บทที่ 565 รับมือไม่ทัน
นอกจากนี้ พวกนินจาก็เหมือนกับการปฏิบัติแบบทหาร ด้านในก็มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด——คนที่ตำแหน่งน้อยต้องห้ามมีเงื่อนไขใดๆ และพร้อมมอบชีวิตให้คนตำแหน่งสูงกว่า ไม่อย่างนั้น อาจจะพบจุดจบที่น่าอนาถ!
ในสถานการณ์แบบนี้ นินจาที่เหลือหกกลุ่มนั้นถึงแม้ว่าจะถูกเฉินเฟิงทำให้กลัวจนหัวหด แต่ก็ยังก้มหน้ารับคำสั่งจากอิงมู่จวั่นเอินอยู่ แล้วก็ลุกขึ้นอีกครั้ง พลันรีบตรงไปที่ชิงช้าสวรรค์สวรรค์ทันที
ยามค่ำคืน พวกเขาต่างพากันคำนับทีละคน แล้วรีบวิ่งกึ่งคลาน และยิ่งทำให้รู้สึกต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีฮึดสู้
แต่ด้านบนของชิงช้าสวรรค์นั้น หลินหวั่นชีวแม้ว่าจะไม่ได้เห็นเฉินเฟิงสังหารนักฆ่าทั้งสี่คน แต่ถ้าดูจากเสียงปืนและคำสั่งของจวั่นฉีโย่เอ้อแล้ว ก็สามารถจะคาดเดาสถานการณ์ต่อไปได้
นางรู้ดีว่าเฉินเฟิงนั้นชิงลงมือก่อน เพื่อให้พวกนั้นรับมือไม่ทัน และก็ทำลายความฮึกเหิมของพวกนั้น
แต่ว่าภายในใจของนางก็ยังรู้สึกเศร้าใจ แววตาก็ดูวิตกกังวลอย่างมาก
เพราะว่าสิ่งที่นางเห็นในตอนนี้ นางเองก็ยังไม่แน่ใจจำนวนที่แท้จริงของพวกนินจา
“พี่เฉินเฟิง ท่านจะต้องมีชีวิตรอดให้ได้”
หลินหวั่นชีวกัดปากตัวเองแน่น ดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
และในเวลาเดียวกัน คนที่หลบซ่อนตัวห่างจากชิงช้าสวรรค์ประมาณสองร้อยเมตร อย่างเฉินเฟิงก็เปลี่ยนเป็นปืนกลMP5A1สองอัน แต่ว่าเขาไม่ได้ตามไปกำจัดพวกนินจาที่กำลังไปที่ชิงช้าสวรรค์
เพราะว่า เขารู้ดี สิ่งที่เขาทำลงไปในตอนนี้นั้นได้ไปทำให้จายเถิงเหย่สุงกับเชียนเย่จี๋เจิ้งโกรธเข้าแล้ว. ทั้งสองคนต่างนั่งไม่ติดแล้ว และต้องการจะลงมือเอง
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่สามารถจะปล่อยให้เวลาค่อยๆ เสียไปอีกแล้ว
เขาต้องดำเนินการแผนที่สามของเขาที่เข้าไปช่วยให้สำเร็จภายในคืนนี้
จับโจรก่อนจับพระราชา ฆ่าลูกน้องก่อนจะฆ่าคนสั่ง
หลังจากนั้น
เขาต้องจัดการกับจายเถิงเหย่สุงกับเชียนเย่จี๋เจิ้งที่เป็นคนที่มีความสามารถให้เรียบร้อยก่อน!
สีของฟ้าเริ่มสว่าง ลมกลางคืนพัดผ่าน พุ่มไม้ไหวไปตามแรงลม แล้วก็มีเสียงดังขลุกขลิก
ในยามนี้ เฉินเฟิงหมอบอยู่ในพุ่มไม้ เขาใช้กล้องส่องทางไกลมองไปยังชิงช้าสวรรค์
ดูจากแสงสว่างของหลอดไฟนั้น เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจน จายเถิงเหย่สุงกับเชียนเย่จี๋เจิ้งแบ่งกันอยู่หน้าอยู่หลัง ที่เดินไปเดินมา อย่างรวดเร็ว และก็ยังมีเงาดำอีกคนที่พรึบไปพรึบมาระหว่างชั้นสามกับบนชั้นสาม
ลองคิดดูแล้ว เขาก็พอจะรู้ว่า คนๆ นั้นเป็นนักฆ่าที่เหลืออยู่คนสุดท้าย และจุดประสงค์ของเขาก็คือ เพื่อแย่งปืน
ในเวลาต่อมา เฉินเฟิงหยุดมอง แล้ววางกล้องลง แล้วก็หันไปดูจายเถิงเหย่สุงกับเชียนเย่จี๋เจิ้งสองคนนั้นที่เร็วอย่างกับลม พลางถือปืนอย่างเตรียมพร้อม อีกทั้งเตรียมเล็งเป้ายิงไว้อย่างดี ในใจก็พลางคำนวณระยะตัวเองกับอีกฝั่งว่าห่างกันเพียงใด
แม้ว่าสำหรับเขานั้น ถ้าหากว่าสองคนนั้นสามารถเข้ามาประชิดตัวเขาได้ มันก็คือฝันร้ายสำหรับเขา แต่เขาจำเป็นจะต้องเสี่ยง และรอให้สองคนนั้นเข้ามาใกล้สามสิบถึงห้าสิบเมตรก่อน เขาถึงจะสามารถลั่นไกได้
และอีกด้านหนึ่ง สำหรับจอมยุทธ์ปรมาจารย์นั้นก็จะสัมผัสถึงความอันตรายได้อย่างเป็นพิเศษ และก็จะสามารถจับจุดได้ ตอนแรกควรจะหลบซ่อนตัวไว้ก่อน หลีกเลี่ยงการใช้ปืน อย่างน้อยก็ช่วยลดการปะทะได้
และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้จอมยุทธ์ปรมาจารย์พวกนี้จัดการยาก!
และอีกด้านหนึ่ง ความสามารถด้านการต่อสู้ค่อนข้างสูง แม้ว่าจะไม่สามารถทำได้อย่างกับที่คนเล่ากันว่า ร่างเหนียวกระสุนยิงไม่เข้า แต่ว่าถ้าหากยิงจากจุดไกลมาก ถ้าหากว่าปืนแรงไม่พอ อย่าว่าแต่โจมตีพวกเขาเลย พวกเขายังสามารถใช้พลังภายในต้านไว้ได้หมด หลังจากนั้นก็ควบคุมพลังภายใน ทำให้กระสุนไม่สามารถที่จะเข้าไปทำอะไรพวกเขาได้ แถมยังสามารถ ป้องกันตัวเองได้ด้วย
ปรมาจารย์ทั้งสองคนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่เก่งอันดับหนึ่ง แต่ถ้าดูจากการพิจารณาแล้ว ทั้งสองคนเมื่อก่อนนั้นเคยรับหน้าที่คุ้มกันด้านใน ถ้าหากว่าเขาตัดสินใจยิงในระยะไกลละก็ การที่จะเข้าเป้านั้นมีน้อยมาก
แล้วมาลองคิดดูอีกที แม้จะใช้กระสุนยิงใส่พวกเขา ดูจากความแรงของ MP5A1 แล้ว ก็ยังไม่สามารถทำอะไรพวกนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...