อ่านสรุป บทที่ 424 ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้ จาก ลูกเขยมังกร โดย เมฆทอง
บทที่ บทที่ 424 ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ลูกเขยมังกร ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมฆทอง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 424 ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้
พอเห็นฉากที่รันทดแบบนี้ ทันใดนั้นทุกคนในห้องเหมาส่วนต่างก็รู้สึกตกใจไม่เบา
โดยเฉพาะเพื่อนร่วมห้องมากมายของก่วนฉู่อี้ ตอนนี้แม้แต่หายใจแรงยังไม่กล้าทำ
ใครก็นึกไม่ถึง ปกติก่วนฉู่อี้ที่น่าเกรงขาม ต้องตกอับจนต้องก้มกราบคนอื่นและยังต้องตบหน้าตัวเองเพื่อรักษาชีวิตไว้
สีหน้าของหลี่เล่อ ก็ดูซับซ้อนอย่างมาก
ในท่ามกลางผู้คนมากมาย มีแค่เขาที่เข้าใจในเฉินเฟิงและก่วนฉู่อี้
ก็แค่พนักงานตำแหน่งเล็กคนหนึ่งในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป แล้วก็คุณชายแห่งเมืองเจียงตงที่เป็นเศรษฐีร่ำรวยร้อยล้าน
ตามหลักความเป็นจริงแล้ว เรื่องมันมาถึงขั้นนี้ คนที่คุกเข่าลงเพื่อร้องขอให้อภัย ควรจะเป็นพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป
ทว่าคนที่คุกเข่าขอร้องให้อภัย กลับเป็นคุณชายแห่งเมืองเจียงตงที่ร่ำรวยร้อยล้าน
ไม่พูดไม่ได้ พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ทำให้มุมมองในการมองโลกของเขากลับกัน
เมื่อเทียบกับอาการตกใจของเพื่อนร่วมห้องของก่วนฉู่อี้และหลี่เล่อ สีหน้าของเซียวรั่วดูนิ่งเฉยกว่าเยอะ
ในความคิดของเธอ คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ก็คงจะเป็นก่วนฉู่อี้
เพราะว่าคนที่เขาต้องเผชิญคือเฉินเฟิง!
"ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วจะทำให้มันเกิดในตอนแรกได้ยังไง? " เฉินเฟิงส่ายหัวคลายยิ้ม น้ำเสียงเคล้าด้วยการเย้ยหยัน ก่อนหน้าก่วนฉู่อี้ทำตัวโอหังเย่อหยิ่งต้องให้เขาต้องคุกเข่าลง กลัวว่าคงนึกไม่ถึงว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ในตอนนี้หรอก
แค่บอกได้ว่า หาเรื่องใส่หัว
"ไสหัวไปเถอะ! " เฉินเฟิงโบกมือขึ้นอย่างรำคาญเล็กน้อย สำหรับสัตว์เลื้อยคลานอย่างก่วนฉู่อี้ เขาก็ไม่คงไม่อยากจะเรียกร้องอะไร ทำให้เขาสูญเสียสถานะจริงๆ
"ขอบคุณคุณชายเฉิน! ขอบคุณคุณชายเฉิน! ผมจะรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ผมจะรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้! " ก่วนฉู่อี้เหมือนได้รับการอภัยโทษอย่างใหญ่หลวง สีหน้าเคล้าด้วยความดีใจ และแทบจะกลิ้งและคลานออกจากห้องเหมาส่วนตัว
ถึงแม้คำพูดที่เฉินเฟิงพูดออกมาคือไสหัวไป ทว่าตอนนี้ คำว่าไสหัวนี้กลับทำให้ก่วนฉู่อี้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนเสียงสวรรค์อันเสนาะหู
หลังจากก่วนฉู่อี้จากไป ไป๋เหวินซั่วรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย "ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไร? "
ไป๋เหวินซั่วตกตะลึง จากนั้นก็ได้สติกลับมา เฉินเฟิงถือว่าไว้หน้าเขาแล้ว จึงไม่ได้เรียกร้องถึงเรื่องที่ผ่านมา
"ขอบคุณคุณเฉินมาก" ไป๋เหวินซั่วทำมือคารวะอย่างซาบซึ้ง เขานึกไม่ถึง เฉินเฟิงจะใจกว้างขนาดนี้ กลับไม่ถือสาเขาขนาดนี้
ข้างหลังของไป๋เหวินซั่วคือวั่นฝูหนิง ตอนนี้ก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ มีคำพูดนี้ของเฉินเฟิง ทางฝั่งไป๋เสี้ยวเทียน เขาจะได้มีคำตอบให้กับทางโน้น ไม่แน่ ไป๋เสี้ยวเทียนยังจะปล่อยไป๋เหวินซั่วไป เพราะท่าทีของไป๋เหวินซั่ว
