นชีวนะ..”
“แน่ใจ จะแข่งบุ๋นหรือบู้ นายเลือกเลย ไม่ว่าจะแบบไหนฉันรับคำท้าหมด” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือคุณชายหยิ่งทระนงอย่างไป๋เหวินซั่วคือ ใช้ความสามารถที่เหนือกว่าจัดการเขาให้อยู่หมัด
“นายรับหมด? นายจะเอาอะไรมารับ?” ไป๋เหวินซั่วยิ้มเย็นอย่างดูถูก เจ้าโง่เฉินเฟิงยังคิดว่าตัวเองเก่งอีก แค่ไอ้กระจอกที่ขับรถซานตาน่ามือสอง มีอะไรมาเทียบกับผู้สืบทอดกิจการหมื่นล้านอย่างเขาได้กัน?
“นายไม่ต้องยุ่งว่าฉันใช้อะไรรับ นายแค่บอกว่าจะบุ๋นหรือบู้ก็พอ” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ
“บุ๋นละกัน บู้คงไม่ต้องหรอก ฉันกลัวควบคุมตัวเองไม่ได้ขึ้นมาแล้วจะซ้อมนายจนปางตาย วันนี้เป็นฤกษ์ดี ไม่ควรเห็นเลือด” ไป๋เหวินซั่วพูดอย่างเย่อหยิ่ง เดิมเขาคิดจะเลือกประลองบู้ แล้วซ้อมเฉินเฟิงปางตายกลางเวที ให้บทเรียนที่เฉินเฟิงจะลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต แต่ถ้าทำแบบนี้จะส่งผลกระทบด้านลบต่อชื่อเสียงมหาลัยจงไห่ ทำให้คณาจารย์ไม่พอใจเขาได้
“บังเอิญจริง ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” เฉินเฟิงเลิกคิ้วบอก จำเป็นต้องพูดจริงๆว่า โชคของไป๋เหวินซั่วไม่เลวเลย ถ้าเขาเลือกประลองบู้ คงไม่มีแม้แต่โอกาสจะลงมือ
“นายก็คิดแบบนี้ด้วย?” ไป๋เหวินซั่วหลุดหัวเราะพรืด ขยะอย่างเฉินเฟิงกล้าพูดโอ้อวดคำโตไม่กลัวกลืนน้ำลายตัวเองหรือไง?
“ใช่” เฉินเฟิงยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม
“ดี ดีมาก!”
“ในเมื่อนายจะแข่งบุ๋น งั้นฉันก็จะแข่งบุ๋นกับนาย”
“แต่ก่อนแข่ง ฉันจะบอกนายไว้ก่อน เรื่องการเล่นดนตรี การเดินหมาก การเขียนหรือการวาดภาพนี่คนธรรมดาหลายคนไม่มีโอกาสได้สัมผัสตลอดชีวิต ตอนฉันเจ็ดขวบก็เรียนรู้ครบหมดแล้ว”
“นายก็เห็นฝีมือการเดี่ยวเปียโนของฉันเมื่อกี้แล้วนี่ ระดับของฉันอาจจะไม่สูงสุดระดับประเทศ แต่ถ้าแชมป์เมืองนี่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือเลย”
“ดังนั้นไม่ใช่ฉันดูถูกนาย แข่งบุ๋นกับฉัน นายไม่มีโอกาสชนะเลย!”
“ถ้าแข่งบู้นายอาจจะพอมีหวังชนะอยู่บ้าง...”
“ทำไมพูดมากจัง จะแข่งไหมเนี่ย?” ไม่รอไป๋เหวินซั่วพูดจบ เฉินเฟิงขมวดคิ้วตัดบทเขา เพลง《เฟือร์เอลีเซอ》ที่ไป๋เหวินซั่วเล่นเมื่อกี้เขาฟังแล้ว ฝีมืออาจจะดีกว่าคนธรรมดาหน่อย แต่ถ้าเทียบกับมืออาชีพแล้วไม่เข้าขั้นเลย ไม่รู้ว่าตัวไป๋เหวินซั่วเอาความมั่นใจมาจากไหน
“แก...” ไป๋เหวินซั่วโกรธจัด และถลึงตาใส่เฉินเฟิง: “ในเมื่อแกอยากหาเรื่องแพ้ งั้นก็แข่งกันเลย”
“อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสแก แข่งบุ๋น จะแข่งอะไร แกเลือกเลย แกถนัดอะไรฉันก็แข่งอันนั้นกับแก” น้ำเสียงไป๋เหวินซั่วเย่อหยิ่งขั้นสุด เขาไม่เพียงจะชนะ ยังต้องชนะขาดลอยด้วย ส่วนวิธีที่ดีที่สุดในการชนะขาดลอยคือให้เฉินเฟิงแสดงความสามารถที่ถนัดที่สุดออกมา จากนั้นเขาจะเอาชนะเฉินเฟิงในสิ่งที่เฉินเฟิงถนัดที่สุดเนี่ยแหละ
“งั้นก็เปียโนละกัน ที่นี่มีแกรนด์เปียโนอยู่พอดี” เฉินเฟิงหันไปมองเปียโนด้านข้างและพูดออกมา
“แกแน่ใจนะว่าจะแข่งเปียโนกับฉัน?!” ไป๋เหวินซั่วเบิกตากว้าง เขารู้สึกเหลือเชื่อมาก นี่เจ้าโง่เฉินเฟิงสมองจมน้ำแล้วหรือไง มันมองไม่ออกเลยหรอว่าสิ่งที่ตัวเขาเองถนัดมากที่สุดคือเปียโนน่ะ?
