ลูกเขยมังกร นิยาย บท 538

บทที่ 538 หมัดเดียว

“ระเบิดออกทันทีอย่างงั้นหรือ?!”

สีหน้าของคนจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่ากำลังนึกถึงสภาพอเนจอนาถของจิ่วจิ่งถึงซิว

“คนญี่ปุ่นพวกนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า เพื่อชัยชนะในการต่อสู้ถึงกับไม่สนใจชีวิตตัวเอง?”

“นายคิดว่าพวกเขาอยากจะทำแบบนี้หรือ?”

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ฉู่ยี่เฟยเอ่ยตัดบท

เขาย้ายสายตาไปยังเฉินเฟิง “เสี่ยวเฟิง จุดอ่อนของยาอินหยางฉันก็บอกนายแล้ว หลังจากนายขึ้นเวทีไปแล้วก็เตรียมใจดีๆ”

“พี่ฉู่วางใจเถอะ ผมจะไม่ให้พวกมันมีโอกาสกินยาอินหยาง” เฉินเฟิงเอ่ยพลางยิ้มจางๆ ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะบาดเจ็บทำให้สามารถใช้พลังได้เพียงเจ็ดถึงแปดส่วนเท่านั้น ทว่าสำหรับเขาแล้วรับมือกับจอมยุทธ์ไม่กี่คนของประเทศญี่ปุ่นก็ยังถือเป็นเรื่องที่จัดการได้

“เชิญผู้เข้าแข่งขันของทั้งสองฝ่ายขึ้นเวที”

เฉินเฟิงเพิ่งเอ่ยจบ น้ำเสียงทุ้มหนาของผู้ตัดสินวัยกลางคนก็ดังขึ้นจากบนเวที เยาวชนตัวเตี้ยคนเดิมของทางสมาคมการค้าเชียสุ่ยขึ้นเวทีไปแล้ว

การต่อสู้สนามที่แปดเริ่มต้นขึ้นแล้ว

หลังจากเฉินเฟิงขึ้นเวทีไปแล้ว มุมปากของหูฉี่ซิงก็ยกขึ้นพลางหันไปเอ่ยกับจางเทียนเซอ “ผมคิดว่าพี่ฉู่คงคิดมากไปแล้ว จากความสามารถของเฉินเฟิงไม่ควรค่าให้คู่ต่อสู้กินยาอินหยางด้วยซ้ำ”

โดยทั่วไปจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นจะกินยาอินหยางก็ต่อเมื่ออยู่ในสถานการณ์บีบบังคับ ไม่มีทางเลือกแล้วถึงจะกิน

เพราะยังไงแล้วการกินยาก็เท่ากับต้องตาย

ดังนั้นไม่อับจนหนทางจริงๆพวกเขาไม่มีทางกินยาอินหยาง

เฉินเฟิงมีความสามารถถึงขนาดบีบคู่ต่อสู้จนไร้หนทางหรือ?

แน่นอนว่าไม่มี

จางเทียนเซอขมวดคิ้วมุ่นทว่าไม่ได้ตอบอะไร เขารู้สึกว่าคำพูดของฉู่ยี่เฟยเมื่อสักครู่มีความหมายอื่นแอบแฝง เฉินเฟิงอาจจะไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น

อีกด้านหนึ่ง หลังจากเฉินเฟิงขึ้นเวทีแล้ว

หลิ่วซวนที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งคนดูฝั่งสมาคมการค้าเชียสุ่ยก็เห็นเฉินเฟิง

หลังจากเห็นเฉินเฟิง ฉับพลันหลิ่วซวนก็มีสีหน้าตกตะลึง

ให้ตายเธอก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงเป็นจอมยุทธ์!

เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตนกล้าใส่ร้ายจอมยุทธ์ หลิ่วซวนก็เกิดอาการกลัวขึ้นมา

“เธอรู้จักเขาหรือ?”

เมื่อเห็นหลิ่วซวนจ้องเฉินเฟิงตาไม่กระพริบ กงปุ่นสองอีก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยปากถาม

“ไม่……ไม่รู้จัก” หลิ่วซวนรีบส่ายหน้าทันที ตอนนี้แน่นอนว่าเธอไม่สามารถบอกว่ารู้จักเฉินเฟิงได้ หากกงปุ่นสองอีรู้เรื่องที่เธอเคยให้ท่าเฉินเฟิง เกรงว่าเธอคงถูกกงปุ่นสองอีถีบกระเด็น

ไม่รู้จัก?

ใบหน้าของกงปุ่นสองอีมีความสงสัยพาดผ่าน ไม่รู้จักทำไมต้องตื่นตระหนกขนาดนี้?

บนเวที

เฉินเฟิงยืนตรงไขว้มือไว้ด้านหลังด้วยสีหน้าราบเรียบ

ทว่าเยาวชนตัวเตี้ยที่ยืนอยู่ตรงข้ามเฉินเฟิงกลับมีสีหน้าดุดันถึงขีดสุด

ก่อนที่การแข่งขันในครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้น กงปุ่นป้านฉางก็ทำการจัดลำดับผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบคนของทางสมาคมการค้าจงไห่

ในการจัดลำดับนั้น คู่ต่อสู้อย่างหูฉี่ซิงถูกจัดอยู่ในระดับ C ซึ่งก็คือระดับต่ำสุดนั่นเอง

จางเทียนเซอจัดอยู่ในระดับ A

หวังเฉียนจัดอยู่ในระดับ S ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ระดับสูงสุดเพียงคนเดียวของสมาคมการค้าจงไห่

ส่วนเฉินเฟิงนั้น……

ระดับที่กงปุ่นป้านฉางจัดให้ก็คือไม่ทราบ

ไม่ทราบในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเฉินเฟิงด้อยกว่าหวังเฉียน ทว่ากงปุ่นป้านฉางไม่ทราบเลยว่าความสามารถของเฉินเฟิงอยู่ในระดับไหน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา กงปุ่นป้านฉางมั่นใจแล้วว่าระดับของเฉินเฟิงอย่างต่ำก็อยู่ในระดับ S

เมื่อเทียบกับหวังเฉียนเฉินเฟิงมีแต่จะแกร่งกว่าแน่นอน!

“ทั้งสองท่านเริ่มได้”

ผู้ตัดสินวัยกลางคนกวาดสายตามองเฉินเฟิงและเยาวชนตัวเตี้ยแวบหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร