บทที่ 39 กล้องหน้ารถหรือ
“ยืมเงินแล้วไม่คิดที่จะคืน กลับคิดจะชนคนที่ให้ตัวเองยืมเงินตาย ใจดำจริงๆ !”
“แม้แต่เงินซื้อออดี้ 6ล้วนมีแล้ว ทำไมไม่คืนเงินให้คนล่ะ!”
“หน้าตาดูดีเหมือนคนแต่ทำตัวเหมือนสุนัข สิ่งที่ทำออกมากลับไม่เป็นคนที่สามารถทำออกมาได้”
คนข้างถนนต่างๆเอ่ยปาก คนไม่น้อยล้วนยืนอยู่ฝั่งซุนกุ้ยฟางแม่ลูก
“ทุกคนฟังฉันพูด เธอเป็นป้าฉัน เห็นสามีฉันซื้อรถใหม่ เธออยากจะวิ่งให้รถชนหวังเรียกเงินค่าเสียหาย..........” เสี้ยเมิ่งเหยารีบจนจะร้องไห้แล้ว
แต่คนข้างทางกลับไม่ฟังเธออธิบายแม้แต่นิด
“เชอะ! แม้แต่มิจฉาชีพก็ออกมาแล้ว ทั้งๆที่เป็นพวกมึงยืมเงินแล้วไม่คืน ยังจะใส่ร้ายคนอื่นอีก”
“ทำเป็นตลก ป้าบ้านใครจะวิ่งให้รถชนหลานสาวของตัวเองล่ะ”
“คนที่มีเงินกลุ่มนี้ ไม่มีสักคนเป็นคนดี!”
คนทั้งหลาย คุณหนึ่งคำ ฉันหนึ่งประโยค เฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยาเหมือนดั่งคนทำผิดร้ายแรงที่ให้อภัยไม่ได้
ซุนกุ้ยฟางพอใจจ้องมองเฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยาหนึ่งที ความยุแยงในตาเห็นได้ชัด อยากจะสู้กับกู กลิ้งกลับไปที่ท้องแม่ฝึกฝนอีกสองปีเถอะ
จ้องมองซุนกุ้ยฟางที่มีความพอใจเต็มหน้า เสี้ยเมิ่งเหยายิ่งโมโหจนไม่รู้จะทำยังไง แต่ในตอนนี้เธอกลับทำอะไรซุนกุ้ยฟางไม่ได้แม้แต่นิดเพราะว่าคนทั้งหลายล้วนยืนอยู่ฝั่งซุนกุ้ยฟางนี้
“คุณพูดว่าผมยืมเงินคุณห้าแสนหรือ?” ในเวลานี้ เฉินเฟิงเอ่ยปากอย่างเย็นชา
“ใช่สิ สองปีก่อนมึงบอกว่าอยากจะทำการค้าขาย มาหากูเพื่อยืมเงิน กูก็เอาเงินในบ้านห้าแสนที่ขายบ้านให้มึงยืม ตอนเวลานั้นมึงพูดว่ามากที่สุดแค่หนึ่งเดือนก็จะคืนให้กู แต่ผลสุดท้ายกลับถ่วงเวลาไปแล้วสองปี ..........” ซุนกุ้ยฟางมีเหตุผลเพียงพอพูดได้อย่างเต็มที่ คนที่ไม่รู้เรื่องราว ล้วนดูไม่ออกว่าเธอกำลังพูดโกหกอยู่
“นั่นสัญญากู้ยืมล่ะ? คุณให้ผมยืมเงินมากมายขนาดนี้ มักจะต้องให้ผมเขียนสัญญาเงินกูนะ” เฉินเฟิงพูด
“สัญญากู้เงินหรือ?” สายตาของซุนกุ้ยฟางหลบหลีกเล็กน้อย ทำหัวแข็งกล่าวว่า “สัญญากู้เงินกูวางไว้ในบ้าน ของสำคัญเช่นนั้น กูจะพกติดตัวมั่วๆได้ยังไง”
เฉินเฟิง ยิ้มอย่างดูถูกกล่าวต่อว่า “โอเค เรื่องของสัญญากู้ยืมเราอย่าเพิ่งเอ่ยถึง เมื่อกี้คุณบอกว่าผมอยากจะชนคุณตาย คุณมีหลักฐานหรือ?”
