บทที่ 481 เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว
งานอวยพรวันเกิดให้แก่ญาติผู้ใหญ่ พวกเขาทั้งตระกูล ขนาดประตูโรงแรมจินหม่ายังไม่สามารถเข้าไปได้เลย
ความต่ำต้อยด้วยค่าเช่นนี้ การที่พวกเขาเป็นคนรุ่นหลัง การเข้ามาอวยพรวันเกิดของญาติผู้ใหญ่ของหลินเซียวเสียนก็เคยเข้าร่วมมาก่อน
“มีสิทธิ์อะไรให้พวกเราไปหาที่โรงแรมอื่นเอา? ทั้งๆ ที่พวกเราได้จองห้องจัดเลี้ยงของที่นี่ไว้กับทางพวกเขาไว้แล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาเอาห้องจัดเลี้ยงโรงแรมที่พวกเราจองไว้แล้วไปให้คนอื่นได้ แถมให้พวกเราไปจองโรงแรมเอง มันมีเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นได้ยังไง” หลินหย่าพ่นคำพูดเน้นย้ำออกมาอย่างไม่พอใจ
ทว่าทุกคนของตระกูลหลินกับไม่มีคนกล้าพูดเพิ่มเติม เพราะว่าสถานการณ์มันบังคับ
หวางเต๋อฟาเป็นประธานกรรมการบริษัทบริษัทจงเสิ้ง ทรัพย์สินของทางบ้านเขาน่าจะมีอยู่พันล้านโดยประมาณ ส่วนตระกูลหลินนั้น ก็แค่เป็นตระกูลเล็กๆ ที่ทำด้านการตกแต่ง เมื่อเงินของทั้งตระกูลมารวมกัน รวมยอดสุทธิอยู่ที่สองถึงสามพันล้านบาท
เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับหวางเต๋อฟาแล้วมันคนละระดับกันเลย
“เสี้ยเมิ่งเหยา หรือว่าแกไปพูดสักหน่อยดูไหม?” เมื่อเห็นทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเริ่มทยอยออกเวลานั้นเอง หลินโย่วพลันพูดขึ้นมาแทน
เมื่อเห็นว่าทุกคนหันมองมาที่ตนเอง หลินโย่วยังทำหน้าทำตาเช่นเดิม “พี่เมิ่งเหยาเป็นประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ งั้นพี่ก็บอกตำแหน่งของตนเองไปเลยสิ ประธานหวางคนนั้นก็ควรจะไว้หน้าพี่บ้างแหละ”
“จริงด้วย พวกเราทำไมลืมเรื่องพรรค์นี้ไปได้ เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นถึงประธานบริษัทบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป ถ้านับจากตำแหน่งแล้ว เธอก็ไม่ได้ต่ำต้อยอะไรมากมาย” เซ่หยูนฟางก็จงใจรีบพูดเพิ่มให้อีก ความจริงแล้วเมื่อครู่ที่เธอพูดออกไปเช่นนั้น มันก็แค่ฉากละครที่พูดไปตามน้ำ ที่เธอพูดออกไปเช่นนั้นก็ล้างแค้นให้เสี้ยเมิ่งเหยา
ทว่าที่หลินโย่วอ้าปากพูดออกมาในตอนนี้ เธอจะพูดคำพูดนี้ออกมาก็ไม่ได้คิดมากมายอะไร
ญาติพี่น้องตระกูลหลินต่างเบนสายตามาทางเสี้ยเมิ่งเหยา ความจริงแล้ว เหมือนที่เซ่หยูนฟางพูดออกมา ว่าในวันนี้เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ใช่คนก่อน แต่เป็นถึงประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป ก็ไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่ารองประธานกรรมการบริษัทจงเสิ้ง เรื่องนี้ การที่เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นคนออกหน้าเองถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
หากหวางเต๋อฟายังไว้หน้าเสี้ยเมิ่งเหยา งั้นก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ถ้ายังไม่ไว้หน้า คนที่จะเสียหน้าก็คือเสี้ยเมิ่งเหยาเอง พวกเขาไม่มีอะไรสูญเสียเลยสักอย่าง
“บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป?”
“เมิ่งเหยา ตอนนี้แกเป็นประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปเหรอ?”
หลินเซียวเสียนส่งสายตามาทางเสี้ยเมิ่งเหยาด้วยสายตาสงสัย เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากพูดกับเสี้ยเมิ่งเหยา
“ค่ะ คุณตา ตอนนี้ฉันเป็นประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป” เสี้ยเมิ่งเหยาพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
“ดี! ดี! ดี! ฮ่าๆ” หลินเซียวเสียนสีหน้าชื่นชม ถึงกับชมไม่หยุดปาก จากนั้นก็หัวเราะอย่างยินดี
ภาพนั้น ถางรั่วเสวี่ยนและหลินโย่วก็เห็นใบหน้าของญาติผู้น้องในตระกูลหลินต่างทำหน้าอิจฉาริษยา ไม่คิดเลยว่าห่างเหินกันไปสามปีแล้ว หลินเซียวเสียนก็ยังคงรักเสี้ยเมิ่งเหยาไม่แปรเปลี่ยน เมื่อได้ยินว่าได้เป็นประธานของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปแล้ว ยังดีใจซะกว่าถูกล๊อตเตอร์รี่ห้าล้านอีก
“หลินเสวียน เราไม่จัดงานที่นี่แล้ว เปลี่ยนที่จัดงานกันเถอะ” หลินเซียวเสียนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข
ในเวลานั้นเอง สำหรับเขาแล้ว การฉลองงานแซยิดมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร สิ่งสำคัญก็คือ การที่เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นถึงประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปนี่แหละ
ส่วนเรื่องที่เซ่หยูนฟางกับหลินโย่วแนะนำให้เสี้ยเมิ่งเหยาเรื่องไปหาหวางเต๋อฟานั้น.....
เขาอายุตั้งเท่านี้เข้าไปแล้ว จะดูความคิดความอ่านที่อยู่ในใจของสองคนไม่ออกหรือยังไง?
ทั้งสองคนให้เสี้ยเมิ่งเหยาไปหาหวางเต๋อฟา ที่เด่นชัดเลยคือทำเพื่อการครุ่นคิดเรื่องงานฉลองวันเกิดของเขา ความจริงแล้วก็แค่อยากให้เสี้ยเมิ่งเหยาแบกหน้าไปให้ขายหน้าเท่านั้นเอง
“คุณตา งั้นให้ฉันไปพูดกับเขาดีไหม” เสี้ยเมิ่งเหยามองไปทางหลินเซียวเสียนแล้วเอ่ยปากพูดออกมา แขกเหรื่อของตระกูลหลินทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย เวลานั้นเองถ้าให้พวกเขาไปเปลี่ยนสถานที่ พวกเขาก็คงไม่พอใจมาก หลินเซียวเสียนก็จะขายหน้าไปด้วย
เธอไม่อยากให้หลินเซียวเสียนขายหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...