บทที่ 749 หักขาทั้งสองข้าง
สำหรับคำพูดเยาะเย้ยของเฉินเฟิง จั่วจู้ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีก เขาพ่ายแพ้แล้วนี่คือความจริง คำพูดทั้งหมดจึงไม่มีความหมายใดๆ
อีกทั้งเขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกถึงได้คิดว่าเฉินเฟิงพูดถูก หากเขาอยู่ในระดับเดียวกับเฉินเฟิงและไม่ได้ฉีดยาพันธุกรรม เขาไม่อาจสู้เฉินเฟิงได้เลย
คิดมาถึงตรงนี้จั่วจู้ยิ่งรู้สึกขมขื่น ฝึกฝนการต่อสู้มาตั้งหลายปีเขาแทบจะไม่เคยมีคู่ต่อสู้ อีกทั้งคนภายนอกยังสรรเสริญว่าเขาคืออัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่หาตัวจับยากของประเทศญี่ปุ่น ขึ้นสู่จุดสูงสุดของยอดพีระมิดของรุ่นเยาวชน
เมื่อพูดบ่อยเข้า เรื่องไม่จริงก็กลายเป็นเรื่องจริง จนถึงขั้นที่ว่าจั่วจู้ยกระดับตัวเองให้อยู่สูงกว่าคนอื่น เขาคิดว่าตัวเองคืออันดับหนึ่งของคนในรุ่นเดียวกัน เป็นอันดับหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้รุ่นเยาวชน
ส่วนเฉินเฟิงที่เขาเคยดูถูก ตอนนี้จัดการเขาจนอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้ เขาอัดอั้นใจมากจนไม่กล้าสู้หน้าใครแล้ว
เรื่องนี้ไม่โทษคนอื่น โทษตัวเขาเองที่ตอนแข่งมั่นใจเกินไป คุยโวมากไป อีกทั้งเนื่องจากความเย็นชาของเขา เหล่าผู้ชมจึงไม่ค่อยชอบเขานัก
ตอนนี้จั่วจู้คุกเข่าอยู่บนเวที ดูอ้างว้างถึงขีดสุด ทว่าทั้งหมดนี้เขาทำตัวเองทั้งนั้น
“นายวางใจได้ ฉันเคยบอกแล้วว่าจะไม่ฆ่านาย ฉันจะรักษาสัญญาแน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ทำอะไรเลย เรายังมีเวลาอีกมาก ค่อยๆคิดก็ได้ว่าแค้นนี้จะชำระยังไง!”
เฉินเฟิงก้าวไปหาจั่วจู้พลางเอ่ย “เมื่อวานนายคิดว่าตัวเองเก่งมากเลยทำร้ายเทียนอิงพวกพ้องของฉัน แถมยังหักขาเขาไปข้างหนึ่ง อีกทั้งยังปากเสียดูถูกวงการศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาของฉัน วันนี้ฉันจะคืนให้นายทั้งหมด!”
เอ่ยจบเฉินเฟิงก็สะบัดขาเร็วดั่งสายฟ้าและเตะเข้าที่ขาข้างหนึ่งของจั่วจู้
เสียงกร๊อบดังขึ้นครั้งหนึ่ง กระดูกต้นขาของจั่วจู้แตกหักทว่าไม่ได้แตกละเอียด นั่นก็เป็นเพราะเฉินเฟิงตั้งใจควบคุมแรงเตะไว้ แค่พอให้จั่วจู้ได้รู้สึกเจ็บ และเมื่อจบการแข่งขันแค่ไปพบแพทย์เพื่อต่อกระดูกก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้ เช่นนี้เทียนอิงก็จะสามารถลบล้างความอัปยศที่เกิดขึ้นเมื่อวานด้วยตัวเองได้
“วันนี้หักขานายทั้งสองข้าง ถือว่าทำโทษที่นายหักขาพวกพ้องฉันไปข้างหนึ่ง!”
เฉินเฟิงเก็บขากลับมาจากนั้นก็กระชากผมจั่วจู้แล้วหิ้วอีกฝ่ายขึ้นมา ทำให้หน้าของอีกฝ่ายหันไปยังทิศทางที่เทียนอิงอยู่
“ตอนนี้นายต้องสำนึกผิดที่เมื่อวานนายดูถูกศักดิ์ศรีเพื่อนฉัน!”
เอ่ยจบเฉินเฟิงก็ไม่รอให้จั่วจู้ได้แสดงความเห็น เขากดศีรษะของจั่วจู้ให้แนบลงกับพื้นทันที
เสียงตุบดังขึ้นครั้งหนึ่ง จั่วจู้รู้สึกเพียงว่าเวียนศีรษะตาลายและเจ็บบริเวณหน้าผากราวกับถูกไฟเผา
เทียนอิงที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งของผู้ชมได้ยินคำพูดของเฉินเฟิงอย่างชัดเจน เมื่อเห็นการกระทำของอีกฝ่ายเทียนอิงก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนน้ำตาคลอเบ้า ภาพเหตุการณ์ในวันนี้เขาจะไม่มีวันลืม
เทียนอิงและเฉินเฟิงเจอกันตอนคัดเลือกตัวแทนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก ตอนนั้นเทียนอิงก็สนใจเฉินเฟิงที่พอมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ส่วนเทียนอิงที่เป็นคนซื่อตรงก็ได้รับความรู้สึกดีๆจากเฉินเฟิง
ตอนหลังพวกเขาทั้งสองคนกลายเป็นตัวแทนของประเทศหวาเพื่อมาแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก ถึงแม้เทียนอิงจะมองเฉินเฟิงเป็นคู่แข่งและแบบอย่างของตัวเองมาโดยตลอด ทว่าเขารู้ดีแก่ใจว่าเฉินเฟิงเก่งกว่าเขามาก
ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็ไม่ย่อท้อ ฝ่าฟันอุปสรรคจนเข้าสู่รอบแปดคน เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์เล็กๆเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งเขามาเจอกับจั่วจู้และโดนหักขาไปข้างหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...