“หลักฐานหรือ?” ซุนกุ้ยฟางร้องกรี๊ดขึ้นมาเสียงหนึ่ง “กูก็เกือบจะถูกมึงชนตายแล้ว จะเอาหลักฐานจากไหนล่ะ ”
“ความหมายก็คือคุณไม่มีหลักฐานเหรอ?” เฉินเฟิงพูดอย่างเฉยเมย
เฉินเฟิงพูดเช่นนี้ คนข้างทางไม่น้อยเริ่มขมวดคิ้วขึ้นมา เมื่อกี้ตอนที่ซุนกุ้ยฟางร้องไห้ตะโกนเรียก พวกเขาเชื่อและยอมรับในสิ่งที่ได้ยินมาก่อนคิดว่าเฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยาจึงจะเป็นตัวการที่ก่อกรรมทำชั่ว ตอนนี้ดูแล้ว เรื่องเกรงว่าอาจไม่ใช่อย่างที่ซุนกุ้ยฟางพูด เพราะว่าปฏิกิริยาของซุนกุ้ยฟางไม่ค่อยปกติเล็กน้อย
“กู.......กูไม่สน ยังไงมึงตีเราแม่ลูกทั้งสองนี่คือเรื่องจริง ลูกชายกูก็นอนอยู่บนพื้นแล้ว บาดแผลในตัวเขาคงเป็นไปไม่ได้ว่าคือเขาทำตัวเองล่ะ” ซุนกุ้ยฟางพูดเหลวไหลมั่วซั่วไปต่อ
“บาดแผลที่อยู่บนกายของลูกชายของคุณคือถูกผมตีจริงๆ” เฉินเฟิงพูดยอมรับอย่างราบเรียบ
“ได้ยินแล้วใช่ไหม! พวกคุณได้ยินแล้วใช่ไหม!สัตว์เดรัจฉานที่ฆ่าพันมีดตัวนี้ เขายอมรับแล้วว่าบาดแผลที่ตัวลูกชายฉัน ก็คือถูกเขาตี” เห็นเฉินเฟิงถึงกล้ายอมรับด้วยตัวเอง สีหน้าซุนกุ้ยฟางอดไม่ได้ดีใจ
“แต่ว่าผมไม่เคยไปหาคุณยืมเงินห้าแสน ยิ่งไม่เคยชนคุณ” เฉินเฟิงพูดอีก
“นั่นทำไมมึงต้องตีลูกชายกูล่ะ?” ซุนกุ้ยฟางมือทั้งสองข้างกอดอกพูด
“เพราะว่าเขาอยากถูกอัด” เฉินเฟิงเอ่ยปากราบเรียบ
“มึง ........” ซุนกุ้ยฟางเก็บกด เดิมทีเธอคิดว่าเฉินเฟิงจะแก้ตัว แต่นึกไม่ถึง เฉินเฟิงไม่มีเจตนาที่จะแก้ตัวแม้แต่นิด
“ทุกคนลองพิจารณาดู สัตว์เดรัจฉานที่สูญสิ้นมโนธรรมตัวนี้ ไม่ต้องพูดถึงยืมเงินเด็กกำพร้าแม่หม้ายอย่างเรา ยังจะทำให้เด็กกำพร้าแม่หม้ายอย่างเราตาย ยังมีกฎหมายหรือไม่!” ซุนกุ้ยฟางคุกเข่าอยู่บนพื้น เริ่มขายความย่ำแย่อีก
“แจ้งความ! จับคนนี้ไปที่โรงพักให้ตำรวจสั่งสอนเขา!”
อย่าคิดว่ามีเงินก็สามารถทำตามใจชอบได้! ทุกคนลงมือพร้อมกัน ฉีกเสื้อผ้าของชายหญิงชั่วคู่นี้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...