บทที่ 69 ลิปสติกรสชาติไม่เลว
“คุณเสิ่น กินข้าวเย็นรึยัง ไม่นั่งลงกินอะไรสักหน่อยล่ะ อาหารที่นี่รสชาติไม่เลวเลยนะ”เฉินเฟิงยิ้มพลางพูด หลายวันนี้เสิ่นหงชังมัวแต่วิ่งวุ่นทำงานเพื่อกิจการของยู่ฉวนซานอยู่ที่ยุโรป ไม่รู้ว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
“คุณชายเฉิน ผมไม่หิวครับ”เสิ่นหงชังจำใจพูด เขาไม่หิวที่ไหนกัน เพิ่งลงจากเครื่องบินมา แม้แต่น้ำก็ลืมดื่ม แล้วรีบมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าจะกินข้าวร่วมกับเฉินเฟิง
“งั้นก็ได้”เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้ดึงดัน หลังจากกินไปอีกไม่กี่คำ เฉินเฟิงก็ลุกขึ้น มองทุกคนที่อยู่ในห้องเล็กน้อยก่อนพูด “วันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ฉันไม่ต้องการให้ใครพูดออกไปทั้งนั้น”
ทุกคนต่างรีบพยักหน้า พูดเป็นเล่น ผู้ชายที่ทำให้หานหลงยอมกลายเป็นหมา ทำให้เสิ่นหงชังยอมก้มหัวให้ ฐานะนั้นสูงเสียดฟ้า คนแบบนั้น ถ้าอยากจะฆ่าพวกเขาก็ง่ายซะยิ่งกว่าบี้มด
ใครจะกล้าต่อกรด้วย?
“อีกอย่าง คุณเสิ่น หานหลง หวังว่าพวกคุณจะเก็บตัวตนของผมไว้เป็นความลับนะ”เฉินเฟิงพูดกลั้วหัวเราะ หลายเรื่องก็จำเป็นที่จะต้องควบคุมจากเบื้องหลัง เขาไม่สามารถยืนอยู่เบื้องหน้าได้
“ครับ คุณชายเฉิน โปรดวางใจ”ทั้งสองคนรีบพยักหน้าทันที เสิ่นหงชังรู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉินเฟิงอยู่แล้ว ส่วนหานหลงก็พอเดาได้คร่าวๆ
สามารถทำให้เสิ่นหงชังเคารพได้ ทั้งยังสกุลเฉิน แล้วยังอยู่ที่ร้านในเครือยู่ฉวนซานในชางโจวอีก นอกจากนายน้อยตระกูลเฉินแล้ว เฉินเฟิงก็ไม่อาจเป็นใครไปได้อีก
เพียงแต่.....
นั่นมันนายน้อยแห่งตระกูลเฉินเชียวนะ หานหลงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ถ้าเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉินเฟิงตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องให้เฉินเฟิงลงแรงขู่เขาหรอก เขายินยอมพร้อมใจจะวิ่งเข้าไปคุกเข่าเป็นหมาให้เฉินเฟิงได้เลย
ไม่ผิดแน่ เบื้องหลังของเฉินเฟิง นั้นคือตระกูลเฉิน!
ผู้คนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ดิ้นรนให้ตายก็ไม่ได้แตะตระกูลเฉิน!
เฉินเฟิงเป็นเพียงคนเดียวที่เดินออกมาจากประตู หลังจากออกมาแล้วจึงเห็นเสี้ยเมิ่งเหยาที่ยืนเงียบๆ อยู่คนเดียว
เมื่อเห็นเฉินเฟิงยังปลอดภัยดี เสี้ยเมิ่งเหยาแทบจะยืนไม่ติด พุ่งเข้ากอดเฉินเฟิงแน่น
เห็นขอบตารื่นแดงของเสี้ยเมิ่งเหยาแล้ว เฉินเฟิงพลันปวดใจ
“เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”เฉินเฟิงตบไหล่เสี้ยเมิ่งเหยาเบาๆ ก่อนเอ่ยปลอบ
“จากนี้อย่าไปสู้กับใครอีกนะ”เสี้ยเมิ่งเหยาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากที่ออกมาแล้วเธอก็เพิ่งได้สติ ว่าตอนนั้นถึงเฉินเฟิงจะเดินออกมาด้วยกันกับเธอ เชื่อว่าเสิ่นจุนเหวินก็คงไม่กล้าขวางหรอก แต่เฉินเฟิงกับอยู่ต่อ แม้จะไม่เกิดเรื่องขึ้น แต่ก็ทำให้เธอวิตกกังวลมาก
เฉินเฟิงยิ้มเฝื่อนพลางพยักหน้า ถ้าหากทำได้เขาก็อยากคุยกันด้วยเหตุผล แต่กับบางคน คุณคุยกับเขาด้วยเหตุผล เขาก็ตอบคุณด้วยกำปั้น พอคุณจะคุยกับเขาด้วยกำปั้น เขาก็คิดจะคุยเหตุผลกับคุณขึ้นมา
“จริงสิ นาย...”
เสี้ยเมิ่งเหยามองเฉินเฟิงอย่างลังเล อยากจะถามเฉินเฟิงว่าทำไมถึงได้มีฝีมือขนาดนี้ แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก กลับถูกกลืนกลับเข้าไป เพราะนั่นคือความลับของเฉินเฟิง เธออยากจะให้เฉินเฟิงบอกออกมาเอง
“ทำไมเหรอ?”เฉินเฟิงเงยหน้า
“ไม่มีอะไร ครั้งก่อนที่คลับเจวาย นายช่วยฉันไว้ใช่มั้ย?”เสี้ยเมิ่งเหยาถาม ครั้งก่อนที่เฉินเฟิงบอกว่ากำลังตรวจตราพอดี ถึงได้ช่วยเธอไว้ แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว เดิมทีคงจะไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นเฉินเฟิงเอง
รวมถึงตอนที่อยู่กับสวีเฟยหรงที่วิลล่ากู่โย่วครั้งนั้นด้วย กู้ตงเชินไม่ได้ตกใจกลัวที่เห็นเธอ แต่เพราะเห็นเฉินเฟิงต่างหาก
คิดถึงตรงนี้ เสี้ยเมิ่งเหยาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย ตัวตนของเฉินเฟิง ราวกับมีความลับมากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...