เสียงฮือฮากึกก้องเมื่อกี้ตอนเขาเดี่ยว 《เฟือร์เอลีเซอ》 เฉินเฟิงมองไม่เห็นหรือไง?
“แน่ใจ” เฉินเฟิงยิ้มบาง ไป๋เหวินซั่วอยากฉีกหน้าเขา เขาเองก็ใช่ว่าไม่อยากฉีกหน้าไป๋เหวินซั่วนี่นา ไป๋เหวินซั่วพึ่งจะเดี่ยว《เฟือร์เอลีเซอ》และได้หน้าไปมากโขอยู่นี่ งั้นฉันจะใช้ความสามารถที่แท้จริงเหยียบนายให้จมดินอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าฉันนี่แหละ
“ดี ดี ดี! ฮะฮะฮะ ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะตาไร้แววขนาดนี้” ไป๋เหวินซั่วดีใจมาก เขาพูดคำว่าดีติดกันสามครั้ง เฉินเฟิงแข่งเปียโนกับเขา นี่มันคือการปล่อยไก่ของหนูต่อหน้าราชสีห์ชัดๆ
“แกจะเล่นเพลงอะไร?” ไป๋เหวินซั่วถาม ไม่รอเฉินเฟิงตอบ เขาก็ซ้ำอีกคำว่า: “บอกก่อนเลยนะ ไม่ว่าแกจะเล่นเพลงอะไร ฉันจะเล่นเพลงเดียวกันกับแก”
มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะหยามน้ำหน้าเฉินเฟิงได้จั๋งหนับ ทำให้เฉินเฟิงรู้ว่า ความแตกต่างระหว่างคนกระจอกกับคุณชายอย่างเขาน่ะมันมากแค่ไหน
เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆพลางว่า: “《เฟือร์เอลีเซอ》”
“อะไรนะ?!”
“แกจะเล่น 《เฟือร์เอลีเซอ》?!”
เฉินเฟิงพูดจบ ไป๋เหวินซั่วเบิกตากว้าง ไอ้กระจอกนี่ไม่กลัวตายหรือไง แข่งบุ๋นแล้วเลือกแข่งเปียโนว่าแย่แล้ว เพลงที่จะแข่งดันเหมือนของเขาอีก มันไม่รู้คำว่าตายสะกดยังไงจริงๆหรอ?
“ทำไม มีปัญหาหรอ?” เฉินเฟิงถามเสียงเรียบ
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา ฮะฮะ” ไป๋เหวินซั่วหัวเราะร่า เฉินเฟิงหาเรื่องเสียหน้าเองแท้ๆ ถ้าเล่นเพลงอื่น บางทีคนดูที่ไม่เข้าใจเปียโนอาจจะแยกความแตกต่างของระดับฝีมือพวกเขาไม่ออกเท่าไหร่
“วัยรุ่นหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกันเลยนะ” โซนวีไอพี จูชิ่งเฟิงกุมขมับส่ายหัว น้ำเสียงดูถูก เฉินเฟิงรับปากแข่งกับไป๋เหวินซั่ว ทำให้เขาประหลาดใจพอดูแล้ว แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ ตอนนี้เฉินเฟิงจะเล่นเพลงเดียวกับไป๋เหวินซั่วด้วย นี่มันเอาไข่ไปกระทบหินชัดๆ
ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงหรอ?
ฉู่ชีงฉือยิ้มนิ่ง ถ้าเป็นคนอื่น เธออาจจะคิดเหมือนกับจูชิ่งเฟิง
แต่นี่คือเฉินเฟิง
ถึงจะเคยเจอเฉินเฟิงแค่ครั้งเดียว ตามที่เธอเข้าใจในตัวเฉินเฟิงแล้ว เขาไม่เหมือนคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลย
นอกจากความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ที่น่าตกใจแล้ว ฝีมือเปียโนของเฉินเฟิงคงไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่แน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...