บทที่ 508 เจอเพิ้งเย้นฟางอีกครั้ง
เมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของฉู่ชีงฉือ เฉินเฟิงก็อดที่จะเอ่ยปากไม่ได้ “ความจริงแล้วหากเธออยากเรียนดาบจริงๆ ไม่จำเป็นต้องฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของฉันก็ได้”
ฉู่ชีงฉือได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเบิกบานอีกครั้ง “พี่เฉินหมายความว่า……”
“ฉันสามารถสอนการใช้ดาบขั้นเริ่มต้นให้เธอก่อน หากเธอยังสนใจการใช้ดาบจริงๆหลังจากนั้นฉันค่อยพาเธอไปเจอพบกับอาจารย์ของฉัน แล้วเธอค่อยฝากตัวเป็นศิษย์กับสำนักของเราโดยมีอาจารย์ของฉันเป็นพยาน” เฉินเฟิงตอบกลับ ในชีวิตนี้เซียวกั่วจงรับลูกศิษย์เพียงแค่สามคนเท่านั้นและเขาคือศิษย์คนสุดท้าย
ศิษย์พี่ใหญ่อย่างจิงยีคอยอยู่เคียงข้างเซียวกั่วจงเสมอ ไม่สนใจโลกภายนอกเช่นเดียวกันกับเซียวกั่วจง
ศิษย์พี่รองอย่างหวงเชียนโฉงกลับเดินทางไปทั่วทุกสารทิศและร่วมต่อสู้กับผู้อื่นอยู่เสมอเพื่อฝึกวิชาของตน การพบเจอตัวเขานั้นยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก
ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมดของเซียวกั่วจงมีเพียงตัวเฉินเฟิงที่เป็นศิษย์คนสุดท้ายเท่านั้นที่ถือว่าปกติ อย่างน้อยก็ยังพบเจอตัวอยู่บ้าง
ดังนั้นภารกิจการถ่ายทอดวิชาของสำนักก็ควรมีเขาเป็นคนจัดการ
“จริงหรือคะ? เช่นนั้นชีงฉือขอขอบคุณพี่เฉินล่วงหน้า” ชีงฉือทำหน้าดีใจก่อนจะเอ่ยขอบคุณอย่างจริงจัง
“อย่าเพิ่งรีบขอบคุณฉันเลย ดาบไม่ได้เรียนง่ายเหมือนที่เธอคิด มันเป็นเรื่องที่ลำบากยากเข็ญพอสมควร หากเธอยอมแพ้กลางคันหรือไม่ผ่านเกณฑ์ของฉัน ฉันก็ไม่สามารถพาเธอไปเจออาจารย์ของฉันได้” เฉินเฟิงเอ่ยแกมหัวเราะ ฉู่ชีงฉือถือว่ามีพรสวรรค์ที่ดีเลยล่ะ หลายปีมานี้เธอก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆในวงการบันเทิง เธอจึงแทบไม่ได้ฝึกวิชาเลยแต่เธอก็ผ่านมาถึงขั้นหมิงจิ้งชั้นกลางแล้วและดูจากท่าทีแล้วมีโอกาสสูงมากที่เธอจะผ่านเข้าขั้นหมิงจิ้งชั้นสุดในเร็วๆนี้
หมิงจิ้งชั้นสุดก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอัจฉริยะของบางอาณาสำนักเท่าไหร่แล้ว
ทว่าการฝึกวิชานั้นพรสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความขยัน
คนที่มีพรสวรรค์แต่ไม่มีความขยัน สุดท้ายก็เป็นได้เพียงคนธรรมดาทั่วไป
“แหะๆ พี่เฉินวางใจได้ ฉันจะขยันแน่นอน” ฉู่ชีงฉือเอ่ยแกมหัวเราะ ความจริงแล้วตอนแรกเธอไม่ได้สนใจเรื่องการฝึกวิชาสักเท่าไหร่ หลายปีมานี้ที่เธอมาถึงขั้นหมิงจิ้งชั้นกลางได้ก็เพื่อเอาไว้รับมือกับที่บ้าน
ทว่าจากการถูกลอบฆ่าครั้งที่ผ่านมาทำให้เธอเปลี่ยนความคิด
การถูกลอบฆ่าครั้งที่ผ่านมาทำให้เธอเข้าใจทฤษฎีที่ว่าความสามารถคืออาวุธประจำกาย
คนที่ไม่มีความสามารถก็เปรียบได้กับจอกแหนที่ไม่มีราก แม้แต่สิทธิ์ในการกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองก็ไม่มี
นอกจากทฤษฎีนี้แล้วยังมีอีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นแรงผลักดันให้เธอในการฝึกวิชานั่นก็คือความงดงามของวงการศิลปะการต่อสู้
และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลังทั้งหมดก็ทำให้เธอเข้าใจว่าความเป็นจริงของโลกใบนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เธอเห็น
โลกใบนี้ยังมีวิชาตัวเบาหรือแม้แต่การรับกระสุนมือเปล่า หรือแม้แต่เรื่องต่างๆนาๆที่ไม่น่าเชื่อ……
เธออยากเห็นลักษณะที่แท้จริงของโลกใบนี้
หลังจากที่เรือเทียบท่า บรรดานักท่องเที่ยวก็เริ่มต่อแถวเพื่อรอขึ้นฝั่ง
ทว่าแน่นอนว่าคนที่เป็นแขกวีไอพีอย่างเฉินเฟิงไม่ต้องไปต่อแถวเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่น เพราะมีสิทธิพิเศษสามารถใช้ทางผ่านวีไอพีไปขึ้นฝั่งได้เลย
หลังจากเฉินเฟิงขึ้นฝั่งไปแล้ว บริเวณดาดฟ้าชั้นสามก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งสวมชุดเดรสหลวมโคร่งทำผมลอนสีแดงยืนอึ้งอยู่ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึงปนสงสัย “นั่นมันไอ้ขยะคนนั้นไม่ใช่หรือ? มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เฉินเฟิงไง” เพิ้งเย้นฟางตอบอีกครั้ง
“เฉินเฟิง?!” หวางซือหยวนกัดฟันแน่น “มันอยู่ไหน?”
“ทางนั้น” เพิ้งเย้นฟางชี้ไปทางที่เฉินเฟิงอยู่ วินาทีนี้เธอไม่รู้จะทำยังไงดี “เป็นอะไรไปลูก? ก็แค่เฉินเฟิง ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอสักหน่อย แกตกใจอะไรขนาดนั้น”
สีหน้าของหวางซือหยวนไม่ดีนักทว่าเธอก็ไม่ไอ้พูดอะไรออกไป เรื่องที่เฉินเฟิงขืนใจเธอ ตอนนี้เพิ้งเย้นฟางยังไม่รู้ แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่คิดจะบอกเพิ้งเย้นฟางอยู่แล้ว
“ไม่มีอะไรครับคุณป้า อาจจะเป็นเพราะซือหยวนเกลียดเฉินเฟิงมากเลยตกใจมากขนาดนี้” ขณะนั้นเองหลี่สื้อผิงก็ออกมาแก้ตัวให้ในสภาพเหงื่อเต็มหน้าผาก แน่นอนว่าเขารู้ว่าทำไมหวางซือหยวนถึงมีปฏิกิริยามากมายขนาดนี้
ครั้งก่อนหลังจากหวางซือหยวนถูกซงเต่าเฟิงและหลี่อี้ขืนใจ เขาบอกกับหวางซือหยวนว่าคนที่ขืนใจเธอคือเฉินเฟิง
วันนี้เมื่อพบกับเฉินเฟิงอีกครั้ง หวางซือหยวนไม่มีปฏิกิริยามากมายขนาดนี้สิถึงจะแปลก
ลากหวางซือหยวนหลบมาอีกด้าน หลี่สื้อผิงกำลังจะเอ่ยปากพูดแต่ไม่คาดคิดว่าหวางซือหยวนจะกัดฟันพูดขึ้นมาก่อน “สื้อผิง ฉันจะไปหาสัตว์เดรัจฉานคนนั้น!”
เมื่อได้ยินหวางซือหยวนพูดแบบนี้หลี่สื้อผิงก็ร้อนรนทันที เขาจึงรีบเอ่ย “ซือหยวน อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม ตอนนี้สัตว์เดรัจฉานคนนั้นกำลังอยู่กับคุณหนูตระกูลฉู่ ถ้าเธอไปหามันตอนนี้คุณหนูตระกูลฉู่ไม่ปล่อยเธอไปแน่”
“ซือหยวน แกจะไปหามันทำไม?” ขณะนั้นเองเพิ้งเย้นฟางเดินออกมาจากด้านหลังของทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
เมื่อเห็นว่าเพิ้งเย้นฟางโผล่ออกมาเงียบๆหลี่สื้อผิงก็ตกใจจนเหงื่อซึม ทว่าปากกลับเอ่ยแก้สถานการณ์อย่างรวดเร็ว “ใช่ คุณป้าพูดถูก เธอจะไปหาไอ้ขยะนั่นทำไมกัน? เราออกมาเที่ยวกันนะ ทำไมต้องไปหาไอ้ขยะนั่นให้ติดเสนียดกัน?”
“อีกอย่างตอนนี้ไอ้ขยะนั่นมันเกาะขาคุณหนูตระกูลฉู่อยู่ เราไปหามันตอนนี้เราอาจจะถูกมันเยาะเย้ยก็ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...