"เกรงใจเกินไปแล้ว" เฉินเฟิงผายมือคลายยิ้ม ความแค้นเคืองพึงละมิพึงผูก เขาไม่ใช่คนที่ชอบบีบบังคับคนอื่น ไป๋เหวินซั่วยอมอ่อนข้อ เขาก็จะให้ไป๋เหวินซั่วมีบันไดเดินลง
แน่นอน ที่สำคัญที่สุด ระหว่างเขากับไป๋เหวินซั่ว จริงๆ แล้วไม่มีความแค้นอะไรที่ไม่สามารถลบล้างได้หรอก
หลังจากไป๋เหวินซั่วจากไป เพื่อนร่วมห้องมากมายของก่วนฉู่อี้ ต่างก็จากตามกันไป
"พี่เฟิง เราฉันไปก่อนนะ" หลี่เล่อกระตุกมุมปากที่เผยยิ้มที่ฝืน น้ำเสียงระมัดระวังเล็กน้อย
เฉินเฟิงเปล่งประกายนัยน์ตาที่ดูซับซ้อนอย่างไม่สามารถสังเกตเห็นได้ แล้วคลายยิ้มอ่อนๆ พลางพยักหน้า "อืม คุณไปก่อนเถอะ"
หลังจากออกจากห้องเหมาส่วนตัว หลี่เล่อก็เพิ่งจะสังเกตเห็น เพื่อนร่วมห้องที่มากมายก่อนหน้านี้ ไม่มีใครที่จากไปเลย พอเห็นตัวเอง แต่ละคนกันมุมล้อมเธอไว้ ท่าทีดูเป็นมิตรมาก
"หลี่เล่อ พี่เฟิงของนายมีฐานะอะไรกันแน่? "
"พี่เล่อ แนะนำพี่เฟิงให้เรารู้จักๆ หน่อยได้ไหม? "
"ใช่ พี่เล่อ พี่ถูกซ่อนตัวเองเป็นการส่วนตัวแบบนี้ ยังไงทุกคนก็คือเพื่อนร่วมห้อง ที่สามารถช่วยได้ ก็ควรจะช่วยเหลือ....."
"ใช่ พี่เล่อ วันข้างหน้าถ้ามีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองแล้ว อย่าลืมพูดถึงเพื่อนเก่าอย่างพวกเราบ่อยๆ นะ"
พอเห็นหลี่เล่อเหมือนจะไม่อยากจะเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับเฉินเฟิง ทุกคนก็ไม่อยากจะไถ่ถามอีก ทว่าท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลี่เล่อ เหมือนดีกว่าแต่ก่อนไม่น้อยกว่าพันเท่าแล้ว
ยังไงหลี่เล่อ ก็ได้ข้องเกี่ยวกับทายาทคนใหญ่คนโตของสี่ตระกูลใหญ่แล้ว
สามารถบอกได้ว่า แค่หลี่เล่ออยาก วันข้างหน้าอยากจะเป็นเศรษฐีก็คงไม่ใช่ปัญหา
ตรงข้ามกับก่วนฉู่อี้ ก่วนฉู่อี้ในตอนแรก คนทั้งหมดก็ได้มุมล้อมและยึดเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
ทว่าพอผ่านเรื่องนี้ไป ทุกคนแค่ไม่โง่ ก็จะอยู่ห่างจากก่วนฉู่อี้หน่อย
ยังไงก่วนฉู่อี้ก็ไปผิดใจกับเฉินเฟิง ถ้าวันไหนเฉินเฟิงเกิดบ้าเลือด อยากจะแก้แค้นก่วนฉู่อี้ขึ้นมา งั้นพวกเขาที่สนิทกับก่วนฉู่อี้ ก็จะเจอกับภัยพิบัติแน่นอน
พอเห็นทุกคนกล่าวทักทายแล้วทยอยกันมาหาเขา หลี่เล่อก็อดถอนหายใจไม่ได้ แล้วจับกุญแจรถในมือไว้
กุญแจรถคันนี้มีสัญลักษณ์ของอาวดี้A6 ก่อนหน้านี้เขายืมมาจากเฉินเฟิง ทีแรกก็อยากจะยืมอาวดี้A6ของเฉินเฟิงมาเสริมบารมีของตัวเอง
ทว่านึกไม่ถึง หลังจากถึงสถานที่จัดการงานเลี้ยงรุ่น กลับไม่มีใครสนใจรถที่เขาขับคืออะไร
กลับเป็นเฉินเฟิงที่ทำให้ทุกคนให้ความสำคัญอย่างแปลกพิลึก แม้กระทั่งสามารถพูดได้ว่าเป็นการประจบประแจง
ผลสรุปนี้ เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้หลี่เล่อเองก็ไม่เคยนึกถึง
"เช็คบิลเถอะ ผู้จัดการหวง"
ในเจียงหมั่นโล๋ เซียวรั่วคลายยิ้มบางๆ พลางเอ่ยขึ้น วันนี้เธอเป็นเจ้ามือ ข้าวมือนี้ แน่นอนว่าเธอต้องเป็นคนเลี้ยง
ทว่าใครจะไปรู้ เธอบอกว่าเช็คบิลเสร็จ ผู้จัดการหวงก็ทำสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปมาก แม้กระทั่งยังรู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย "คุณเซียวกล่าวเกินจริงแล้ว ทางเจียงหมั่นโล๋ของเรายังต้องขอประทานโทษคุณด้วยซ้ำ จะกล้าเก็บเงินคุณได้ยังไง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...